ตอนที่แล้วบทที่ 32 เขาหมายความว่ายังไง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34 อยู่กันคนละระดับ

บทที่ 33 ขอฉันชิมหน่อย


ซ่งซือหยูไม่อยากพูดเรื่องการเล่นสเก็ตต่อหน้าคนจำนวนมาก เธอจึงเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อ

“เราค่อยพูดถึงเรื่องนี้ทีหลัง ฉันไปดูรอบๆแล้วเห็นว่ามีอาหารหลากหลายแบบมาก หากต้องการอะไรคุณสามารถสั่งได้เลย”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ซ่งซือหยูพูด ความสนใจของทุกคนก็หันไปที่เรื่องอาหาร

ในเวลานี้ใครๆก็หิว จึงทิ้งไว้เพียงคนเดียวที่โต๊ะ ส่วนคนอื่นๆก็ออกไปสั่งอาหาร

หวังจวิ้นไฉอยู่ที่โต๊ะของซ่งซือหยู

เขาให้เหตุผลว่า “ฉันกินอะไรก็ได้แล้วแต่ซือหยูเลย”

ส่วนโต๊ะของหยางไป่ซานและอีกสองคน พวกเขาทั้งหมดออกไปสั่งอาหาร

ที่โต๊ะของสวี่ชิวเหวิน เดิมทีเขาคิดว่าเมื่อหวังจวิ้นไฉอยู่จองที่ เขาเลยไม่จำเป็น เขาจึงวางแผนที่จะลุกขึ้นไปซื้ออาหาร

เป็นผลให้เขาถูกหยุดโดยเซียวโหยวหราน

เซียวโหยวหรานสัญญาว่าจะนำอาหารจานโปรดมาให้เขา

สวี่ชิวเหวินเป็นเหมือนสุนัขเลียของเซียวโหยวหรานในช่วงสิบแปดปีแรก และเซียวโหยวหรานเป็นเทพธิดาของเขา

ยากที่จะบอกว่าเทพธิดาใส่ใจกับความชอบของสุนัขหรือไม่

แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวโหยวหรานรู้ดีว่าอาหารประเภทใดที่สวี่ชิวเหวินชอบกิน นักฟุตบอลคนไหนที่เขาชอบ และเรื่องอื่นๆ

สวี่ชิวเหวินยังคิดด้วยว่าถ้าเซียวโหยวหรานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชอบกินอะไรหลังจากไล่ตามมาสิบแปดปีก่อนเกิดใหม่ ชีวิตของเขาคงจะล้มเหลว

โชคดีที่เซียวโหยวหรานไม่ทำให้สวี่ชิวเหวินผิดหวัง

เมื่อเห็นเซียวโหยวหรานและอันซือซือจับมือกันขณะไปสั่งอาหารด้วยกัน ดวงตาของสวี่ชิวเหวินก็เพ่งความสนใจไปที่คนหลังโดยไม่รู้ตัว

สวี่ชิวเหวินไม่ได้ตั้งใจจะจ้องมองด้านหลังของคนอื่นอย่างแน่นอน

ด้วยท่าทางที่ดูสบายๆ เขาเพิ่งสังเกตเห็นบั้นท้ายที่อวบอิ่มของหญิงสาว และจากตำแหน่งรอบเอวของเธอ ก็ตัดสินได้ว่าสัดส่วนร่างกายของเธอดีมาก

สามสาวในหอพัก 301

ซ่งซือหยูสูงที่สุด ประมาณ 1.72 เมตร

เซียวโหยวหรานอยู่ตรงกลาง สูง 1.68 เมตร

อันซือซือเตี้ยที่สุด ปรมาณ 1.66 หรือ 1.67 เมตร

แต่เมื่อมองดูแล้วเขารู้สึกว่าเธอไม่ได้ด้อยกว่าผู้หญิงอีกสองคนเลย เนื่องจากสัดส่วนร่างกายของอันซือซือทำให้ผู้คนเกิดจินตนาการได้มาก

สวี่ชิวเหวินไม่ได้ละสายตาจนกระทั่งอันซือซืออยู่ห่างออกไปและมองเห็นได้ไม่ชัดเจน

เขาถูจมูกของเขา

เมื่อสังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหวังจวิ้นไฉที่อยู่ข้างๆ สวี่ชิวเหวินจึงกล่าวว่า “แฟนของคุณค่อนข้างดี เธอสวยมาก สง่างาม และเรียบร้อย เธอดูเหมาะสมมากสำหรับการแต่งงาน”

