บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 9 รับเซียนหญิงสามคนติดต่อกัน
บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 9 รับเซียนหญิงสามคนติดต่อกัน
“เยวี่ยเอ๋อร์ เจ้าจงรอข้าส่งคนไปสู่ขอ แต่งงานอย่างถูกต้อง”
ในกระโจม หลี่ซูกล่าวกับจางเยวี่ยเอ๋อร์
ใบหน้าของจางเยวี่ยเอ๋อร์แดงก่ำ ตอบรับเบา ๆ
ในใจนางเกิดความประทับใจหลี่ซูมากขึ้น
เพราะหลี่ซูไม่ได้รีบร้อนจะทำอะไรนาง แต่กลับยินยอมทำตามขั้นตอน สู่ขอแต่งงานอย่างถูกต้อง
ถึงแม้โลกของผู้บำเพ็ญเซียนจะแตกต่างจากโลกของปุถุชน ผู้บำเพ็ญเซียนหลายคนไม่สนใจพิธีรีตองมากมายของปุถุชน
แต่นางเป็นผู้บำเพ็ญระดับหลอมปราณ เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต ย่อมต้องใส่ใจอยู่บ้าง
ตอนนี้เห็นหลี่ซูให้ความสำคัญกับนางเช่นนี้ จางเยวี่ยเอ๋อร์อดซาบซึ้งใจไม่ได้
หลี่ซูอยู่กับนางในกระโจม พูดคุยกันสักพัก ก่อนจะถือผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง เข้าไปในกระโจมอีกหลังหนึ่ง
ในกระโจมหลังนี้คือผู้บำเพ็ญหญิงคนแรกที่มอบผ้าเช็ดหน้าให้หลี่ซู
เมื่อเห็นหลี่ซูเข้ามา ผู้บำเพ็ญหญิงคนนี้เขินอายจนพูดไม่ออก เล่นชายเสื้อไปมา ปล่อยให้หลี่ซูจัดการ
หลี่ซูนั่งลง เสียงนุ่มนวลขึ้น
ไม่นาน ความตึงเครียดของผู้บำเพ็ญหญิงผู้นี้ก็ลดลง เมื่อเห็นหลี่ซูนั่งอยู่ข้าง ๆ และพูดคุยกับนาง ผู้บำเพ็ญหญิงผู้นี้รู้สึกหวั่นไหวในใจ
หลี่ซูพูดคุยกับนางสักพัก จากนั้นก็ออกไป ผู้บำเพ็ญหญิงผู้นี้ยิ่งหลงใหลหลี่ซู
ตอนแรก นางเพียงแค่ตกหลุมรักหลี่ซูตั้งแต่แรกเห็น ตัดสินใจมอบผ้าเช็ดหน้าให้เขาด้วยความหุนหันพลันแล่น
หลังจากได้รู้จักกันมากขึ้น นางพบว่า ถึงแม้หลี่ซูจะเป็นผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐาน แต่เขากลับไม่เย็นชาเช่นผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานคนอื่น ปฏิบัติต่อนางด้วยความอดทนและเอาใจใส่
เรื่องนี้ทำให้เสิ่นเสวี่ยหลงใหลหลี่ซูมากขึ้น
แม้ว่าตอนนี้หลี่ซูจะทำอะไรนาง…นางก็ยินยอม
แต่หลี่ซูก็ยังไม่รีบร้อน เขาสัญญากับนางว่าจะสู่ขอแต่งงานอย่างถูกต้อง
ก่อนหน้านี้ นางสนมที่หลี่ซูรับมา แม้ว่าอีกฝ่ายจะมาจากครอบครัวยากจน หลี่ซูก็ยังคงสู่ขอแต่งงานอย่างถูกต้อง จัดงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่
เพราะหลี่ซูคิดว่า การรับนางสนมของเขานั้น ส่วนหนึ่งก็เพื่อขยายตระกูลหลี่ อาศัยระบบบุตรหลานมหาโชคมาเสริมสร้างตนเอง
เขาย่อมไม่ปฏิบัติต่อหญิงสาวที่อยู่ข้างกายตนเองย่ำแย่
อย่างน้อย ต้องทำให้ชีวิตของพวกนางไม่มีอะไรให้ต้องเสียใจ อยู่กับเขาจะไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องน้อยใจ
.
