ตอนที่ 51 กายเซียนหมิงเยว่ (ฟรี)
ตอนที่ 51 กายเซียนหมิงเยว่
ขณะที่ลู่เหยากำลังมุ่งความสนใจไปที่การปรับแต่งดาบเป่ยหมิง ร่างลวงตาก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นข้างๆ เธอ
นิ้วของลู่ซุนเหยียดออกไป และริ้วแสงก็พวยพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา และพุ่งไปที่ที่หว่างคิ้วของลู่เหยา
สำหรับลู่เหยา เธอกำลังมุ่งความสนใจไปที่การปรับแต่งดาบเป่ยหมิง เธอจดจ่อกับมันเป็นอย่างยิ่งทำให้เธอไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในโลกภายนอกเลย แต่ก็มีอาการขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แม้ว่าด้วยพลังของข้าในตอนนี้จะไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้มากนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะปลุกกายเซียนในร่างของเจ้า” ลู่ซุนพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ พร้อมรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า
ขณะที่ริ้วแสงตกลงบนหว่างคิ้วของลู่เหยา ร่างกายของเธอก็สั่นเล็กน้อย แสงเหล่านั้นค่อยๆ หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเธอ
จากนั้น สัญลักษณ์รูปจันทร์เสี้ยวปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของเธอ เปล่งแสงเจิดจ้า
เหนือสวรรค์ทั้งเก้า มีแสงจันทร์ตัดผ่านท้องฟ้า และตกลงสู่โลกเบื้องล่างโดยตรง
ออร่าบนร่างของลู่เหยาเริ่มผันผวน และร่างกายของเธอก็ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างช้าๆ โดยมีลำแสงสาดส่องออกมาจากทั่วร่าง
ด้วยความมึนงง ร่างกายของลู่เหยาดูเหมือนจะกลายเป็นดวงจันทร์ที่สว่างไสว และแสงที่ส่องออกมานั้นอ่อนโยน และบริสุทธิ์อย่างยิ่ง
ออร่าของลู่เหยาเริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าก็ถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัว
หลอมวิญญาณขั้นต้น หลอมวิญญาณขั้นกลาง หลอมวิญญาณขั้นสูง และหลอมวิญญาณขั้นสูงสุด!
จากนั้นก็ทะลวงผ่านเข้าสู่ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์!
ในคืนเดียว ลู่เหยาทะลวงผ่านจากขอบเขตหลอมวิญญาณขั้นต้นไปสู่ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลัง
เมื่อเทียบกับฐานพลังยุทธ์ที่เพิ่มขึ้น รูปลักษณ์ของลู่เหยานั้นเปลี่ยนแปลงไปมาก
ผิวของเธอเรียบเนียนมากราวกับหยกขาวบริสุทธิ์ และมีแสงจันทร์ปรากฏเหนือร่างกายของเธอ ทำให้เธอดูเหมือนเทพธิดาจากสวรรค์
ในเวลาเดียวกัน ลู่เหยารู้สึกได้ว่าความเร็วในการฝึกฝนของเธอเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน จนถึงระดับที่คาดไม่ถึง
“กายเซียนหมิงเยว่? นี่คือกายเซียนที่ข้ามีงั้นเหรอ?” ลู่เหยาค่อยๆ ลืมตาขึ้นและพูดกับตัวเอง
กายเซียนระดับนี้หาได้ยาก และทรงพลังมาก มีพลังอันเหลือเชื่อ และสามารถฝึกฝนได้ด้วยความช่วยเหลือจากแสงจันทร์
ยิ่งกว่านั้นยังสามารถควบแน่นแสงจันทร์เป็นพลัง ยืมพลังจันทราเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถสั่นสะเทือนโลกออกมา
กายเซียนระดับนี้หาได้ยาก และไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่าจะได้เห็นเพียงครั้งในรอบล้านปี
ลู่เหยาไม่เพียงแต่ปลุกกายเซียนได้เท่านั้น แต่ยังได้รับมรดกที่เป็นวิชาเฉพาะตัวอีกด้วย
มันถูกเรียกว่า ‘วิชาเร้นจันทร์’ ซึ่งถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่มีกายเซียนหมิงเยว่ เป็นทักษะยุทธ์เหมาะสมที่สุดสำหรับลู่เหยาในตอนนี้
หลังจากฝึกฝนจนถึงระดับสูงสุดแล้ว ว่ากันว่าจะมีพลังที่เทียบได้กับดวงจันทร์ นั่นคือพลังของดาวทั้งดวง ไม่จำเป็นต้องเอ่ยว่าจะน่ากลัวขนาดไหน
“น่าเสียดายที่แม้จะมีกายเซียนหมิงเยว่ ข้าก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะฝึกฝนวิชาเร้นจันทร์ได้” ลู่เหยาถอนหายใจเบาๆ และพูดกับตัวเอง
ตระกูลลู่ในตอนนี้ไม่มีทักษะยุทธ์ที่ใช้ฝึกฝนจนถึงขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งน่าสังเวชมากจริงๆ
แม้ว่าคัมภีร์ฮั่นหยวนจะลึกลับ และทรงพลัง แต่มันก็ไม่สมบูรณ์ ในมือของพวกเขามีเพียงส่วนแรกๆ จึงทำให้ฝึกฝนได้ถึงขอบเขตหลอมวิญญาณเท่านั้น
หากต้องการไปให้ไกลกว่านี้ พวกเขาต้องหามรดกอื่นๆ ที่ตระกูลลู่สูญเสียไปในตอนนั้นกลับคืนมา
หลังจากที่ลู่เหยาได้สติแล้ว เธอก็โค้งคำนับไปที่ห้องที่บรรพบุรุษนอนอยู่
“ขอบคุณบรรพบุรุษสำหรับของขวัญ ลู่เหยาจะจดจำมันไปชั่วชีวิต!”
