บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 6 การรวมตัวของผู้บำเพ็ญอิสระ หนุ่มน้อยรูปงาม
บรรพบุรุษข้ามภพสยบหล้า ตอนที่ 6 การรวมตัวของผู้บำเพ็ญอิสระ หนุ่มน้อยรูปงาม
“ยังคงไม่มีรากวิญญาณอีกหรือ”
แต่ทว่า หลังจากบุตรคนที่สามของหนิงเสี่ยวหยู่ถือกำเนิด ก็ยังคงไม่มีรากวิญญาณ
ดูเหมือนว่าเรื่องรากวิญญาณนี้จะรีบร้อนไม่ได้
ในแคว้นหวู่ ตระกูลผู้บำเพ็ญเซียนที่ก่อตั้งขึ้นโดยผู้บำเพ็ญระดับหลอมปราณ กล่าวว่าเป็นตระกูล แต่ความจริงแล้วมีผู้บำเพ็ญเซียนอยู่แค่ไม่กี่คน
ถึงแม้จะไม่มีรากวิญญาณ แต่หลี่ซูก็ไม่ได้ผิดหวัง ทุกครั้งที่มีลูกหลานเพิ่มขึ้น ล้วนส่งผลดีต่อตบะของเขา
“ท่านพี่ การรวมตัวของผู้บำเพ็ญอิสระรอบสิบปีจะเริ่มขึ้นแล้ว ท่านจะไปหรือไม่”
วันหนึ่ง หนิงเสี่ยวหยู่นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
การรวมตัวของผู้บำเพ็ญอิสระ?
หลี่ซูเคยได้ยินมาบ้าง นี่คือการรวมตัวกันของผู้บำเพ็ญอิสระจากหลายแคว้นโดยรอบแคว้นหวู่
แคว้นหวู่กับแคว้นโดยรอบอีกหลายแคว้นต่างอยู่ภายใต้การควบคุมของนิกายเซียนสามนิกาย
การเข้าร่วมนิกายเซียนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
หากรากวิญญาณไม่ดี ก็ทำได้เพียงเป็นศิษย์ฝ่ายนอกในนิกายเซียน หากหลายปีผ่านไปยังไม่มีความก้าวหน้า แม้แต่ศิษย์ฝ่ายนอกก็คงเป็นไม่ได้ กลายเป็นผู้บำเพ็ญอิสระในที่สุด
เรื่องนี้ก็ช่วยไม่ได้ ทรัพยากรการบำเพ็ญมีจำกัด นิกายเซียนไม่อาจเลี้ยงดูคนไร้ประโยชน์
ผู้บำเพ็ญอิสระหลายคนต่างมาจากเหตุผลนี้
หากหลี่ซูไม่ได้ช่วยเหลือประมุขสำนักเซียนเวหาไว้ เขาก็ไม่อาจอยู่ในสำนักเซียนเวหาได้ตลอด
ที่หนิงเสี่ยวหยู่สามารถเข้าสำนักเซียนเวหาได้ ก็เพราะหลี่ซูเช่นกัน
การรวมตัวของผู้บำเพ็ญอิสระเช่นนี้ หลี่ซูเคยเข้าร่วมไม่บ่อยนัก
เพียงแค่การรวมตัวของพวกมือใหม่ เส้นทางการเติบโตของหลี่ซูต่างจากผู้บำเพ็ญเซียนคนอื่น
ครั้งนี้ หลังจากหนิงเสี่ยวหยู่เอ่ยขึ้น หลี่ซูก็เกิดความสนใจขึ้นมา
.