หลังจากอยู่กับเสิ่นเสวี่ยจนถึงเที่ยงคืน หลี่ซูก็มาถึงกระโจมของลู่เหวยเจีย
“อ๊า…ผู้อาวุโส…”
ลู่เหวยเจียรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหว พอรู้ว่าเป็นหลี่ซู ก็ส่งเสียงร้องเบา ๆ
ในบรรดาผู้บำเพ็ญหญิงสามคน นางอายุยังน้อยที่สุด
“เจ้าอายุยังน้อย แม้รากวิญญาณจะไม่ค่อยดี แต่หากสามารถเข้าร่วมนิกายเซียน ภายหลังอาจจะมีโอกาสสร้างฐานสำเร็จ แต่หากเจ้าอยู่กับข้า ก็จะทำได้เพียงอยู่ในตระกูลหลี่”
หลี่ซูมาถึงตรงข้ามลู่เหวยเจีย ถึงแม้ว่าในกระโจมจะมืดมาก แต่สายตาของหลี่ซูไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ
ลู่เหวยเจียได้ยิน ก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที
น้ำตาคลอหน่วย
“ดูท่าบิดามารดาเจ้าคงบังคับเจ้าสินะ”
หลี่ซูกล่าว
ถึงแม้ว่าเขาอยากแต่งงานกับ “เซียนหญิง” ที่มีรากวิญญาณหลายคน แต่ต้องเป็นความสมัครใจของอีกฝ่าย
หากถูกบิดามารดาบังคับ ก็ไม่นับว่าสมัครใจ
ลู่เหวยเจียส่ายหน้า เล่าเรื่องตระกูลของตนเองเบา ๆ
ตระกูลของนางเป็นตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนเล็ก ๆ
บิดามารดาเป็นผู้บำเพ็ญระดับหลอมปราณ นอกจากนางแล้ว นางยังมีน้องชายที่มีรากวิญญาณอีกคน
บิดามารดาอยากให้น้องชายของนางเข้าร่วมนิกายเซียน เพียงแต่น้องชายของนางคุณสมบัติไม่ถึง แต่หากได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนตระกูลอื่น น้องชายของนางอาจจะสามารถเข้าร่วมนิกายเซียนแห่งหนึ่งในแคว้นซื่อฉีได้
ผู้บำเพ็ญเซียนในตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้ หลายคนถูกนิกายเซียนคัดออก
ถึงแม้จะถูกคัดออก ผู้บำเพ็ญเซียนบางส่วนก็ยังคงมีสายสัมพันธ์อยู่ในนิกายเซียน
ผู้บำเพ็ญเซียนระดับหลอมปราณระยะปลายบางคน แม้ว่าจะสร้างฐานไม่สำเร็จ ก็ยังคงติดต่อกับศิษย์นิกายเซียนบางส่วน
ดังนั้น บิดามารดาของลู่เหวยเจียจึงอยากใช้นางเพื่อแลกกับอนาคตของน้องชาย
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการให้ความสำคัญกับบุตรชายมากกว่าบุตรสาว แต่เพราะรากวิญญาณของน้องชายนางดีกว่านางเล็กน้อย
ในโลกบำเพ็ญเซียน รากวิญญาณสำคัญมาก
ช่วยไม่ได้ อายุขัยของแต่ละคนมีจำกัด หากรากวิญญาณไม่ดี อาจจะสร้างฐานไม่สำเร็จตลอดชีวิต แม้แต่สร้างฐานยังยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาต่อไป
ลู่เหวยเจียไม่อยากแต่งงาน แต่ก็ไม่มีทางเลือก จนกระทั่งวันนี้ได้พบกับหลี่ซู นางเกิดความประทับใจในตัวหลี่ซู อีกทั้งยังอยากหลบหนีจากการแต่งงานกับตระกูลหวัง นางจึงกล้าที่จะมอบผ้าเช็ดหน้าให้เขา
ได้ยินเช่นนี้ หลี่ซูก็เข้าใจแล้ว
“ผู้อาวุโส เหวยเจียไม่ได้อยากอาศัยท่าน หากท่านรังเกียจเหวยเจีย เหวยเจียจะจากไปเดี๋ยวนี้ แต่หากท่านไม่รังเกียจ เหวยเจียยินดีติดตามท่าน”
หลังจากลู่เหวยเจียพูดเรื่องของตนเองจบ ก็เอ่ยความในใจออกมา
นางไม่อยากกลับไปยังตระกูลของตนเองแล้ว
หลี่ซูจับมือนางเบา ๆ
.
ค่ำคืนนี้นับว่าสงบสุขและไม่สงบสุข
วันรุ่งขึ้น งานรวมตัวของผู้บำเพ็ญอิสระยังคงดำเนินต่อไป งานรวมตัวแบบนี้มักจะจัดขึ้นสามถึงสี่วัน
หลี่ซูไม่ได้รีบร้อนจากไป ผู้บำเพ็ญอิสระหลายคนยังคงรอให้เขาชี้แนะ
หลังจากอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน หลี่ซูจึงเดินทางกลับในวันที่สาม
ตอนที่เดินทางมา หลี่ซูมาเพียงลำพัง แต่ตอนที่กลับไป ข้างกายเขากลับมีคนเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
นั่นคือลู่เหวยเจีย
ลู่เหวยเจียไม่อยากกลับไปตระกูลของตนเอง จึงเดินทางไปกับหลี่ซูโดยตรง
ส่วนจางเยวี่ยเอ๋อร์กับเสิ่นเสวี่ย พวกนางมาจากตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนเล็ก ๆ หลี่ซูจึงเตรียมตัวส่งคนไปสู่ขอแต่งงานอย่างถูกต้อง
ส่วนหนิงเสี่ยวหยู่ที่อยู่กับหลี่ซูตั้งแต่แรก บิดามารดาของนางเสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่มีญาติพี่น้อง จึงเดินทางไปอยู่ที่ตระกูลหลี่ซูโดยตรง
“บรรพบุรุษกลับมาแล้ว”
หลายวันต่อมา หลี่ซูพาลู่เหวยเจียกลับมาถึงคฤหาสน์บนภูเขา
หลังจากกลับมา ไม่นานคฤหาสน์หลี่ก็วุ่นวายขึ้นมา
คฤหาสน์หลี่มีพื้นที่กว้างขวาง บนคฤหาสน์บนภูเขาส่วนใหญ่เป็นที่อยู่ของหลี่ซู
ลูกหลานคนอื่น ๆ ของตระกูลหลี่ต่างอาศัยอยู่ในเมืองริมแม่น้ำหลัวด้านล่างคฤหาสน์บนภูเขา เกือบทั้งเมืองเป็นคนตระกูลหลี่ รวมถึงบ่าวไพร่จำนวนมาก
ไม่นาน คฤหาสน์หลี่ก็ประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสี
“บรรพบุรุษจะรับเซียนหญิงอีกแล้ว”
ข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่วคฤหาสน์หลี่ รวมถึงบริเวณใกล้เคียง