บทที่ 9 ทิ้งมันไปอย่างไม่ใยดี
ในเวลาเดียวกัน ที่หน้าคฤหาสน์ของคหบดีผู้มั่งคั่งบนถนนสายนี้ ชายวัยกลางคนกำลังเดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์ ข้างกายมีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินตาม เขาก้าวเดินอย่างองอาจ ท่าทางเต็มไปด้วยพลัง แต่เขามักจะเชิดหน้าขึ้น ทำให้ดูเหมือนจมูกของเขากำลังชี้ไปที่ผู้อื่น ราวกับว่าเขาเหนือกว่าผู้อื่น
ประตูแดงชาดด้านหลังทั้งสองยังคงเปิดอยู่ เจ้าของบ้านที่ออกมาส่งยังไม่ได้เข้าไปข้างใน ทุกคนที่เดินผ่านเขาไป เมื่อเห็นชุดคลุมยาวสีดำทองที่เขาสวมใส่ ต่างก็เรียกเขาด้วยความเคารพว่า "ผู้อาวุโสซุน"
เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงกระซิบที่ดังแว่วมาจากข้างๆ ก็ทำให้เขาชะงักเท้าเพื่อฟังสิ่งที่หนุ่มสาวหลายคนกำลังพูดคุยกัน
"ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสำนักสำนักอมตะคิดอะไรอยู่ ค่าธรรมเนียมแรกเข้าตั้งพันตำลึงทอง พวกเขาอยากได้เงินจนเสียสติไปแล้วหรือ?"
"เขายังคิดว่าสำนักอมตะเป็นสำนัก 2 ดาวเหมือนเมื่อก่อนอยู่อีกหรือ? ตอนนี้ต่อให้มาขอร้องให้ข้าเข้า ข้าก็ไม่เข้า"
"ขอร้องข้า ข้าก็ไม่ไป"
"เลิกพูดเหลวไหลได้แล้ว พวกเจ้ามีคุณสมบัติจะเข้าไปหรือไม่ ข้าฝึกฝนกายาขั้น 4 ยังถูกไล่ออกมา พวกเจ้าแค่ฝึกฝนกายาขั้น 1 ขั้น 2"
"ไม่จริงกระมัง ฝึกฝนกายาขั้นที่ 4 ก็ยังถูกไล่ออกมา?"
"เจ้าสำนักสำนักอมตะนี่สำคัญตัวเองผิดไปแล้ว"
...
หลังจากที่คนกลุ่มนั้นพูดคุยกัน ผู้อาวุโสซุนก็หันไปถามศิษย์ข้างกายทันที
"สำนักอมตะเริ่มรับศิษย์แล้ว แปลกจริงๆ มู่เหยียน เจ้ารู้หรือไม่ว่าประมุขคนปัจจุบันของสำนักอมตะคือใคร?"
มู่เหยียนรีบตอบ ไม่กล้าแสดงความชักช้า "ผู้สืบทอดตำแหน่งมาจากบิดา น่าจะเป็นไอ้เด็กเหวินผิง"
"เจ้ารู้จักเขา?"
"ไม่ เคยเห็นเขาอยู่ไกลๆ ครั้งหนึ่ง"
"เหวินผิง ลูกชายของคนผู้นั้น ต้นไม้ล้มลิงกระเจิง เหวินผิงผู้นี้ช่างน่าสนใจ คงคิดจะกลับมาผงาดอีกครั้ง"
"อาจารย์ ท่านว่าเราควรไปดูไหม?"
"แน่นอน ต้องไปดู สำนักเกาซานของเราเป็นสำนักเดียวในเมืองชางอู๋แล้ว การกลืนกินดินแดนของสำนักอมตะเป็นเรื่องของเวลา ข้าจะไปดูว่าสำนักอมตะกำลังทำอะไรอยู่ถึงกับไม่รับศิษย์ที่ฝึกกายาขั้นที่สี่!"
หลังจากพูดจบ ผู้อาวุโสซุนก็ก้าวเดินไปยังปลายเส้นทางถนน เมื่อเดินไปจนถึงเชิงเขาอวิ๋นหลานจึงหยุดลง
เขาเห็นผู้คนจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ที่เชิงเขาอวิ๋นหลานไม่ต่ำกว่ายี่สิบหรือสามสิบคน เมื่อเขาเดินเข้าไป ชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นเขา แม้หลายคนจะจำเขาไม่ได้ แต่ย่อมต้องจำชุดคลุมยาวสีดำทองที่เขาสวมใส่ได้
สัญลักษณ์ของผู้อาวุโสสำนักเกาซาน!
ผู้คนค่อยๆ แยกออกจากกันเป็นสองฝั่งทางเดินเพื่อให้ผู้อาวุโสซุนเดินไปยังเชิงเขาอวิ๋นหลานได้โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
เพียงเหลือบมองป้ายจารึกดาบ ผู้อาวุโสซุนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ
ยังกล้าคิดว่าตัวเองเป็นอมตะอีกหรือ?
มู่เหยียนก้าวไปข้างหน้า มองไปที่เหวินผิง แล้วพูดกับผู้อาวุโสซุนว่า "อาจารย์ นี่คือเจ้าสำนักคนปัจจุบันของสำนักอมตะ เหวินผิง"
ผู้อาวุโสซุนไม่พูดอะไร เพียงแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่
มู่เหยียนรีบก้าวไปข้างหน้า พูดกับเหวินผิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เจ้าสำนักอมตะ นี่คือท่านผู้อาวุโสซุนแห่งสำนักเกาซานของเรา ทำไมยังไม่คารวะท่าน?"
เหวินผิงเงยหน้าขึ้นโดยไม่แม้แต่จะมองทั้งสอง เพียงแต่พูดกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า "บอกแล้วว่าไม่รับ เจ้าไม่เห็นป้ายหรือไง?"
"ข้าสามารถจ่าย 1,500 ตำลึงทองก็ได้นะ"
"ค่าธรรมเนียมแรกเข้าแค่ 1,000 ตำลึงทอง ไม่ว่าจะให้มากกว่านี้ ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ก็เข้าสำนักอมตะของข้าไม่ได้"
เมื่อพูดจบ เหวินผิงก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก!
หลังจากเปิดใช้งานความสามารถดึงดูดของห้องโถงหลัก ทุกคนที่เดินผ่านก็ถูกดึงดูดเข้ามาที่สำนักอมตะ
แม้ว่าส่วนใหญ่จะมาดูเฉยๆ แต่ภายในหนึ่งชั่วยามก็มีคนมาสมัครแล้วถึงสามคน และแต่ละคนก็มีพรสวรรค์ที่เกือบจะเรียกว่าอัจฉริยะได้
น่าเสียดายที่ระบบได้กำหนดมาตรฐานไว้แล้ว ทั้งสามคนจึงถูกเขาปฏิเสธไป
มู่เหยียนที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าเหวินผิงไม่สนใจย่อมรู้สึกไม่พอใจจึงตะโกนเสียงดัง
"นี่ เจ้าไม่ได้ยินข้าพูดกับเจ้าหรือ? เจ้าสำนักอมตะ!"
"การเข้าสำนักให้ดูที่ป้าย ถ้ามีคุณสมบัติครบก็มาจ่ายเงินตรงนี้ จากนี้ไปเจ้าก็เป็นศิษย์ของสำนักอมตะของข้า"
"นี่ เจ้าคนแซ่เหวิน!"
