บทที่ 29 วันที่สิบ
บทที่ 29 วันที่สิบ
คำพูดของลูกคนรวยสวี่ฮ่าว ทำให้กลุ่มแชทเจ้าของบ้านแตกตื่น!
"อะไรนะ? บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองละ 2,000 หยวน? ฉัน... ฉันไม่ได้หูฝาดใช่ไหม?"
"เฮ้ย พวกคุณอย่าขึ้นราคากันแบบนี้สิ! ฉันเริ่มกลัวแล้วนะ"
บางคนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "พายุหิมะต้องผ่านไปแน่ๆ ใช่ไหม? ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก"
เขาส่งข้อความเสียงมา เสียงที่สั่นเทา แสดงให้เห็นว่าเขาเริ่มหวาดกลัว
ทุกคนไม่ได้สิ้นหวังโดยสิ้นเชิง พวกเขาตื่นขึ้นมาทุกเช้า ก็หวังว่าจะเห็นหิมะหยุดตก เห็นพระอาทิตย์ขึ้น และกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม
แต่การที่เซี่ยลี่เหมยและลูกคนรวยสวี่ฮ่าว ซื้ออาหารในราคาสูง ทำให้พวกเขารู้สึกไม่มั่นคง
บางคนแสร้งทำเป็นใจเย็น พูดว่า "ล้อเล่นน่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองละ 2,000 หยวน? คิดว่าวันโลกาวินาศมาถึงแล้วเหรอ ฮ่าๆๆ!"
"แค่หิมะตกหนักหน่อยเอง ฤดูหนาวปีนี้มาเร็วหน่อย! ไม่ใช่ซอมบี้บุกเมือง จะอะไรขนาดนั้น!"
จางอี้เห็นข้อความนี้ ก็ส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม
ซอมบี้บุกเมือง?
อย่าเอาเรื่องแบบนั้นมาเทียบกับยุคน้ำแข็งหายนะวันสิ้นโลกครั้งนี้
แม้ว่าซอมบี้จะน่ากลัว แต่มนุษย์ก็ยังสามารถต่อสู้ได้
แต่เมื่อเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ มนุษย์ตัวเล็กๆ ก็เปราะบางเหมือนแมลงต่อหน้าพลังของจักรวาล
พวกเขายังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเผชิญกับภัยพิบัติที่น่ากลัวขนาดไหน!
สวี่ฮ่าวพูดอย่างอวดดีในกลุ่ม "พวกแกไม่ต้องสนใจ! ยังไงฉันก็รวย ใช้เงินซื้อความสบายใจไม่ได้เหรอ? พวกแกอยากขายก็ส่งข้อความมาหาฉัน ไม่อยากขายก็ช่างแม่ง!"
สวี่ฮ่าวแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
แต่จางอี้มองออกว่า เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ทว่าความจริง เขาเริ่มรู้สึกกลัวแล้ว!
ไม่งั้น… เขาคงไม่เสนอราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองละ 2,000 หยวนหรอก!
เรื่องนี้คิดไม่ยาก
แม้ว่าสวี่ฮ่าวจะรวยมาก มีทรัพย์สินหลายร้อยล้านหยวน
แต่ในวันสิ้นโลกแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงการใช้ชีวิตอย่างหรูหรา แม้แต่จะสั่งอาหารก็ยังทำไม่ได้
คนรวยอาจจะไม่ใจดี แต่พวกเขาไม่ได้โง่
สวี่ฮ่าวที่รู้ตัวว่าสถานการณ์ร้ายแรง จึงเริ่มซื้อเสบียงจากเพื่อนบ้านในราคาสูง
เซี่ยลี่เหมยพูดอย่างตื่นเต้น "นาย... นายทำแบบนี้ได้ยังไง? ที่บ้านฉันไม่มีของกินแล้ว ฉันซื้ออาหารเพื่อเอาชีวิตรอด"
สวี่ฮ่าวพูดอย่างไม่แยแส "ฉันไม่ได้แย่งกับเธอ แค่ฉันเสนอราคาสูงกว่า ทุกคนอยากขายให้ใครก็เป็นสิทธิ์ของพวกเขา เธอจะยุ่งอะไร?"
เซี่ยลี่เหมยเห็นว่าสวี่ฮ่าวไม่สนใจเธอ จึงร้องไห้ในกลุ่ม "ขอร้องล่ะ ช่วยพวกเราด้วย ลูกสาวของฉันอายุแค่ 9 เดือน ถ้าฉันไม่มีของกิน ฉันก็จะไม่มีนมให้ลูก จานนั้นพวกเราแม่ลูกจะอดตาย!"
เจ้าของบ้านคนอื่นๆ ในกลุ่มต่างนิ่งเงียบ
ในช่วงเวลาแบบนี้ ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ก็แสดงออกมาอย่างชัดเจน
สวี่ฮ่าวเสนอราคาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองละ 2,000 หยวน!
ส่วนเซี่ยลี่เหมย เสนอราคาแค่ครึ่งเดียว
ต้องรู้ก่อนว่า เงินเดือนเฉลี่ยของคนในเมืองเทียนไห่ก็แค่ 5,000 หยวน
ใครจะยอมขายเสบียงที่เก็บไว้ให้เธอในราคาถูก?
หลายคนส่งข้อความหาสวี่ฮ่าว แล้วก็เริ่มต่อรองราคา
เซี่ยลี่เหมยเหมือนจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น จึงร้องไห้ขอความช่วยเหลือจากทุกคนในกลุ่ม
แต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไร แม้แต่จะปลอบใจเธอก็ไม่มี
เพราะถ้าพูดอะไร เซี่ยลี่เหมยก็จะคิดว่าพวกเขาใจอ่อน แล้วก็ตามตื๊อ!
