บทที่ 17 ซื้อทาส
บทที่ 17 ซื้อทาส
หลังจากที่โรบินหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจบ และซีซาร์ก็ดับไฟ ทั้งสองก็กลับไปทำสิ่งที่กำลังทำอยู่ต่อ ซีซาร์ยุ่งอยู่กับการพยายามทะลวงผ่านไปยังระดับสองให้ได้ก่อนสิ้นเดือน ส่วนโรบินก็เริ่มจุดไฟทุกสิ่งที่เขาเห็น..
กิจวัตรของซีซาร์เปลี่ยนไปมากตั้งแต่วันนั้น แทนที่จะฝึก กิน และนอน กลับกลายเป็นการฝึก เก็บบ้าน ซื้อของใช้มาแทนที่ของที่ถูกเผา ตรวจสุขภาพกายและใจของพ่อของเขา.. แล้วก็กินและนอน
ความกระตือรือร้นของโรบินดำเนินไปเป็นเวลาประมาณสองสัปดาห์... แม้แต่อาหารของเขาก็ยังถูกปรุงด้วยตัวเองบนกองไฟที่แตกต่างกันในแต่ละวันเพื่อดูว่ารูปแบบไฟจะเปลี่ยนไปอย่างไรภายใต้โลหะชนิดต่างๆ และอาหารภายในจะส่งผลต่อรูปแบบหรือไม่!
แต่ในไม่ช้าเขาก็ตระหนักว่ากระบวนการดังกล่าวจะไม่สิ้นสุดในชั่วข้ามคืน จากนั้นจึงเริ่มกำหนดตารางเวลาที่เหมาะสมในแต่ละวัน
ไม่กี่วันก่อนสิ้นเดือนที่สองของพวกเขาสถาบัน ซีซาร์ทะลุผ่านไปยังระดับที่สองได้สำเร็จ แต่คราวนี้เขาไม่ได้ตะโกนหรือพยายามคุยโม้ต่อหน้าพ่อของเขา เขาเริ่มฝึกฝนไปสู่ระดับที่สามอย่างเงียบๆ เพราะเขารู้ว่าโรบินยุ่งตลอดเวลากับกฎสวรรค์แห่งไฟที่เตรียมพร้อมไว้สำหรับเขา
ช่วงต้นของเดือนที่สาม เขาก็ได้ยินเสียงของโรบิน “นี่ ซีซาร์ ชอบห้องของคุณขนาดนั้นเลยหรอ ลงมาคุยกันหน่อยเถอะ” ซีซาร์ประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่ออกจากการฝึกและลงไปทันที
“แล้วเรื่องทาสที่เคยบอกไว้ล่ะ… ได้ไปถามใครมารึยัง” โรบินกล่าว
“ฉันถามเจ้าหน้าที่คนหนึ่งมา เขาบอกว่านักเรียนแต่ละคนสามารถนำทาสมาที่บ้านได้ 5 คนแต่จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดของพวกเขาเอง”
“ห้างั้นหรอ มากกว่าที่ฉันคิดไว้นิดหน่อย.. ตอนนี้เรามีเงินเท่าไหร่”
“เรายังไม่ได้เอา 200 เหรียญของเดือนนี้มาใช้ และยังมีเหรียญที่เหลืออยู่ประมาณ 90 เหรียญจากเดือนที่แล้วหลังจากหักค่าใช้จ่ายของสิ่งที่คุณเผาไปทั้งหมด...”
"...หรอ.. ไปที่คลังแล้วเอาเงินมาร้อยเหรียญทอง ส่วนอีกร้อยเหรียญทองเปลี่ยนมาเป็นทรัพยากรในการฝึกฝน ให้เวลาสิบนาที!" โรบินพูดแล้วชี้ไปที่ประตู”
“ต้องจริงจังขนาดนี้ด้วยหรอเนี่ย..”
แต่ภายในแปดนาทีซีซาร์ก็กลับมาพร้อมกับถุงเหรียญที่เอวและมีถุงหินขนาดใหญ่อีกก้อนหนึ่งอยู่บนหลังของเขา เมื่อโรบินเห็นสิ่งนี้ เขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วพูดว่า "อืม ไปกันเถอะ!" จากนั้นเขาก็ออกจากสถาบันโดยมีซีซาร์ตามหลังเขาออกมา
...
“คราวนี้เราจะไปไหนกันล่ะท่านพ่อ” แม้ว่าซีซาร์จะรู้คำตอบ แต่เขาก็ถามอยู่ดี
“ไปซื้อทาสสักสองสามคน..”
“ทำไมล่ะ เราไม่เคยต้องการทาสเลยนี่นา ฉันดูแลคุณมาตลอด ช่วงนี้ฉันทำให้คุณผิดหวังหรอ”
“ฉันไม่ต้องการให้คุณมาดูแลฉัน ฉันบอกให้สนใจเรื่องที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่หรอ แบบนั้นคุณถึงจะปกป้องฉันได้ไม่ใช่หรอไง... ฉันแค่ต้องการใครสักคนสำหรับหยิบปากกาให้ฉันและทำความสะอาดสิ่งที่ฉันทำลาย อะไรแบบนี้ไม่เหมาะกับคุณหรอกครับ เซอร์ซีซาร์” โรบินหัวเราะ
ในความเป็นจริง มีเหตุผลที่แท้จริงอีกประการหนึ่งสำหรับเรื่องนี้ แต่เขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยก่อนที่มันจะสำเร็จ
“…” ซีซาร์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ คำพูดเหล่านั้นกระแทกใจเขาและเพิ่มความตั้งใจที่จะแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง
พวกเขาทั้งสองไปถึงจุดขายทาสอย่างรวดเร็ว โรบินเริ่มตรวจสอบพวกเขาทีละคนโดยการจ้องมองจากหัวจรดเท้า ทาสบางคนถึงกับซ่อนส่วนที่เปลือยเปล่าของพวกเขาโดยอัตโนมัติเพราะการจ้องมองที่แปลกประหลาดของโรบิน แต่เขาก็ยังหัวเราะคิกคักและเดินต่อไปอย่างช้าๆ
โรบินใช้ดวงตาแห่งความจริงเพื่อค้นหาสิ่งง่ายๆ เช่น อายุ ระดับการฝึกฝน และแม้กระทั่งความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณ การรับรู้ถึงสิ่งต่างๆ เช่นนี้ไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้เลยเว้นแต่เขาจะมีพลังที่มากกว่าเป้าหมายอย่างมหาศาล แต่มันก็กลายเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับโรบินที่จะรู้สิ่งเหล่านั้นเพียงแค่ชายตามอง
หลังจากที่เขาเดินผ่านทาสไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มคนหนึ่ง.. มีล่ำสัน หล่อเหลา พร้อมด้วยผมยาวสีดำ แต่ร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น
ความจริงบอกเขาว่าชายคนนี้อายุ 17 ปี อยู่ในระดับที่ห้าของการบ่มเพาะพลังงาน และมีความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณตามปกติ... ข้อมูลเหล่านี้สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปของคนในตระกูลขุนนางเล็กน้อย และเมื่อพิจารณาว่าเขาเป็นทาส นั่นก็ค่อนข้างดีทีเดียว
“ลุงครับ ทาสคนนี้ราคาเท่าไหร่” โรบินถามพ่อค้าอ้วนที่เรียกให้ทาสขึ้นมาบนแท่น พ่อค้าอ้วนหันหน้าไปยิ้มให้กับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของเขา แต่กลับพบแค่เด็กสองคนที่มีระดับการบ่มเพาะพลังงานในระดับหนึ่งและสองเท่านั้น "หือ หนูสองคนหลงทางเหรอ ไปให้พ้นไป๊ ไม่งั้นฉันจะจับมาเป็นทาสนะฮ่าๆ!"
“ไอ้หมูบ้า! ฉันถามคุณอย่างสุภาพนะ บ้านคุณขายของกันแบบนี้เหรอ ดูเหมือนคุณจะไม่ต้องการมีชีวิตอีกต่อไปแล้วสินะ” โรบินตะโกนแล้วรีบชูป้ายที่บอกว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบันแบรดลีย์ออกมา
เมื่อชายอ้วนที่กำลังจะยกแส้ฟาดเด็กชายปากดีก็เห็นตรานั้นแล้วจึงรู้ทันทีว่ามันหมายถึงอะไร.. 'เด็กคนนี้เป็นลูกหลานขุนนางหรือไม่ก็ได้รับการสนับสนุนจากราชวงศ์!'
ทันใดนั้นชายอ้วนก็คุกเข่าลงทันที “โอ้ ดูเหมือนว่าการใช้ชีวิตอยู่กับพวกทาสจะทำให้ฉันกลายเป็นคนโง่ไปเสียแล้ว เพื่อแทนคำขอโทษฉันจะชดเชยให้คุณด้วยส่วนลด 20% ดีมั้ยขอรับ” ชายอ้วนยิ้มและถูมือ
“บอกฉันเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้หน่อยสิ” โรบินชี้ไปที่เด็กหนุ่มผมยาว
“เอ่อ นั่นเหรอ เราเรียกเขาว่าคนใบ้ เขาอายุ 17 ปี และเขาอยู่ระดับที่ 5 ลิ้นของเขาถูกตัดออก คณะเดินทางของเราที่ไปยังซากปรักหักพังอันมืดมิดและพบเขาอยู่ที่นั่น และเมื่อพวกเราพยายามช่วยเขา เขาก็กลับทำร้ายและฆ่านักเดินทางสองคนที่อยู่ในระดับ 5 และทำให้อีกคนในระดับที่ 6 บาดเจ็บสาหัสก่อนที่เขาจะถูกปราบลงได้...
จากความแข็งแรงพอสมควรของเขาทำให้เขามีคุณสมบัติที่จะทำงานได้เกือบทุกอย่าง และเขาสามารถใช้เป็นบอดี้การ์ดให้กับขุนนางตัวน้อยเช่นคุณด้วยนะครับ เอิ่ม.. ทาสคนนี้พิเศษมากทีเดียวและสำหรับสิ่งนั้น ราคาของเขาเลยอยู่ที่ 100 เหรียญทอง” ชายอ้วนกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
ซีซาร์อดใจไม่ได้ทันที “ร้อยบ้าบออะไรกันล่ะ ทาสคนอื่นราคาประมาณห้าสิบหรือหกสิบเหรียญเท่านั้นเอง เจ้าหมูตะกละ คุณกำลังพยายามหลอกลวงพวกเรางั้นหรอ!”
“ช้าก่อนๆ ฉันไม่กล้าทำเช่นนั้นหรอกครับนายน้อย ฉันสาบานเลย แต่สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง ความสามารถในการต่อสู้ของเขานั้นสูงมาก และเราสูญเสียคนของเราไปสองคนก่อนที่จะปราบเขาลงได้ ถ้าฉันขายเขาในราคาน้อยกว่านั้น มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับฉันเลย แต่แน่นอนว่าคุณสามารถเลือกดูทาสคนอื่นๆ และลืมคนนี้ไปได้นะครับ…” พ่อค้าอ้วนพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างชั่วร้าย
แต่โรบินได้มองดูทาสคนที่เหลือทั้งหมดแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดที่สมบูรณ์แบบเท่ากับชายหนุ่มคนนี้ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจว่าชายหนุ่มคนนี้คุ้มค่าที่จะลงทุนด้วย
จากนั้นเขาก็ยื่นถุงที่บรรจุเหรียญทอง 80 เหรียญไปให้พ่อค้าทาส
พ่อค้าทาสรับพลางโอดโอยในใจว่า 'ไอ้เด็กพวกนี้ยังจำเรื่องส่วนลดได้อยู่อีกหรอเนี่ย!' แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่พบใครให้ตำหนินอกจากตัวเขาเอง
โรบินตัดผ้าจากเฟอร์นิเจอร์บนเวทีแล้วโยนให้ชายหนุ่มเพื่อปกปิดร่างกายของเขา จากนั้นโรบินก็มองตาเขาแล้วพูดว่า "ตอนนี้คุณเป็นของฉันแล้ว"