บทที่ 4 ผู้ฝึกกายาขั้น 13
เหวินผิงที่นั่งเอนหลังอยู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ แต่เขาคาดว่าอีกฝ่ายคงจะจากไปโดยพลันเมื่อเห็นป้าย หากมีคนโง่เขลาตกหลุมพราง เขาคงได้เจอไปนานแล้ว ไม่น่าจะมาปรากฏตัวเอาป่านนี้
[ภารกิจใหม่!]
เสียงแหลมดังขึ้นกะทันหัน ราวกับเสียงนั้นพุ่งออกมาจากแก้วหู
เหวินผิงรีบลุกขึ้นนั่ง โดยยังไม่ทันได้เอาใบสมัครออกจากใบหน้า เมื่อรู้ว่าเป็นเสียงของระบบ เขาจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้งเพื่อตั้งสติแล้วมองตรงไปข้างหน้า เหวินผิงมองไปที่หน้าต่างระบบสีน้ำเงินที่ปรากฏขึ้น
[รากฐานสำนัก - ในฐานะที่เป็นสำนัก โดยเบื้องต้นต้องมีองค์ประกอบพื้นฐานสองประการ คือ อาจารย์และศิษย์ ยิ่งมีศิษย์มาก โอกาสที่จะมีผู้แข็งแกร่งเกิดขึ้นก็ยิ่งมาก อาจารย์ที่ยิ่งเก่งกล้า ศิษย์ที่สอนออกมาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ทั้งสองอย่างนี้ต้องเกื้อหนุนกันและกัน จึงจะสามารถสร้างสำนักในรูปแบบพื้นฐานได้]
[ภารกิจรับสมัคร: รับสมัครผู้ฝึกฝนระดับฝึกฝนกายาขั้น 13 หนึ่งคน สานุศิษย์ 2 คน มาตรฐานขั้นต่ำคือ อายุ 15 ปี ระดับฝึกฝนกายาขั้น 5]
[รางวัล: สิทธิ์ในการปรับปรุงอาคารใดๆ ฟรี เพื่อให้มีพลังพิเศษ ช่วยให้เจ้าสำนักดึงดูดศิษย์ได้มากขึ้น]
"ทำไมภารกิจถึงมาเอาตอนนี้?"
ขณะที่เหวินผิงกำลังสงสัยอยู่นั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นคนที่กำลังจะเดินจากไปไม่ไกล
[หยุนเลี่ยว]
เพศ: ชาย
อายุ: 30
ขอบเขต: ฝึกฝนกายาขั้น 13
[เดินทางมาจากเมืองซิงเยว่เพื่อค้นหาผู้บำเพ็ญเพียรที่ช่วยเปิดประตูลมปราณขั้นแรก]
"คุณชายท่านนั้นได้โปรดหยุดก่อน!"
เหวินผิงรีบตะโกน กลัวว่าถ้าตะโกนช้าไปอีกนิดจะพลาดโอกาส
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมระบบถึงปล่อยภารกิจนี้กะทันหัน ปรากฎว่ามีบุคคลสำคัญมาเยือนสำนักอมตะ - ผู้บำเพ็ญเพียรขอบเขตฝึกฝนกายาขั้น 13 ที่กำลังมองหาโอกาส
ขอบเขตฝึกฝนกายาขั้น 13 แม้ในช่วงที่สำนักอมตะยังรุ่งเรือง ในฐานะสำนัก 2 ดาว ผู้ฝึกฝนเช่นนี้ก็ยังถือเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้า นอกจากผู้อาวุโสสูงสุดและเจ้าสำนักแล้ว มีเพียงรองเจ้าสำนักผู้มีอำนาจเท่านั้นที่มีระดับการบำเพ็ญเพียรเช่นนี้
ยกตัวอย่างเมืองชางอู๋แห่งนี้ เจ้าเมืองผู้ซึ่งพิทักษ์ชีวิตผู้คนนับแสนก็มีพลังเพียงเท่านี้ แต่เขาก็รักษาความสงบสุขและความมั่นคงของเมืองชางอู๋ไว้ได้นานกว่าสิบปี
ระบบทำเช่นนี้ ก็คงต้องการให้เขาคว้าตัวหยุนเลี่ยวคนนี้มาไว้ให้ได้ บางทีระบบที่หยิ่งยโสก็คงทนไม่ไหวที่ไม่ได้รับศิษย์มาหลายวันแล้ว
เมื่อหยุนเลี่ยวได้ยินว่ามีคนจากสำนักอมตะเรียกเขา เจ้าตัวก็หันกลับมาอย่างช้าๆ แล้วอธิบายว่า "ข้าแค่ผ่านทางมาเท่านั้น"
"สหาย ถ้ามาถึงแล้ว ก็ขึ้นไปนั่งคุยกันที่สำนักอมตะของเราสักหน่อยเถอะ" เหวินผิงคิดคำพูดหลอกล่อในใจอย่างรวดเร็ว
"ไม่ดีกว่า ข้ายังมีธุระ"
"ถ้าท่านไม่ต้องการ ข้าเหวินผิงก็จะไม่บังคับ โอกาสที่ผู้ฝึกฝนกายาขั้น 13 เช่นท่านจะพลาดก็เป็นเรื่องของตัวท่านเองเช่นกัน"
พูดจบ เหวินผิงก็ยิ้มให้เขา
หยุนเลี่ยวก็มองเหวินผิงอย่างเงียบๆ แต่ในใจมีความประหลาดใจเพิ่มขึ้นมา เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะมองออกว่าเขาอยู่ในระดับใด
นอกจากผู้เชี่ยวชาญที่เปิดประตูลมปราณขั้นแรกแล้ว คนทั่วไปไม่สามารถรับรู้ระดับการบำเพ็ญเพียรของเขาได้หากไม่ได้ต่อสู้
หรือว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าจะมีอะไรแปลก ๆ?