คุณแม่ที่น่าสงสารคนนี้ ร้องไห้จนเสียงแหบ
เธอเลี้ยงลูกอายุ 8 เดือน ตอนนี้แค่ดูแลตัวเองก็ลำบากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องเลี้ยงลูกที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีก
จางอี้ก็นึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับเซี่ยลี่เหมยในชาติที่แล้ว
เขาไม่ได้จำเธอได้แม่นยำนัก เพราะผู้หญิงคนนี้มักจะทำตัวเป็นคุณแม่ที่อ่อนแออยู่เสมอ
ใช้ความน่าสงสาร ขอเสบียงจากคนอื่น มีชีวิตรอดต่อไป
แต่มีเรื่องหนึ่งแปลกมาก
ในความทรงจำของจางอี้ เธอและลูกสาวมีชีวิตรอดมาได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของจางอี้ก็เป็นประกาย
ผู้หญิงคนนี้ เธอต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ ของที่ดูเหมือนสวยงาม พอผ่าออกมาก็เน่าเฟะ!
ตอนที่เขาตาย เธอคงได้ส่วนแบ่งจากเขาแน่นอน
จางอี้รู้ดีว่า ในโลกหลังหายนะ ความใจอ่อนคือสิ่งที่ทำให้ตายเร็วที่สุด
ดังนั้น เขาจึงไม่พูดอะไร เลือกที่จะมองเซี่ยลี่เหมยอย่างเย็นชา
คนตายในโลกหลังหายนะมีเยอะมาก เขาแค่อยากดูแลตัวเอง ส่วนคนอื่น ตายก็คือตาย!
แต่การร้องไห้ของเซี่ยลี่เหมยก็ได้ผลบ้าง
ลุงโหยว รปภ. ใจอ่อน สุดท้ายก็ยอมแบ่งอาหารให้เธอ
เซี่ยลี่เหมยขอบลุงโหยวมาก บอกว่าจะไม่ลืมบุญคุณของเขาตลอดชีวิต
จางอี้เห็นจากกล้องวงจรปิดว่า สุดท้ายสวี่ฮ่าวก็ซื้อเสบียงจากเพื่อนบ้านได้
แม้ว่าจะไม่เยอะ แต่ก็พอให้เขากับแฟนมีชีวิตรอดได้หลายสัปดาห์
จางอี้ยิ้มเยาะ "นี่คือประโยชน์สุดท้ายของเงินในวันสิ้นโลก"
คงไม่นาน ทุกคนก็จะรู้ว่าเงินกลายเป็นเศษกระดาษ เสบียงคือสิ่งที่สำคัญที่สุด!
ถึงเวลานั้น ไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่เสียใจที่ขายเสบียงไป
ต้องยอมรับว่า สวี่ฮ่าวเป็นคนแรกที่ซื้อเสบียงในราคาสูงในกลุ่มแชทเจ้าของบ้าน
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเจ้าของบ้านในตึก 25 ตึก ต่างก็เป็นเพื่อน เป็นเพื่อนร่วมงาน
การที่สวี่ฮ่าวซื้อเสบียงในราคาสูง ย่อมส่งผลกระทบต่อทุกคน
เมื่อเขาใช้เงินกำหนดราคาเสบียง ทุกคนก็รู้ตัวว่าตอนนี้เสบียงขาดแคลนมากแค่ไหน!
ทุกคนต่างก็กอดเสบียงของตัวเองแน่น
ตอนที่พายุหิมะเพิ่งมาถึง ยังมีบางคนที่แบ่งปันเสบียงกับเพื่อนบ้าน
แต่ตอนนี้ พวกเขากลายเป็นคนขี้เหนียวไปแล้ว
แม้แต่เพื่อนสนิทมาขอยืมของกิน พวกเขาก็จะปฏิเสธด้วยข้ออ้างต่างๆ
วันที่สิบ… หลังจากยุคน้ำแข็งมาถึง
ตอนนี้ ที่บ้านของฟางหวี่ฉิงและหลินไฉ่หนิง
เสบียงก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว
ก่อนหน้านี้ พวกเธอเป็นคนเรื่องมาก ชอบกินอาหารชั้นเลิศ แต่ตอนนี้ แค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองเดียวก็ทะเลาะกันได้
อาหารที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้ และอาหารที่คนคอยเลียแข้งเลียขาอย่างโจวเผิงเอามาให้ ก็เหลือน้อยลงแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อย่างมากก็อีกหนึ่งสัปดาห์ พวกเธอก็ต้องอดตาย!
ทั้งสองคนห่มผ้าห่ม นั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าซีดเผือด บนโต๊ะกาแฟมีบิสกิตอัดแข็งซองหนึ่งที่เปิดแล้ว
หลินไฉ่หนิงมองบิสกิตอัดแข็ง แล้วพูดกับฟางหวี่ฉิง "หวี่ฉิง นี่เป็นบิสกิตอัดแข็งซองสุดท้ายของพวกเราแล้ว"
ดวงตาของฟางหวี่ฉิงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ในอดีต อาหารแบบนี้ ต่อให้เธอตาย เธอก็ไม่ยอมกิน
แต่ตอนนี้ เธอกินจนหมดเกลี้ยง แม้แต่เศษที่ตกบนพื้น เธอก็ไม่ยอมทิ้ง ต้องเก็บมากินให้หมด!