แม้ว่าลู่เหยาจะมองไม่เห็นเขาเลย แต่จากท่าทีของเธอ ลู่ซุนยิ้มเล็กน้อย และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ในบรรดาลูกหลานหลายคนของเขา ลู่เหยาถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่น ไม่เพียงแต่เธอจะมีกายเซียนหมิงเยว่ แต่เธอยังให้ความเคารพต่อเขามากยิ่งกว่าใคร ซึ่งหาได้ยากมาก
เสียงจากความก้าวหน้าของลู่เหยาไม่ได้เบา เสียงนั่นจนทำให้ลู่ซวน และผู้อาวุโสสองซึ่งอยู่ไม่ไกลตื่นขึ้น และพวกเขาก็รีบตรงมาที่ห้องของเธอ
“น้องสาว เจ้ากำลังทำอะไรอยู่” ลู่ซวนมองไปที่ลู่เหยาที่เปลี่ยนไปอย่างมากด้วยความประหลาดใจ โดยเขาแทบไม่จำเธอได้
แม้ว่าในอดีตลู่เหยาจะงดงาม แต่เธอก็ไม่สวยเทียบกับตอนนี้ แต่ตอนนี้เธองดงามอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับผลงานชิ้นเอกของผู้สร้าง ปั้นแต่งด้วยมือของสวรรค์
“ลู่เหยา ตอนนี้เจ้าอยู่ในขอบเขตใดแล้ว? ทำไมเจ้าถึงทำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัว?” ผู้อาวุโสสองเหลือบมองลู่เหยาแล้วถามเสียงดัง
“ต้องขอบคุณบรรพบุรุษ ข้าไม่เพียงแต่ปลุกกายเซียนหมิงเยว่ขึ้นมาได้เท่านั้น แต่ยังทะลวงผ่านไปสู่ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ได้อีกด้วย” ลู่เหยายิ้มเล็กน้อยแล้วอธิบายให้ผู้อาวุโสสองฟัง
“ฟ่อ... ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์? กายเซียนหมิงเยว่? นั่นไม่ใช่หนึ่งในสิบสุดยอดกายเซียนของเผ่ามนุษย์หรอกเหรอ? เจ้าปลุกกายเซียนแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ งั้นรึ!” ผู้อาวุโสสองสูดลมหายใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
กายเซียนหมิงเยว่หรือที่เรียกว่ากายเซียนจันทร์กระจ่างเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดกายเซียนของเผ่ามนุษย์ เป็นกายเซียนที่หายากในรอบหมื่นปี
กายเซียนระดับนี้ล้ำค่าแม้แต่ในสายตาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เมื่อตื่นขึ้นแล้ว เธอก็จะได้รับตำแหน่งนักบุญของสำนัก มีสถานะที่เหนือว่าใคร
หากผู้ที่ครอบครองหนึ่งในสิบสุดยอดกายเซียนไม่ตายกลางคัน พวกเขาจะกลายเป็นอมตะได้อย่างแน่นอนผ่านการฝึกฝน นี่แสดงให้เห็นว่าได้ว่ากายเซียนเหล่านี้ทรงพลังมากแค่ไหน!