เมื่อมีแผนแล้ว หลี่ซูก็จัดแจงเรื่องต่าง ๆ ในบ้าน
หนิงเสี่ยวหยู่เพิ่งให้กำเนิดบุตรคนที่สามไม่นานนัก ไม่ได้เตรียมตัวจะออกจากตระกูลหลี่ นางอยู่ดูแลตระกูลก็พอดี
“เสี่ยวหยู่ ข้าไปแล้ว”
ดังนั้น ในวันนี้หลี่ซูขี่ม้าออกจากตระกูลหลี่ ไปยังชายแดนของแคว้นหวู่
การรวมตัวของผู้บำเพ็ญอิสระจัดขึ้นบริเวณกลางพื้นที่ของหลายแคว้นโดยรอบ ที่นั่นมีพื้นที่ไร้ผู้คนอยู่เป็นบริเวณกว้าง
พื้นที่เหล่านี้มีผู้คนไปถึงยาก มักจะมีอันตรายแฝงอยู่ ปุถุชนแทบจะไม่ไป
หลังจากเดินทางหลายวัน หลี่ซูก็มาถึงชายแดนแคว้นหวู่
เขาฝากม้าไว้ที่สถานีขนส่ง จากนั้นจึงเหยียบกระบี่บินไปยังเบื้องหน้า
“ผู้อาวุโส ท่านจะไปการรวมตัวของผู้บำเพ็ญอิสระหรือ”
หลังจากบินออกไปไม่นาน ด้านล่างก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมา ถามด้วยความเคารพ
หลี่ซูพินิจมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง คนผู้นี้เป็นผู้บำเพ็ญอิสระระดับหลอมปราณระยะปลาย พละกำลังนับว่าไม่เลว
สำหรับปุถุชนแล้ว เขาก็คือ “เซียน”
ในโลกียะ ปรมาจารย์ฟ้าประทานโดยทั่วไปสามารถต่อสู้แบบหนึ่งต่อสิบหรือหลายสิบได้
หากเป็นปรมาจารย์วิริยะประทาน สามารถเอาชนะหนึ่งต่อร้อยหรือหลายร้อยได้อย่างง่ายดาย
สำหรับปุถุชนแล้ว ปรมาจารย์วิริยะประทานคือยอดฝีมือที่สูงส่งเกินเอื้อม
แต่ทว่า แม้จะเป็นระดับหลอมปราณขั้นหนึ่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ปรมาจารย์วิริยะประทานสามารถต่อกรได้
หลี่ซูตอบ “อืม” เบา ๆ
“ข้าก็จะไปเช่นกัน ขอให้ข้าพาท่านไปเถิด”
ผู้บำเพ็ญอิสระผู้นี้รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณที่แผ่ออกมาจากหลี่ซู ท่าทางนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง
ดูเหมือนผู้บำเพ็ญอิสระผู้นี้จะไม่เคยพบเจอหลี่ซูมาก่อน
หลี่ซูไม่ได้ปฏิเสธ ภายใต้การนำทางของอีกฝ่าย ไม่นานพื้นที่สูงที่มีหน้าผาสี่ด้าน ลิงยังปีนป่ายขึ้นไปได้ยากก็ปรากฏขึ้นในสายตา
รอบ ๆ พื้นที่สูง มักจะเห็นแสงกระบี่พุ่งขึ้น
ผู้บำเพ็ญอิสระเหล่านี้หลังจากมาถึงพื้นที่สูงด้านล่างแล้ว จึงค่อยควบคุมกระบี่บินขึ้นไป
ยังเห็นว่ามีคนไม่น้อยกำลังปีนป่ายหน้าผาขึ้นไป
คนเหล่านี้ควรเป็นปรมาจารย์วิริยะประทาน
การรวมตัวของผู้บำเพ็ญอิสระเช่นนี้ หลังจากปรมาจารย์วิริยะประทานบางส่วนได้ยินเข้า มักจะเดินทางมาเพื่อร่วมสนุกและเปิดหูเปิดตา
“ผู้อาวุโส เบื้องหน้านั่นคือเทือกเขาสะบั้นเซียน เป็นสถานที่จัดการรวมตัวของผู้บำเพ็ญอิสระครั้งนี้”
ผู้บำเพ็ญอิสระข้างกายหลี่ซูกล่าวอย่างประจบประแจง
แสงกระบี่สองสายพุ่งไปยังเทือกเขาสะบั้นเซียน
“ควบคุมกระบี่บินมาตั้งแต่ไกลขนาดนี้ ต้องเป็นผู้อาวุโสระดับหลอมปราณระยะปลายแน่”
บนหน้าผา ปรมาจารย์วิริยะประทานคนหนึ่งมองเห็นแสงกระบี่สองสาย เผยสีหน้าอิจฉาและเลื่อมใสออกมา
ฐานะปรมาจารย์วิริยะประทานในโลกียะก็ไม่เลว แต่หากไม่สามารถไปถึงระดับหลอมปราณได้ ก็จะยังคงเป็นเพียง “ปุถุชน”
.
