บทที่ 20 เริ่มต้นชีวิตแบบนอนราบ
บทที่ 20 เริ่มต้นชีวิตแบบนอนราบ
(躺平" ถ่างผิง หรือ "นอนราบ" เป็นคำแสลงภาษาจีนที่กำลังได้รับความนิยมในสังคมจีน คำนี้หมายถึงการปฏิเสธแรงกดดันทางสังคมในการทำงานหนักเกินไปและแสวงหาความสำเร็จที่มากเกินไป แล้วใช้ชีวิตแบบสบายๆ)
คุณลองนึกภาพดูสิ ว่าการโดนน้ำเย็นราดตัวในอุณหภูมิ -70 กว่าองศาเซลเซียส มันรู้สึกยังไง?
จางอี้ถือสายยางขนาดใหญ่ ฉีดน้ำใส่พวกอันธพาลที่อยู่หน้าประตู
อุณหภูมิภายในและภายนอกบ้านต่างกันเกือบ 100 องศาเซลเซียส
ดังนั้น ตอนที่น้ำไหลออกมา มันยังมีควันร้อนๆ แต่พอโดนตัวพวกนั้น มันก็กลายเป็นน้ำแข็งทันที!
อากาศหนาวเย็น พวกเขาต่างสวมเสื้อแจ็คเก็ตและเสื้อกันหนาว
น้ำเย็นทำให้พวกเขาเปียกโชก รู้สึกเหมือนถูกโยนลงไปในห้องเย็น
"เวรเอ้ย! หนาวชิบหาย หนาวจะตายแล้ว!"
"อ๊ากกก อย่าฉีด อย่าฉีด!"
ในตอนนี้ พวกเขาอยากจะโดนซ้อมมากกว่าทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็นแบบนี้
พวกเขาถูกแช่แข็งจนริมฝีปากเป็นสีม่วง บางคนถึงกับช็อกหมดสติเพราะอุณหภูมิต่ำมากเกินไป
พวกเขาใช้สัญชาตญาณ วิ่งหนีออกจากหน้าประตูบ้านของจางอี้ทันที
แต่แค่สิบกว่าวินาที มันก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเปียกโชก
พวกเขายังไม่ทันขึ้นลิฟต์หนี เสื้อผ้าก็แข็งเป็นน้ำแข็งจนหมดแล้ว
จางอี้เห็นพวกเขาวิ่งหนีไปหมดแล้ว เขาจึงปิดก๊อกน้ำ
จริงๆ แล้ว ตอนแรกเขาวางแผนที่จะใช้หน้าไม้สั่งสอนพวกนั้น
แต่การบรรจุกระสุนมันช้าเกินไป แถมพวกนั้นอาจจะยิงสวนกลับมาทางช่องยิงได้
การฉีดน้ำแบบนี้ย่อมได้ผลดีกว่า
พวกอันธพาลโดนจางอี้ฉีดน้ำจนหนาวสะท้าน ถูกแช่แข็งจนริมฝีปากเป็นสีม่วง
พวกเขารีบวิ่งกลับไปที่บ้านของเฉินเจิ้งหาวอย่างรวดเร็ว
เฉินเจิ้งหาวเห็นพวกเขากลับมาด้วยสภาพที่น่าอนาถ เขาก็โกรธมาก
"ไอ้เด็กเวรนั่นล่ะ? พวกแกจับมันมาได้หรือยัง?"
ลูกน้องพวกนั้นต่างรีบหาผ้าห่มและผ้าปูที่นอนมาคลุมตัว
เสื้อผ้าของพวกเขาเปียกโชก กลายเป็นน้ำแข็งหมดแล้ว
คนสิบกว่าคน แย่งผ้าห่มและเสื้อผ้ากันในห้อง
แต่คนเยอะเกินไป ของไม่พอแบ่ง ลูกน้องบางคนไม่มีทางเลือก พวกเขาจึงถอดเสื้อผ้า และกอดกันเพื่อคลายความหนาว
ภาพแบบนี้ ดูแปลกๆ…
เฉินเจิ้งหาวโกรธมาก ตบโต๊ะอย่างแรง แล้วตะโกนว่า "ใครมาอธิบายให้ข้าฟังหน่อยสิ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น!?"