เมื่อจ้องมองเหวินผิงอย่างตั้งใจ เขาก็สังเกตเห็นว่าเหวินผิงไม่มีร่องรอยของระดับการบำเพ็ญเพียรใด ๆ แม้แต่กระแสพลังก็ไม่มี
นับว่าแปลกอย่างยิ่ง
สถานการณ์เช่นนี้มักจะมีสองความเป็นไปได้
ประการแรกคือ อีกฝ่ายเป็นคนธรรมดา ด้วยคนธรรมดาจะไม่มีกระแสพลัง แต่เหวินผิงเป็นถึงคุณชายของสำนักอมตะ ตามที่หญิงสาวคนนั้นกล่าว สำนักอมตะเพิ่งเกิดเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อน ในปีก่อน ๆ เหวินผิงย่อมต้องได้รับทรัพยากรมากมาย แล้วเขาจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?
ความเป็นไปได้ที่สองค่อนข้างน่าขัน เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องนำมาพิจารณา นั่นคืออีกฝ่ายอาจจะมีระดับเดียวกับเขา หรืออาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำ
"ถ้าท่านยังไม่มีที่ไป" เหวินผิงเคาะป้ายไม้ที่อยู่ข้างๆ "ก็มาที่สำนักอมตะของเราได้ ตอนนี้คนในสำนักไม่เยอะ เงียบสงบ เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียร แถมค่าธรรมเนียมแรกเข้าก็ถูกมาก เพียงแค่หนึ่งพันตำลึงทองเท่านั้น"
หยุนเลี่ยวตอบอย่างแผ่วเบา แม้ว่าเขาจะไม่อยากเข้าร่วมสำนักอมตะแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดเยาะเย้ย "ข้าก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกนี่แหละว่ามีสำนักที่เก็บค่าธรรมเนียมจากศิษย์ด้วย"
เหวินผิงตอบว่า "แค่หนึ่งพันตำลึงทองเท่านั้น ถ้าท่านไม่อยากเข้าร่วมสำนักอมตะก็ไม่จำเป็นต้องจ่าย แต่ในสถานการณ์ของท่าน หากต้องการหาสำนักที่จะช่วยท่านเปิดประตูลมปราณขั้นแรก เว้นแต่ท่านจะยอมเสียสละอิสรภาพของท่านเองถึงจะทำได้"
แม้เหวินผิงจะไม่พูด เขาก็คิดว่าหยุนเลี่ยวคงจะคิดได้
เมื่อเปิดประตูลมปราณขั้นแรก ก็จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตทงเสวียน ซึ่งสามารถเป็นเจ้าสำนักของสำนัก 2 ดาวได้ ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งจะถ่ายทอดวิธีการไปสู่ระดับนี้ให้กับคนนอกได้อย่างไร?
เหมือนกับช่างไม้ แม้แต่กับศิษย์ของตัวเองก็ยังต้องเก็บวิชาไว้บ้าง ยิ่งในโลกของผู้บำเพ็ญเพียรนี้ ไม่มีใครกล้าพูดว่าตัวเองเชื่อใจคนรอบข้างได้อย่างสนิทใจ
หยุนเลี่ยวถามอย่างไม่แน่ใจ "ท่านมีวิธีช่วยข้าเปิดประตูลมปราณขั้นแรกหรือ?" หลังจากเดินทางไกลหลายร้อยลี้ ในตอนนี้เขาไม่อยากกลับไปมือเปล่า อีกทั้งเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้มีเพียงสำนักอมตะเท่านั้น เขาคิดไม่ออกว่าจะไปพึ่งที่ไหนได้อีก
เมื่อเห็นเหวินผิงพยักหน้า ในที่สุดหยุนเลี่ยวก็ตัดสินใจ
หยุนเลี่ยวคิดว่าหนึ่งพันตำลึงทองก็หนึ่งพันตำลึงทอง แม้จะแพงไปหน่อย แต่เขาก็เป็นถึงผู้ฝึกฝนกายาขั้นที่ 13 ถ้าอีกฝ่ายคิดจะหลอกเขาง่าย ๆ ไม่ได้แน่นอน
"ข้าจะเข้า!"