“บรรพบุรุษ ท่านจะลำเอียงมากเกินไปแล้ว!” ผู้อาวุโสสองร้องด้วยความโศกเศร้า เขาวิ่งตรงกลับไปที่ห้องของตน แล้วคุกเข่าลงหน้าเตียงของลู่ซุน ร่ำไห้ไม่หยุด
"..." ลู่ซุนเหลือบมองผู้อาวุโสสองโดยไม่พูดอะไร รู้สึกลำบากใจกับลูกหลานคนนี้มาก
“บรรพบุรุษ ลู่เหยาเพิ่งฝึกฝนมาได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่ตอนนี้พลังยุทธ์ของเธอเหนือกว่าของข้าไปมากแล้ว ข้ารู้สึกอับอายจนไม่อาจไปพบหน้าใครได้อีกแล้ว!” ผู้อาวุโสสองหลั่งน้ำตาซึ่งทำให้ทุกคนอยากร้องไห้ตามเมื่อได้ยิน
“บรรพบุรุษ ท่านไม่ควรลำเอียงเช่นนี้ ข้าภักดีต่อท่าน และดูแลท่านเป็นอย่างดี ท่านไม่เห็นใจข้าเลยงั้นรึ!” ยิ่งผู้อาวุโสสองคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นเท่านั้น ใบหน้าชราของเขาเหี่ยวย่นทำให้ดูน่าสงสารอย่างยิ่ง
“บรรพบุรุษ ปีนี้ข้าอายุเพียง 40 เท่านั้น ข้าทำงานหนักเพื่อตระกูลลู่ ไม่เคยแต่งภรรยาเลยสักครั้ง แต่ด้วยความทุ่มเททำให้ผมของข้าขาวโพลนตั้งแต่อายุยังน้อย คนที่ไม่รู้จักคงคิดว่าข้าอายุเจ็ดสิบหรือแปดสิบปีแล้ว ข้าทำทั้งหมดนี้เพื่อตระกูลลู่ แม้จะเหนื่อยล้าทุกวัน ข้าก็ไม่เคยท้อถอย!” ผู้อาวุโสสองหลั่งน้ำตา ลู่ซวน และลู่เหยาก็มองหน้ากันด้วยความตกใจ
“บรรพบุรุษ ข้าทำงานให้กับตระกูลลู่มาครึ่งชีวิตแล้ว แม้ว่าข้าจะหน้าตาไม่ดี แต่ข้าก็ทุ่มเทอย่างหนัก ท่านจะปฏิบัติต่อข้าแตกต่างออกไปเพียงเพราะข้าหน้าตาไม่ดีเท่าลู่เหยาไม่ได้นะ!” ผู้อาวุโสสองร้องไห้อย่างหนัก ทำให้ใบหน้าของเขาย่นยับ และดูน่าเกลียด เมื่อลู่ซุนได้ยินสิ่งนี้เขาก็รู้สึกละอายใจ
เหมือนเขาจะลำเอียงเกินไปจริงๆ เขาอยากจะสนับสนุนคนหนุ่มสาวในตระกูล จึงทำให้เพิกเฉยต่อผู้อาวุโสในตระกูลที่ภักดีเหล่านี้ไปโดยไม่รู้ตัว
คนเหล่านี้คือ ผู้ที่ปกป้องตระกูลลู่อย่างสุดใจในช่วงเวลาที่ตระกูลลู่ถดถอยลง หากไม่มีพวกเขา ตระกูลลู่อาจสูญสิ้นไปนานแล้ว
“หยุดร้องได้แล้ว เจ้าต้องการอะไร ถ้าทำได้ข้าให้สัญญาว่าจะมอบให้” ลู่ซุนถอนหายใจเบาๆ และเสียงของเขาก็ดังไปถึงหูของผู้อาวุโสสอง
“ขอบคุณสำหรับความเมตตา…บรรพบุรุษ!” ใบหน้าของผู้อาวุโสสองเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาหยุดร้องไห้ แต่ยังคงหมอบอยู่บนพื้น
“บรรพบุรุษ ท่านช่วยเพิ่มพูนพลังยุทธ์ของข้าได้หรือไม่? ข้าติดอยู่ที่ขอบเขตวิญญาณแรกเริ่มมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะทะลวงผ่านคอขวดไปได้สักที” ผู้อาวุโสสองกล่าวอย่างระมัดระวังหลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง
ในความเป็นจริง ด้วยพรสวรรค์ของเขา แค่มาถึงขอบเขตวิญญาณแรกเริ่มก็เหมือนกับปาฏิหาริย์แล้ว หากไม่ใช่เพราะโอกาสที่บรรพบุรุษมอบให้ เขาคงจะติดอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำไปตลอดชีวิต