บทที่ 46 ไฟฟ้าแรงสูง
บทที่ 46 ไฟฟ้าแรงสูง
เมื้อพวกเขามาถึงหน้าประตูบ้านของจางอี้แล้ว พวกเขาก็กางร่ม แต่บริษัทรักษาความปลอดภัยจ้านหลงติดตั้งกล้องรูเข็มไว้เยอะมากที่ชั้นนี้
มันสามารถถ่ายภาพการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้จากทุกมุม
หลังจากที่คนกลุ่มนี้มาถึงหน้าประตู จางอี้ก็เห็นว่ามีคนหนึ่งหยิบเครื่องมือโลหะแวววาวออกมาจากกระเป๋า
จากนั้นก็เสียบเข้าไปในรูกุญแจของประตูกันขโมยของเขา
"จะงัดประตูงั้นเหรอ?"
จางอี้เลิกคิ้วเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
ถ้าประตูกันขโมยของบ้านเขาถูกงัดได้ง่ายๆ แบบนั้น พนักงานมืออาชีพของบริษัทรักษาความปลอดภัยจ้านหลงก็คงต้องไปกินอึแล้ว
ประตูบานนี้ นอกจากจะมีระดับความปลอดภัยระดับโลก เทียบเท่ากับประตูกันขโมยของธนาคารแล้ว ยังมีการป้องกันถึง 5 ชั้น
ถ้าอยากจะเปิดล็อคชั้นนอกสุด ต้องเป็นนักเปิดกุญแจระดับโลกถึงจะมีโอกาส
ยิ่งไปกว่านั้น ข้างในยังติดตั้งคานงัดอีก
ยิ่งซับซ้อน ยิ่งแก้ง่าย ยิ่งเรียบง่าย ยิ่งรับมือยาก
อย่างเช่น ประตูบ้านของจางอี้
เนื่องจากเขาไม่ได้คิดจะออกไปข้างนอกตั้งแต่แรก ดังนั้น ข้างในจึงใช้ท่อนเหล็กเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 เซนติเมตรเสียบไว้!
ถ้าไม่ใช้รถชนอย่างต่อเนื่อง มันก็ไม่มีทางพังได้ด้วยแรงคน
ยิ่งไปกว่านั้น จางอี้คิดถึงเรื่องที่คนอื่นจะงัดประตู ดังนั้น เขาจึงติดตั้งระบบป้องกันแบบพิเศษไว้
จางอี้มองดูกล้องวงจรปิดในทีวี จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เปิดแอปพลิเคชันควบคุมเซฟเฮาส์ กดปุ่มเบาๆ
ทันใดนั้น กระแสไฟฟ้าแรงสูงก็ไหลผ่านประตูกันขโมย!
หลู่เถาที่กำลังงัดประตูอยู่ ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด กระแสไฟฟ้าแรงสูงไหลผ่านร่างกายของเขา!
คนอื่นๆ ตกใจจนหน้าซีด รีบถอยหลังทันที
"ช่วย... ช่วยฉันด้วย!"
หลู่เถาหน้าตาบิดเบี้ยว ขอร้องให้เพื่อนช่วย
กระแสไฟฟ้าแรงสูงเหมือนคีมหนีบเขาไว้แน่น ไม่สามารถดิ้นหลุดได้
ฝางหวี่ฉิง โจวเผิง และคนอื่นๆ มองตาค้าง
พวกเขาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และก็ไม่มีเครื่องมือฉนวนที่เหมาะสม
ไม่นานนัก ร่างกายของหลู่เถาก็มีควันสีดำลอยออกมา และมีกลิ่นเหม็นไหม้
"ตูม!"
เขาล้มลงกับพื้น เสื้อผ้าของเขาถูกไฟไหม้จนขาดวิ่น ผิวหนังที่แขนและใบหน้าไหม้เกรียม
เห็นได้ชัดว่าเขาตายแล้ว
"กรี๊ดดดดด!!!"
ฝางหวี่ฉิง หลินไฉ่หนิง และคนอื่นๆ กรีดร้องออกมา
การเห็นคนตายต่อหน้าต่อตา เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
ส่วนในห้อง มุมปากของจางอี้ก็ยกขึ้นเล็กน้อย
เขารู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก
แต่พวกเขาจะโทษใครได้?
กล้ามาหาเรื่องจางอี้ สมควรตายแล้ว!
หวังหมินและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกหวาดกลัว แผนการงัดประตูก็ล้มเหลว
ซุนจื้อเชาเป็นเพื่อนสนิทกับหลู่เถามานานหลายปี เห็นเพื่อนตายอย่างน่าอนาถ ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ
"จางอี้ ไอ้สารเลว ออกมาเดี๋ยวนี้!"
เขาหยิบพลั่วขึ้นมา ทุบประตูบ้านของจางอี้ "โครมๆ"
เสียงดังจนได้ยินไปหลายชั้น
แต่ประตูเหล็กขนาดใหญ่นั้นไม่มีรอยบุ๋มหรือรอยแตก
หลังจากที่สีหลุดลอกออก ก็เผยให้เห็นโลหะผสมที่หนาแน่นข้างใน
จางอี้เดินมาที่ประตู มือล้วงกระเป๋า พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า "อยากมาทุบประตูบ้านฉันงั้นเหรอ? พวกแกไม่กลัวตายหรือไง?"
เขาส่ายหน้า ถอนหายใจว่า "เฮ้อ อยู่ดีๆ ไม่ชอบ"
ได้ยินเสียงเยาะเย้ยของจางอี้ คนกลุ่มนี้ก็ตกใจและโกรธ
หวังหมินตะโกนว่า "จางอี้ พวกเราตั้งใจจะมาคุยกับแกดีๆ เรื่องการอยู่ร่วมกัน ทำไมแกถึงฆ่าคน?"
"แกเลวร้ายยิ่งกว่าเฉินเจิ้งหาว แกมันเป็นปีศาจ!"
ได้ยินเสียงผู้หญิง จางอี้ก็รู้ว่าคนข้างนอกไม่ใช่เฉินเจิ้งหาว
แต่การฆ่าหลู่เถา เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจเลย คนแบบนี้สมควรตายแล้ว
คิดไปคิดมา เขาก็รู้ว่าคนกลุ่มนี้เป็นใคร
ต้องเป็นฝางหวี่ฉิง หลินไฉ่หนิง และพวก!
เพราะตอนนี้มีแค่พวกเขารู้ว่า บ้านของจางอี้สบายแค่ไหน
จางอี้หน้าบึ้ง ด่าทออย่างไม่เกรงใจว่า "พวกแกมาหลอกใคร? พวกแกมาทุบประตูบ้านฉัน อยากจะแย่งบ้านของฉัน ตายก็สมควรแล้ว!"
"ยังมีหน้ามาเห่าอยู่ที่นี่ ตลกชิบหาย!"
ซุนจื้อเชาแกล้งทำเป็นใจเย็น
"จางอี้ พวกเราไม่มีเจตนาร้าย แค่อยากจะคุยกับนายจริงๆ"
"แต่นายก็ไม่บอกกล่าวอะไรเลย จู่ๆ ก็ลงมือฆ่าหลู่เถา ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีของพวกเรา มันมากเกินไปแล้ว!"
"นายไม่คิดจะรับผิดชอบหน่อยเหรอ?"
จางอี้หัวเราะออกมา
"แค่มาคุยกับฉัน? แบบไม่ได้รับเชิญงั้นเหรอ? จู่ๆ ก็มางัดประตูบ้านฉัน นี่เรียกว่าคุยเหรอ?"
"ฮึ่ม หลังจากงัดประตูได้ คงจะฆ่าฉัน หรือไล่ฉันออกไปให้ตายข้างนอกสินะ?"
"แล้วพวกแกก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในเซฟเฮาส์ที่ฉันเตรียมไว้ ใช่ไหม?"
คนกลุ่มนี้มองหน้ากัน นี่คือสิ่งที่พวกเขาคิดจริงๆ
ซุนจื้อเชาขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ การตายของเพื่อนสนิททำให้เขาเกลียดจางอี้เข้ากระดูกดำ
แต่ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทำยังไงถึงจะพังประตูเข้าไปได้
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ตะโกนว่า "จางอี้ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของแก! เปิดประตูให้พวกเราเข้าไป ไม่งั้น ผลลัพธ์ไม่ใช่สิ่งที่แกจะรับได้!"
ฝางหวี่ฉิงก็ตะโกนจากข้างนอกว่า "จางอี้ พวกเราจะไม่ทำร้ายนาย ทุกคนแค่อยากจะอยู่ร่วมกัน รับมือกับภัยพิบัติด้วยกัน นายอย่าใจดำเลยนะ!"
หลินไฉ่หนิงก็ตะโกนตามว่า "ใช่ๆ ถึงเวลานั้นก็ให้นายอยู่ห้องนอนใหญ่ เสบียงก็ให้นายใช้ก่อน!"
ตอนนี้ พวกเขารู้สึกตื่นเต้นมาก
เพราะแค่กำแพงกั้น มันก็คือสวรรค์ พวกเขารอวันนี้มานานแล้ว
จางอี้เยาะเย้ยคำพูดของพวกเขา
"พวกแกสมองเสื่อมหรือเปล่า? บ้านนี้เป็นของฉัน พวกแกกลับทำตัวเป็นเจ้าของบ้าน มาแบ่งสรรกันเองเนี้ยนะ?"
"มีปัญญาก็ลองดูสิ ฉันจะรอดูว่าพวกแกจะบุกเข้ามาได้ไหม!?"
ในขณะที่พูด จางอี้ก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ
เขาบรรจุกระสุนปืนพกแล้ว จากนั้นหยิบหน้าไม้ขึ้นมา
เวลาล่าสัตว์ กำลังจะเริ่มต้นขึ้น…
ผ่านกล้องวงจรปิด เขาสามารถเห็นทุกอย่างข้างนอกได้อย่างชัดเจน แม้แต่ได้ยินเสียงพูดคุยเบาๆ ของพวกเขา
ซุนจื้อเชาและคนอื่นๆ รวมตัวกัน ปรึกษาหารือเกี่ยวกับแผนการต่อไป
ในบรรดาคนกลุ่มนี้ คนที่ขี้ขลาดที่สุดคือเก๋อเจียเหลียง เขาถามด้วยความกังวลว่า "ทำไงดี? ตอนนี้หลู่เถาตายแล้ว ไม่มีใครเปิดกุญแจได้ ถอยทัพกันเถอะ! ถ้าเฉินเจิ้งหาวรู้เข้า เราแย่แน่ๆ"
ซุนจื้อเชาด่าว่า "จะกลัวอะไร! ที่นี่ชั้น 24 เฉินเจิ้งหาวปีนขึ้นมาได้ก็คงเหนื่อยตาย พวกมันอยากจะปล้น มันก็ต้องเลือกคนที่อยู่ชั้นล่างก่อน"
หวังหมินพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า "จางอี้คนนี้รับมือยากจริงๆ ดูเหมือนว่าเขารู้ล่วงหน้าว่าวันโลกาวินาศจะมาถึง แลยเตรียมตัวมาอย่างดี"