หวังจวิ้นไฉมีความสุขมากที่ได้ยินสวี่ชิวเหวินยกย่องแฟนสาวของเขา

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ลืมว่าเมื่อกี้เซียวโหยวหรานพึ่งโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของสวี่ชิวเหวิน จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “ชิวเหวิน คุณบอกว่าคุณไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ? บอกฉันมาตามตรงว่าคุณมีความสัมพันธ์ยังไงกับเซียวโหยวหราน”

สวี่ชิวเหวินพูดโดยไม่ได้คิดอะไรว่า “แค่เรารู้จักกันมานานและความสัมพันธ์ของเราก็ค่อนข้างดี”

“จริงหรอ? เธอโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของคุณด้วยซ้ำ” แน่นอนว่าหวังจวิ้นไฉไม่เชื่อ

สวี่ชิวเหวินกล่าวเสริมว่า “เธอสารภาพรักกับฉันแล้วฉันก็ปฏิเสธเธอ แต่อย่าพูดออกมาล่ะ ฉันกลัวว่าเธอจะอาย”

“ฮ่าๆ... จริงๆหรอ? ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่บอกใคร ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้เธอตื่นเต้นมาก”

หวังจวิ้นไฉเริ่มสนใจและถาม “แล้วทำไมคุณไม่เห็นด้วยล่ะ เซียวโหยวหรานทั้งสวย บริสุทธิ์ และอ่อนหวานมาก คงจะรู้สึกดีมากถ้าได้แนะนำแฟนสาวแบบนี้ต่อหน้าเพื่อน”

สวี่ชิวเหวินยิ้มและไม่พูดอะไร

ความสนใจของหวังจวิ้นไฉถูกกระตุ้น และเขาก็กังวลเล็กน้อยเมื่อไม่ได้ยินคำตอบ

แต่เขาก็รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายไม่ได้ต้องการจะพูด เขาจึงยอมแพ้

ไม่นานคนทั้งกลุ่มก็กลับมาพร้อมกับอาหาร

ทุกคนสั่งอาหารจานโปรดของตน

เซียวโหยวหรานถือจานอาหารไว้ในมือแต่ละข้างแล้วเดินอย่างไม่มั่นคง

สวี่ชิวเหวินกังวลมากว่าจานอาหารจะหล่น โชคดีที่สิ่งนั้นไม่เกิดขึ้น

อันซือซือยังสั่งอาหารมังสวิรัติสองจานและข้าวหนึ่งส่วน หญิงสาวรีบวางจานอาหารแล้วหันไปช่วยเซียวโหยวหราน

ด้วยความร่วมมือของผู้หญิงทั้งสอง จานอาหารในมือของเซียวโหยวหรานจึงไม่หก

ตั้งแต่ต้นจนจบ สวี่ชิวเหวินเป็นเหมือนกับจักรพรรดิ นั่งรอให้คนอื่นเตรียมทุกอย่างไม่ยอมยื่นมือออกไป

เซียวโหยวหรานนั่งลงและพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “เสี่ยวสวี่ ดูอาหารที่ฉันนำมาให้สิ คุณชอบหรือเปล่า”

สวี่ชิวเหวินมองลงไปและเห็นว่ามันเป็นอาหารจานโปรดของเขาจริงๆ

เขาพยักหน้า

เซียวโหยวหรานยิ้มอย่างมีความสุขทันที ราวกับว่าเธอได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่

ในอีกด้านหนึ่ง ซ่งซือหยูกลับมาพร้อมส่วนของเธอเท่านั้น

ส่วนของหวังจวิ้นไฉถูกจินฮ่าวหนานถืออยู่ข้างๆ

มือของชายคนนั้นใหญ่และแข็งแรง แม้ว่าเขาจะถือจานสองใบ แต่มันก็ยังมั่นคง

แต่เมื่อหวังจวิ้นไฉเห็นจานอาหารที่จินฮ่าวหนานนำมา เขาก็ตกตะลึง

มีอาหารทั้งหมดสามจาน อีกสองจานโอเคและยอมรับได้ แต่จานที่สามกลับกลายเป็นปลา

หวังจวิ้นไฉเกลียดปลามากที่สุด ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูด “ซือหยู ทำไมคุณถึงสั่งปลาให้ฉัน คุณไม่รู้เหรอว่าฉันไม่กินปลา”

ซ่งซือหยูขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน “ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ชอบปลา คุณไม่เคยบอก”