“เทือกเขาสะบั้นเซียน”
หลี่ซูลงมายืนอยู่บนพื้นที่สูง
พื้นที่สูงแห่งนี้ค่อนข้างราบเรียบ พื้นที่ประมาณสิบกว่าตารางกิโลเมตร ความกว้างและความยาวอยู่ที่ประมาณสามกิโลเมตร
บนพื้นที่ยังมีสิ่งก่อสร้างอยู่บ้าง ดูแล้วที่นี่เป็นสถานที่จัดการรวมตัวของผู้บำเพ็ญอิสระมาโดยตลอด
ผู้บำเพ็ญอิสระต่างรวมตัวกันบริเวณกลางพื้นที่
ผู้บำเพ็ญอิสระบางส่วนตั้งแผงขายของ วางสมบัติที่ตนเองสะสมมา บางส่วนก็พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของโลกบำเพ็ญเซียน
การมาถึงของหลี่ซูดึงดูดความสนใจจากผู้บำเพ็ญอิสระไม่น้อย
ถึงแม้จะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน แต่ผู้บำเพ็ญเซียนไม่ได้มีรูปโฉมงดงามทุกคน
ผู้บำเพ็ญเซียนที่มีรูปลักษณ์เช่นหลี่ซูยิ่งหาได้ยาก
ตอนนี้หลี่ซูเหมือนกับหนุ่มน้อยรูปงามอายุสิบแปดปี ท่าทางสง่างาม ไม่มีกลิ่นอายของคนวัยชรามาแม้แต่นิด
ผู้บำเพ็ญหญิงบางส่วนเห็นแล้ว ดวงตาก็เป็นประกายทันที
สิ่งที่ทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านี้สนใจยิ่งกว่าคือ แรงกดดันวิญญาณที่แผ่ออกมาจากหลี่ซู…ค่อนข้างแข็งแกร่ง
“นั่นคือบรรพบุรุษตระกูลหลี่แห่งแม่น้ำหลัว ได้ยินมาว่าเขาก้าวสู่ระดับสร้างฐานแล้ว!”
ตอนนี้เอง มีคนจำหลี่ซูได้ กล่าวขึ้นเบาๆ
“นี่! ผู้อาวุโสระดับสร้างฐาน ไม่แปลกใจเลยที่ข้ารู้สึกถึงแรงกดดันจากเขา เหตุใดเขาถึงดูอ่อนเยาว์เช่นนี้”
“ไม่รู้สิ คงเป็นเพราะโอสถเยาว์วัยกระมัง ไปเถอะ พวกเราเข้าไปทักทายกันหน่อย”
“เขาเป็นศิษย์สำนักเซียนเวหา เหตุใดถึงมาเข้าร่วมการรวมตัวของผู้บำเพ็ญอิสระเล่า”
ผู้บำเพ็ญอิสระรอบ ๆ คนผู้นั้นได้ยิน ก็เผยสีหน้าตกใจออกมา
ผู้บำเพ็ญอิสระบางส่วนเริ่มเคลื่อนไหว เข้ามาทักทายหลี่ซู