กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 182 สองชั่วยามให้หลัง
กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 182 สองชั่วยามให้หลัง
บนหลังนกอินทรี
ภายในตำหนักสีดำ บรรยากาศหนักอึ้ง
ชายชราชุดดำ ผมขาวโพลน ร่างกายปกคลุมไปด้วยปราณมาร นั่งอยู่บนท้องฟ้า ราวกับจอมมารจุติ น่าเกรงขามยิ่งนัก
“จางไป๋ชวน สิ่งที่เจ้ากล่าวเมื่อครู่ เป็นความจริงหรือ”
“ศิษย์มิกล้าหลอกลวงบรรพบุรุษ”
จางไป๋ชวนร่างกายหนักอึ้ง ราวกับถูกภูเขากดทับ เขาโค้งคำนับ กล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ข่าวนี้ ท่านอาจารย์เป็นผู้บอก และข่าวสารนี้ ท่านอาจารย์ซื้อมาจากหอคอยกลไกสวรรค์”
“หอคอยกลไกสวรรค์?”
ชายชราชุดดำใจหาย
ในตอนนี้
เขารู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา
หลังจากผ่านเรื่องราวมากมาย หากยังมีใครสงสัยในความถูกต้องของข่าวสารหอคอยกลไกสวรรค์ นั่นก็คือคนโง่เขลา
สำนักมารเก้าขุมนรกของพวกเขา
เรียกได้ว่า เป็นขุมอำนาจที่ได้รับผลประโยชน์จากหอคอยกลไกสวรรค์มากที่สุด
คนอื่นสามารถสงสัย
แต่พวกเขาไม่มีทาง
เรียกได้ว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหอคอยกลไกสวรรค์!
“ลงไป!”
ชายชราชุดดำกล่าวสองคำโดยไม่ลังเล
ในเมื่อมีคนหมายตาสมุนไพรวิญญาณระดับกึ่งจักรพรรดิในมือของพวกเขา การเดินทางต่อไป ก็เท่ากับการหาที่ตาย
สำนักมารเก้าขุมนรก พลังโดยรวมมิได้โดดเด่น
สิ่งที่พวกเขาถนัดที่สุดคือการวางค่ายกล
ตอนนี้ ศัตรูยังมาไม่ถึง เขามีเวลาสามชั่วยามในการวางค่ายกล หากสามารถวางค่ายกลสังหารได้
ตราบใดที่ไม่ใช่ระดับอภิศักดิ์สิทธิ์
เขาก็มีความมั่นใจที่จะต่อสู้!
“ฟิ้ว!”
นกอินทรีกางปีก ราวกับดาวตกสีดำ ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
…
ในเวลาเดียวกัน
แปดแสนลี้
ยอดฝีมือเผ่ามารโลหิตหลายคน ยืนอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาปล่อยแสงเทพปกคลุมร่างกาย ปิดกั้นกลิ่นอายทั้งหมด
ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาคือผู้ใด
“ใกล้จะมาถึงแล้วกระมัง”
เผ่ามารโลหิตคนหนึ่ง ร่างกายปกคลุมไปด้วยแสงเทพ ราวกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชน เขามองไปยังห้วงมิติเบื้องหน้า กล่าวอย่างแผ่วเบา
“อีกสองชั่วยาม”
คนข้างกายกล่าวอย่างแผ่วเบา
“สองชั่วยามหรือ”
คนที่เพิ่งจะพูด กล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็นชาว่า “คนของสำนักมารเก้าขุมนรก ทำไมจึงมาช้าเช่นนี้ ทำให้พวกเรารอคอยนานนัก”
“มิใช่ว่าพวกเขามาช้า แต่พวกเรามาเร็วเกินไป สหายเต๋าเสวี่ยเหยียนเคยทำนายเอาไว้ คนของสำนักมารเก้าขุมนรกจะมาถึงเวลาใด”
ยอดฝีมือที่ราวกับเทพสังหาร กล่าวอย่างแผ่วเบา
ในมือทั้งสองของเขา ปรากฏแสงสว่าง ดวงตาสว่างไสวราวกับโคมไฟ รอบกายมีเสียงโอดครวญของสรรพสัตว์ดังขึ้น ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
“ที่นี่คือเส้นทางที่คนของสำนักมารเก้าขุมนรกต้องผ่าน เมื่อพวกเขามาถึง ที่นี่จะเป็นสุสานของพวกเขา!”
“ถูกต้อง!”