หวังจวิ้นไฉอยากจะบอกว่าเขาไม่เคยกินปลาเลยเมื่อพวกเขากินข้าวด้วยกันมาก่อน คุณไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้หรอ? แต่หลังจากเห็นสีหน้าของซ่งซือหยู เขาก็เลือกที่จะหุบปากอย่างชาญฉลาด

แค่คิดว่ามันมีเพียงสองจาน

อย่างไรก็ตาม เขายังคงรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่เซียวโหยวหรานพูดกับสวี่ชิวเหวินที่อยู่ข้างๆ

เขาเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆว่าเซียวโหยวหรานเป็นเทพธิดา

คนธรรมดาจะจำอาหารจานโปรดของเด็กผู้ชายได้อย่างไร? แล้วทำไมคุณ ซ่งซือหยูถึงจำพวกมันไม่ได้?

ความสนใจของสวี่ชิวเหวินไม่ได้อยู่ที่สองโต๊ะข้างๆ

เมื่อเห็นว่าอันซือซือสั่งอาหารมังสวิรัติเพียงสองจาน สวี่ชิวเหวินก็รู้สึกแปลกเล็กน้อย เพราะตกลงกันว่าหวังจวิ้นไฉจะเลี้ยงอาหารมื้อนี้ และเธอก็ไม่ต้องจ่ายเงินเอง ดังนั้นทำไมไม่เลือกอาหารอร่อยๆสักจานล่ะ

แต่แล้วสวี่ชิวเหวินก็เข้าใจ

ผู้หญิงคนนี้อาจตระหนักว่าฐานะทางการเงินของตนไม่ดีและไม่มีทางที่จะตอบแทนได้ ด้วยวิธีนี้เธอจึงกินน้อยลง

แม้ว่าเธอจะไม่ร่ำรวย แต่สวี่ชิวเหวินก็ยังคงประทับใจกับอันซือซือที่ไม่ชอบเอาเปรียบผู้อื่น

จิตใจของเขาแล่นเร็วมากจนเขาคิดทุกอย่างเสร็จทันทีที่สาวๆวางจาน

เมื่อเห็นว่ามีอาหารมังสวิรัติเพียงสองจานและเป็นอันที่เรียบง่ายที่สุด เขาก็ไม่อาจเมินเฉยได้

สวี่ชิวเหวินหยิบตะเกียบขึ้นมาวางบนจานของหญิงสาวแล้วพูดว่า “เฮ้ ฉันไม่ได้กินเต้าหู้มานานแล้ว ขอฉันชิมหน่อยสิ”

เมื่อเซียวโหยวหรานเห็นฉากนี้ ปากของเธอก็อ้าขึ้นเล็กน้อยและเธอก็ประหลาดใจมาก

เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองสวี่ชิวเหวิน จากนั้นจึงหันไปมองอันซือซือ

ไม่ใช่ว่าพวกเขาเพิ่งเจอกันเหรอ? เมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์ดีขนาดนี้?

เซียวโหยวหรานไม่เข้าใจ และทันใดนั้นก็อารมณ์ไม่ดี เธออดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก

อันซือซือรู้สึกประหลาดใจมากเช่นกันที่สวี่ชิวเหวินวางตะเกียบบนจานของเธอจริงๆ

เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำสิ่งนี้ในตอนแรก แต่แล้วคำพูดของสวี่ชิวเหวินก็ทำให้เธอตระหนักได้

หลังจากที่สวี่ชิวเหวินกัดเข้าไปแล้ว เขาก็พูดกับหญิงสาวว่า “โอ้ ฉันลืมไปเลย นี่มันหยาบคายไปหน่อย จานของฉันยังไม่ได้ถูกแตะเลย คุณกินมันได้ ฉันจะกินจานของคุณแทน”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ไม่ให้โอกาสหญิงสาวปฏิเสธ เขาสลับจานทั้งสองใบอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงรีบคีบอาหารคำหนึ่งแล้วจุ่มลงไปในชามข้าว

อันซือซือก็เข้าใจจุดประสงค์ของเด็กชายในการทำเช่นนี้

เธอรู้ว่าอีกฝ่ายเดาความคิดของเธอได้ และเธอก็เดาเหตุผลว่าทำไมเขาถึงทำเช่นนี้ ทั้งสองมองหน้ากันหลังจากแลกเปลี่ยนจาน

จากนั้นเธอก็ไม่พูดอะไรและก้มหัวลง

อันที่จริงทั้งสองก็รู้กันโดยปริยาย

/////