ลูกน้องบางคนพอรู้สึกอุ่นขึ้น ก็อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เฉินเจิ้งหาวฟังอย่างตะกุกตะกัก
"จางอี้มันเลวมาก ฉีดน้ำใส่พวกเรา ทนไม่ไหวจริงๆ!"
"ประตูบ้านมันไม่รู้ว่าหนาแค่ไหน พวกเราทุบอยู่นาน มันก็แค่สีหลุดลอกไปนิดหน่อยเท่านั้น"
เฉินเจิ้งหาวฟังจบ เขาก็ขมวดคิ้วทันที
ตอนที่เขาไปทุบประตูเอง เขาก็รู้สึกว่าประตูบ้านของจางอี้หนามาก
ดูเหมือนว่าการบุกเข้าไปจะยากมากสินะ?
แต่ไม่นาน เขาก็หัวเราะเยาะออกมา
"ไม่เป็นไร ต่อให้บ้านมันเป็นเต่าเหล็ก มันก็ต้องมีจุดอ่อน"
"ข้าไม่เชื่อว่ามันจะอยู่แต่ในบ้านตลอดไป!"
"พวกแกไปเฝ้าอยู่แถวนั้น พอมันออกจากบ้าน ก็ฆ่ามันให้ตาย!"
เฉินเจิ้งหาวพูดอย่างดุร้าย
ลูกน้องของเขาก็เป็นพวกอันธพาล ได้ยินแบบนี้ ต่างก็หัวเราะเยาะอย่างตะกุกตะกัก
แม้ว่าพวกเขาจะหนาวจนตัวสั่น แต่ก็ยังต้องทำท่าทางดุร้าย
แต่พวกเขาไม่คิดว่า จางอี้ไม่มีแผนที่จะออกจากบ้านเลย
ข้างนอกคือนรก ห้องของเขาคือสวรรค์
ใครจะออกจากสวรรค์ไปนรกกักนล่ะ ใช่ไหม?
...
หลังจากจัดการกับเฉินเจิ้งหาวและพวกนั้นแล้ว จางอี้ก็กลับไปเล่นเกมต่อ
แม้ว่าเขารู้ว่าพวกนั้นจะไม่ยอมแพ้ แต่พวกนั้นก็ไม่มีความสามารถที่จะบุกเข้ามาในบ้านของเขา
ส่วนเรื่องออกไปข้างนอก?
ฮ่าๆๆ จางอี้ไม่มีทางเลือกแบบนั้นเด็ดขาด!
ต่อให้มีความเสี่ยงแค่ 0.01% เขาก็จะไม่เสี่ยง!
อยู่บ้านอย่างสบายใจแบบนี้ ไม่ดีกว่าเหรอไง?
ไม่นาน จางอี้ก็เดินไปที่หน้าต่าง เพื่อมองดูข้างนอก
มีคนนำอุปกรณ์มากวาดหิมะจริงๆ
ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นลุงโหยว รปภ. ทหารผ่านศึกที่ใจดีคนนี้ เจอเรื่องอะไรก็มักจะเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปช่วย
คนที่อยู่ข้างล่างสิบกว่าคน ล้วนเป็นคนหนุ่มสาวที่พูดจาดีๆ ในกลุ่มเจ้าของบ้าน
ส่วนป้าหลินและสมาชิกคณะกรรมการชุมชนคนอื่นๆ กลับไม่มีแม้แต่เงา
พวกเขาพยายามขุดหิมะที่หนา 2-3 เมตร
แต่จางอี้รู้ว่า การทำแบบนี้ไร้ประโยชน์
แค่การขุดหิมะจากข้างล่างไปถึงประตูย่านที่พักอาศัย มันก็ต้องใช้เวลาทั้งวัน
แต่ถึงขุดไปถึงแล้วจะเป็นยังไงต่อล่ะ?
ถนนข้างนอกก็ถูกหิมะทับถมหมดแล้ว
หิมะหนาขนาดนี้ ต้องใช้รถกวาดหิมะขนาดใหญ่ระดับมืออาชีพเท่านั้น ถึงจะค่อยๆ กวาดออกได้
แต่ที่นี่คือภาคใต้ ไม่มีรถแบบนั้นอยู่แล้ว
การออกไปข้างนอก กลายเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น ในอุณหภูมิ -70 กว่าองศา พวกเขาต้องทนไม่ไหวแน่ๆ
อุปกรณ์กันหนาวไม่ดี ร่างกายก็ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิต่ำแบบนี้ได้
อยู่ข้างนอกติดต่อกันครึ่งชั่วโมง ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นหวัดแล้ว
จางอี้ส่ายหน้า
คนซื่อๆ พวกนี้ ช่างน่าสงสารจริงๆ
แต่พวกเขาเลือกเอง จางอี้ก็ขี้เกียจจะพูดอะไร
เพราะตอนนี้ ทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาแค่อยากมีชีวิตอยู่
เวลาผ่านไปจนถึงบ่าย
จางอี้รู้สึกหิว เขาก็เลยนำอาหารมื้อใหญ่ชุดหนึ่งออกมาจากมิติพื้นที่
อาหารมื้อนี้เรียบง่าย แค่กุ้งมังกรหนึ่งจาน สเต็กเวลลิงตันหนึ่งจาน ซาลาเปาหวงซานสองลูก และโค้กหนึ่งขวด
อาหารอร่อยแบบนี้ ในมิติพื้นที่ของเขามีเยอะแยะ
ตอนนี้จางอี้ใช้ชีวิตอยู่บ้านทุกวัน เวลานอน เวลากิน ก็เป็นอิสระ
สรุปคือ ง่วงก็นอน หิวก็กิน ไม่จำเป็นต้องแยกกลางวันกลางคืน
หิมะข้างนอกยังคงตกอย่างต่อเนื่อง
จางอี้มองดูข้างล่างตึก
คนที่กวาดหิมะกลับไปหมดแล้ว
พื้นที่ว่างที่พวกเขาพยายามกวาดหิมะออก ก็ถูกหิมะทับถมอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรู้ตัวแล้วว่า แค่แรงของพวกเขา ไม่สามารถต่อสู้กับธรรมชาติได้
จางอี้สวมเสื้อยืด นอนอยู่บนโซฟา อุณหภูมิในบ้าน 27 องศาเซลเซียส ช่างสบายจริงๆ
เขาเปิดทีวี ดูรายการ
ตอนนี้ สถานีโทรทัศน์หลายแห่งทั่วประเทศหยุดออกอากาศ มีแค่สถานีโทรทัศน์ระดับมณฑลและ CCTV เท่านั้นที่ยังออกอากาศอยู่
ในนั้น ล้วนเป็นการประชาสัมพันธ์งานของทางการ และคำขวัญให้กำลังใจทุกคน
"ในตอนนี้ สายตาของเรามองไปที่เมืองเสิ่นหยาง ทางการกำลังวางแผนและสั่งการให้เรา โจมตีภัยพิบัติหิมะครั้งสุดท้าย!"
"มีรายงานว่า ประเทศอเมริกา เนื่องจากการควบคุมภัยพิบัติหิมะไม่ดี ทำให้มีผู้ประสบภัย 200 ล้านคน เสียชีวิตหลายสิบล้านคน!"
"ภัยพิบัติหิมะของประเทศเรายังอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี"
"หวังว่าทุกคนจะไม่ตื่นตระหนก เชื่อมั่นในพลังของทางการ!"
จางอี้ส่ายหน้า
ภัยพิบัติหิมะครั้งนี้ยิ่งใหญ่ และน่ากลัวเกินกว่าที่มนุษย์จะจินตนาการได้
แม้ว่าทางการจะพยายามแก้ไขปัญหา แต่พลังของมนุษย์ต่อหน้าธรรมชาติ มันช่างเล็กจ้อยเกินไป…