ยอดฝีมือข้างกายกล่าวเสริม ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเย็นชา เขากล่าวว่า
“ราชันศักดิ์สิทธิ์เพียงคนเดียว จะสามารถต่อกรกับพวกเราสามคนได้อย่างไร”
“หลังจากสังหารคนของสำนักมารเก้าขุมนรกแล้ว พวกเราจะโยนความผิดให้กับเผ่าอสูร คงจะทำให้โลกแห่งการบำเพ็ญวุ่นวาย”
เมื่อหลายปีก่อน
เผ่ามารโลหิตเคยปรากฏตัวในโลกนี้ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็เคยครอบครองดินแดนมากมาย
ได้รับมรดกของโลกใบนี้
พวกเขาสามคน ล้วนฝึกฝนวิชาเวทเหล่านั้น หลังจากสังหารคนของสำนักมารเก้าขุมนรกแล้ว พวกเขาเพียงแค่ปล่อยกลิ่นอายของพลังวิเศษออกมา
ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีคนสนใจ
“สหายเต๋าคนอื่น ๆ ก็คงจะลงมือแล้วกระมัง”
ยอดฝีมือที่ราวกับเทพสังหารกล่าว
“จากการคำนวณ คงจะไม่ต่างกัน”
คนที่อยู่ด้านซ้ายกล่าวพลางพยักหน้า
“อืม” คนที่อยู่ตรงกลางพยักหน้าเบา ๆ กล่าวว่า “ครั้งนี้ สหายเต๋าเสวี่ยเหยียนทำนายชะตาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากเรื่องนี้สำเร็จ พวกเราจะมอบสมุนไพรวิญญาณระดับราชันศักดิ์สิทธิ์ให้เขาหนึ่งต้น ช่วยเขาสะกดกลั้นบาดแผล”
“ได้!”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาควรทำ
สหายเต๋าเสวี่ยเหยียนทุ่มเทให้กับเผ่ามารโลหิตอย่างมาก พวกเขาจะเพิกเฉยไม่ได้
หลายคนพูดคุยกัน
สามชั่วยามให้หลัง
เผ่ามารโลหิตที่อยู่ตรงกลางขมวดคิ้ว เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า
“ตอนนี้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว?”
“อืม” เผ่ามารโลหิตด้านซ้าย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองขึ้นไปบนท้องฟ้า กล่าวอย่างไม่มั่นใจว่า “น่าจะสองชั่วยามกว่ากระมัง”
“สองชั่วยามกว่าหรือ?”
“เช่นนั้นคงยังไม่ถึงเวลา พวกเรารอคอยต่อไป”
เผ่ามารโลหิตที่อยู่ตรงกลาง แม้จะสงสัย แต่ไม่ได้เอ่ยออกมา
จากการที่เขารู้จักสหายเต๋าเสวี่ยเหยียน ความสามารถในการทำนายชะตาของอีกฝ่ายไม่มีทางผิดพลาด
หากผิดพลาด
ก็เป็นคนของสำนักมารเก้าขุมนรก ที่อาจจะติดธุระ
อีกหนึ่งชั่วยามผ่านไป
บรรยากาศในตอนนี้ กลับแปลกประหลาดขึ้น
พวกเขามาถึงตั้งแต่เช้า ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินแล้ว หากบอกว่ายังไม่ถึงสามชั่วยาม ก็คงหลอกเด็กสามขวบ เวลาผ่านไปนานเช่นนี้
อย่าว่าแต่คนของสำนักมารเก้าขุมนรก
แม้แต่เงา พวกเขายังไม่เห็น!
“ต้องการให้พวกเราเดินไปตามเส้นทางที่สำนักมารเก้าขุมนรกต้องผ่าน ตรวจสอบดูหรือไม่”
เผ่ามารโลหิตคนหนึ่งกลั้นใจ เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
หากรอคอยต่อไป
ทุกคนคงต้องสับสนยิ่งกว่าเดิม ทุกคนในใจต่างก็บ่น พลังทำนายของสหายเต๋าเสวี่ยเหยียนช่างไม่น่าเชื่อถือ ผิดพลาดไปหนึ่งหรือสองเค่อก็แล้วไป
แต่ผิดพลาดถึงหนึ่งหรือสองชั่วยาม
ไม่มากเกินไปหรือ
“เช่นนั้น พวกเราไปตรวจสอบดู”
เผ่ามารโลหิตที่อยู่ตรงกลาง สีหน้ามืดครึ้ม กล่าวอย่างเย็นชา
รอนานขนาดนี้
ใครบ้างจะรู้สึกดี
ได้ยินคำสั่ง ทุกคนต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขากลายเป็นแสงวาบหลายสาย บินขึ้นไปบนท้องฟ้า
มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่คนของสำนักมารเก้าขุมนรกต้องผ่าน