มู่เหยียนพับแขนเสื้อขึ้น ราวกับจะพุ่งเข้าไปลากเหวินผิงออกมา แต่ถูกท่านผู้อาวุโสซุนขัดจังหวะ
"สำนักอมตะเพิ่งจะผ่านไปไม่นาน ก็กลายเป็นที่รีดไถเงินทอง น่าเศร้านัก น่าสงสารจริงๆ! ค่าธรรมเนียมแรกเข้าพันตำลึงทอง คนที่ไม่รู้คงคิดว่าสำนักอมตะเป็นสำนัก 3 ดาว"
เหวินผิงเหลือบมองอีกฝ่าย ยังคงพูดประโยคเดิม "ผู้ที่ต้องการเข้าสำนักโปรดดูที่ป้าย ถ้าผ่านเกณฑ์ก็มาจ่ายเงิน"
"รับไปเถอะ รีดไถไปเถอะ ยังไงอีกไม่นานสำนักอมตะก็ต้องเปลี่ยนชื่ออยู่แล้ว"
ท่านผู้อาวุโสซุนหัวเราะเยาะ มองไปรอบๆ
ทุกคนที่เขามองต่างก็หลบสายตาไปด้านข้าง บางคนถึงกับกลัวที่จะทำให้สำนักเกาซานไม่พอใจแล้วเดินจากไป แม้ว่าพวกเขาจะถูกดึงดูดมาด้วยความสามารถของห้องโถงหลัก แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่สามารถเอาชนะความกลัวในใจได้
ไม่นานนัก คนที่อยู่รอบๆ ยี่สิบหรือสามสิบคนก็เกือบจะหายไปโดยสมบูรณ์
แต่กระนั้น พวกเขาก็ยังหันกลับมามองเป็นครั้งคราว สำนักอมตะถึงแม้จะอ่อนแอลง แต่ก็ยังดีกว่าสำนักอื่นๆ พวกเขาจึงยังคิดที่จะเข้าร่วมเพื่อฝึกฝน แต่เมื่อสำนักเกาซานมาถึงที่นี่ แถมยังเป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักเกาซานอีกด้วย เมื่อเห็นดังนั้น มู่เหยียนก็หัวเราะอย่างภาคภูมิใจ และตะโกนไปรอบๆ ว่า
"สำนักอมตะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หากต้องการฝึกตน ต้องการเดินบนเส้นทางนี้ให้ไกลขึ้น การเข้าร่วมสำนักเกาซานของเราเท่านั้นจึงจะเป็นทางออก"
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เหยียน ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกัน
"คราวนี้คนของสำนักอมตะคงแย่แน่"
"ด้วยการเข้ามาแทรกแซงของสำนักเกาซาน ความหวังของสำนักอมตะที่จะค่อยๆ เติบโตขึ้นด้วยการรับศิษย์คงจะสูญเปล่า"
"เฮ้อ… น่าเสียดายนัก ข้ายังอยากลองเสี่ยงโชคเข้าสำนักอมตะ ถึงยังไงอูฐผอมก็ยังใหญ่กว่าม้า!"
พูดจบ ผู้คนก็ทยอยออกจากเชิงเขาอวิ๋นหลาน
เหวินผิงมองไปที่คนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ แล้วถามว่า "พวกเจ้าสองคนมาที่นี่เพื่อก่อกวนใช่ไหม?"
เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา คนที่ยังไม่ไปไกลก็หยุดฝีเท้าลงทันที
เริ่มพูดจาเชือดเฉือนกันแล้ว! แต่ไม่รู้ว่าคนของสำนักอมตะจะจัดการอย่างไร
"ไม่ต้องห่วงหรอก คงไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน ผู้อาวุโสซุนเป็นถึงคนของสำนักเกาซาน"
"สำนักเกาซานแล้วไง สำนักอมตะเคยเป็นถึงสำนัก 2 ดาว จะไปกลัวผู้อาวุโสของสำนัก 1 ดาวได้ยังไง?"
"เจ้าโง่หรือเปล่า คนของสำนักอมตะหายไปหมดแล้ว เจ้าไม่ได้ยินหรือ?"
"ไม่ต้องห่วง วันนี้คงจบไม่สวยหรอก ต่อไปถ้าอยากบำเพ็ญเพียรก็คงต้องเข้าสำนักเกาซานเท่านั้น"
เสียงพูดคุยยังไม่ทันหยุดลง ก็มีเสียงสองเสียงดังขึ้นมา!
ปัง!
ปัง!
เมื่อหันไปมอง ทุกคนก็เห็นเงาดำสองเงาถูกเหวี่ยงออกไป แล้วตกลงไปในพุ่มไม้ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่เค่อ
แต่ไม่มีใครมองเห็นว่าสิ่งที่ถูกเหวี่ยงออกไปคืออะไร
ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนด้วยความตกใจ "คนของสำนักเกาซานหายไปไหน?"
"หายไปไหนแล้ว?"
ทุกคนมองไปรอบๆ สายตาจับจ้องไปที่พุ่มไม้ รอคอยว่าคนที่ออกมาจากพุ่มไม้จะเป็นใคร
แต่ไม่ต้องรอดูพวกเขาก็รู้คำตอบอยู่ในใจแล้ว
คนของสำนักเกาซานหายไปแล้ว คนของสำนักอมตะทั้งสองยืนอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคง ผลลัพธ์และคำตอบนั้นชัดเจน!
ผุ้อาวุโสซุนแห่งสำนักเกาซานถูกโยนออกไปเหมือนสุนัข!
(จบตอน)