"ดี งั้นกรอกใบสมัครนี้ให้เรียบร้อย เมื่อกรอกเสร็จและจ่ายเงินแล้ว นับจากนี้ไปท่านก็เป็นคนของสำนักอมตะโดยทันที"
หยุนเลี่ยวรับแบบฟอร์มที่เหวินผิงยื่นให้ แม้จะอ่านไม่เข้าใจ แต่ก็กรอกตามที่เหวินผิงอธิบายทีละช่อง
เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จแล้ว เหวินผิงก็ไม่อยากนั่งอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป จึงเก็บข้าวของแล้วพาหยุนเลี่ยวไปยังเขาอวิ๋นหลาน
เหวินผิงพาเขาไปถึงหน้าสนามโน้มถ่วงแล้วพูดว่า "นี่คือโอกาสที่ท่านจะเปิดประตูลมปราณแรก เข้าไปข้างในสิ"
"ที่นี่เหรอ?" หยุนเลี่ยวมองไปรอบๆ นอกจากเสามังกรเก้าต้นแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกถึงสิ่งใดเป็นพิเศษ
แผ่นหินปูพื้นธรรมดา มีมอสธรรมดาขึ้นอยู่ด้วยซ้ำ
ภูเขาก็ธรรมดา ต้นไม้ก็ธรรมดา
นอกจากกฎการเข้าสำนักที่ต้องจ่ายหนึ่งพันตำลึงทองแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกว่าสำนักอมตะมีอะไรที่จะช่วยเขาได้ตามที่เหวินผิงบอก
"ท่านลองเข้าไปก็จะรู้เอง"
"ถ้าท่านหลอกข้า ไม่เพียงแต่ข้าจะเอาเงินหนึ่งพันตำลึงทองคืนเท่านั้น แต่ข้าจะฆ่าท่านด้วย"หยุนเลี่ยวขู่ก่อนจะก้าวเข้าไปในสนามโน้มถ่วง
ทว่า ทันทีที่ก้าวเข้าไป แผนที่จะก้าวไปข้างหน้าก็ล้มเหลว เขากลับเซตัวล้มลงไปกองกับพื้น
หยุนเลี่ยวพยายามจะลุกขึ้น แต่กลับพบว่าร่างกายของเขาราวกับถูกภูเขากดทับ หรือเหมือนมีคนเหยียบเขาอยู่
ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถกระโดดได้เหมือนปกติ
"เกิดอะไรขึ้น?"
หลังจากอุทานด้วยความประหลาดใจ เขาก็ทำได้เพียงใช้มือยันตัวเองเพื่อพยายามลุกขึ้น แต่ร่างกายของเขาก็ยังคงหนักเหมือนเดิม
ดังนั้นเขาจึงรีบรวบรวมพลังปราณจากจุดตันเถียน
และเมื่อรวบรวมพลังปราณ เขาก็มองดูตัวเองด้วยความตกตะลึง แล้วมองไปรอบ ๆ
"พลังปราณหมุนเวียนเร็วมาก!"
"ท่านลองหมุนเวียนวัฏจักรพลังปราณทั่วร่างกายดูสิ" เสียงของเหวินผิงดังขึ้น
หยุนเลี่ยวมองไปที่เหวินผิงที่กำลังมองเขาด้วยสายตาเหมือนคนไม่เคยเห็นโลกมาก่อน จากนั้นก็รีบรวบรวมพลังปราณหมุนเวียนทั่วร่างกาย
สิบลมหายใจต่อมาก็ครบหนึ่งรอบ!
"เป็นไปได้ยังไง?"
"ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ในการบำเพ็ญเพียรที่นี่ ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของท่านจะเร็วกว่าโลกภายนอกถึงเก้าเท่า ตราบใดที่ท่านไม่ใช่คนโง่เขลา ท่านก็สามารถเปิดประตูลมปราณขั้นแรกได้"
เมื่อหยุนเลี่ยวได้ยินเช่นนี้ ความรู้สึกในใจของเขาก็เกินกว่าจะบรรยายด้วยคำว่าตกใจได้
สรุปสั้น ๆ ก็คือ ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรที่เพิ่มขึ้นเก้าเท่าทำให้เขาตกใจมาก เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีสถานที่ใดสามารถเพิ่มความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของคนๆ หนึ่งได้มากขนาดนี้
ไม่เคยมีมาก่อน!
(จบตอน)