บทที่ 133 ใครยังไม่พอใจ ก็เชิญก้าวเข้ามาได้!
“เจ้ามันก็แค่ตัวตลกไร้ค่า คิดว่าคนเยี่ยงเจ้าจะมีปัญญาสั่งข้าหรืออย่างไร”
ทันทีที่ชายหนุ่มใบหน้ายาวกล่าวจบ ชายหนุ่มที่เหน็บกระบี่อยู่ข้างเอวก็กล่าวเย้ยหยัน
“ใช่แล้ว เจ้ามันไม่รู้จักส่องโคลนชะโงกดูเงาตนเอง! แม้แต่ผู้ที่ไร้พรสวรรค์ในที่นี้ยังมีความสามารถมากกว่าเจ้าหลายเท่านัก!”
สิ้นเสียง บรรดาผู้อื่นโดยรอบก็ต่างตะโกนพล่ามด่าเช่นกัน
หลัวเฉิงเหลือบตามองกวาดไปโดยรอบ
ซึ่งผู้ที่ลุกผงาดขึ้นยืนด่าเขานั้นมีทั้งหมดหกคน
เมื่อรวมกับไค่หยวนแล้ว มีสามคนที่อยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม ส่วนอีกสามคนที่เหลือไม่น่ากลัวแต่อย่างใด พวกเขาทั้งหมดอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสอง
หลัวเฉิงจ้องคนทั้งหกแล้วกล่าวว่า “หากคิดจะลงมือ พวกเจ้าไม่เกรงกลัวกฎเกณฑ์ของสำนักกระนั้นหรือ?”
เฮอะ!
ชายหนุ่มที่เหน็บกระบี่นามไค่หยวน กล่าววาจาเย้ยหยัน “ยุทธภพแห่งนี้ มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นได้รับความเคารพ เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ก็แค่ศิษย์บำรุงสำนักคนหนึ่งทั้งยังเป็นเพียงขยะไร้ค่า!”
“ที่สำนักแห่งนี้ มีศิษย์บำรุงสำนักอย่างน้อยนับแสนคน! ต่อให้เราจะหักมือและเท้าเจ้า ก็คงถูกกักขังบริเวณเพียงไม่กี่วันเท่านั้น! เจ้าคิดว่าจะมีใครเอากฎของสำนักมาปกป้องเจ้างั้นหรือ?”
ชายหนุ่มหน้ายาวที่อยู่ข้างๆ ก้าวเข้ามาใกล้แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มอำมหิต
“หากเจ้ายังพอมีสมองอยู่บ้าน ก็จงรีบส่งป้ายหยกมาเดี๋ยวนี้! ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าจะไม่มีปัญญาลุกออกจากเตียงได้!”
“ฮ่าฮ่า ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพ! พวกเจ้ากล่าวได้ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มันก็คงไม่มีโทษร้ายแรงอะไรหากข้าจะสั่งสอนพวกเจ้าให้สำนึกในความผิดพลาดครั้งนี้” หลัวเฉิงกล่าวอย่างเย็นชา
ชายหนุ่มหน้ายาวเขม็งตาจ้องมอง “เจ้าว่าอะไรนะ!”
“วันนี้ข้าจะใช้เจ้าเพื่อสร้างฐานอำนาจของข้า!”
ก่อนที่เขาจะทำได้กล่าวจบ ร่างหลัวเฉิงไหวกายทะยานออกไปชกเข้าใส่ชายหน้ายาวทันที
ปัง
ด้วยพลังอันมหาศาล มันม้วนบิดมวลอากาศจนทำให้เกิดเสียงดังสนั่น
“แย่แล้ว!”
ชายหนุ่มหน้าเปลี่ยนสีเป็นตกใจ แล้วชกหมัดสวนออกไปเพื่อรับมืออย่างฉับพลัน
สองหมัดเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด
อ๊าก!
หนุ่มหน้ายาวร่ำร้องโหยหวน พร้อมกับร่างลอยลิ่วกลับหัวไปคล้ายดั่งกระสอบที่ฉีกขาด ปากก็พ่นเลือดออกมา มือขวาบิดเบี้ยวผิดรูปอย่างสยดสยอง เนื่องจากกระดูกแขนที่หักสะบั้น!
ไม่มีผู้ใดคาดคิดเลยว่า หลัวเฉิงจะใจกล้ามากถึงปานนี้ ในขณะที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันวิกฤต นั่นทำให้พวกเขาโดยรอบหน้าเปลี่ยนสีเป็นตกตะลึงในทันที
หลัวเฉิงเหลือบมองอีกห้าคนที่เหลือแล้วกล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบ “ตอบข้ามา! ใครสั่งให้พวกเจ้าทำเช่นนี้!”
อันดับแรกคือหลี่ฮุย จากนั้นก็เป็นคนเหล่านี้ เนื่องจากเขาไม่เคยมีปัญหากับผู้ใดมาก่อน! จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกตามรังควานเยี่ยงนี้!
อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าจะเป็นหลินหานคงหรือฉินหยวนเฟิงกันแน่ ที่คอยบงการคนเหล่านี้อยู่เบื้องหลังลับๆ!
คนอื่นๆ ในกลุ่มของไค่หยวน กัดฟันแน่นแล้วตะคอกด้วยความเกรี้ยวกราด “ร่วมมือกันจัดการเขาให้ได้!”
“ด้วยคนหมู่มาก อย่างไรเราก็เหนือกว่า!”
ทั้งห้าคนชักอาวุธออกมาแล้วปรี่เข้าหาหลัวเฉิงพร้อมกัน
หลัวเฉิงยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างลำพอง แล้ววางฝ่ามือลงบนกระบี่ทลายสวรรค์
“ทลายสวรรค์กระบวนท่าที่สอง สะบั้นเมฆา!”
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
อ๊า! อ๊า! อ๊า!……
ผู้คนโดยรอบที่เห็นเหตุการณ์ต่างรู้สึกว่าดวงตาของเขาพร่ามัว ด้วยว่าชายทั้งห้าของกลุ่มไค่หยวน ที่พุ่งเข้าใส่เมื่อครู่ต่างถูกซัดปลิวออกมาประหนึ่งว่าวขาดเชือก แล้วกระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรงจนฝุ่นปลิวคละคลุ้งฟุ้งกระจาย!
หลังจากที่หลัวเฉิงทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม พลังของเขาก็เทียบเท่ากับวัวเก้าตัวและเสือสองตัว คือพลังสามหมื่นจิน ซึ่งเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสี่!
ทั้งวิชามังกรแท้ยังทะลวงไปได้อีกขั้น ด้วยพลังอันมากมายมหาศาลเยี่ยงนี้ คนอย่างไค่หยวนจะสามารถรับมือกับเขาได้อย่างไร!
“ใครยังไม่พอใจ ก็เชิญก้าวเข้ามาได้!”
หลัวเฉิงกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างเยือกเย็น
ทั่วอาณาบริเวณล้วนสงัดเงียบ
ผู้คนโดยรอบยังตกตะลึงลานกับภาพเบื้องหน้าที่ได้ประจักษ์เห็น!
นั่นทำให้พวกเขารู้สึกพรั่นพรึงไม่กล้าแม้แต่จะช้อนตามองหลัวเฉิง ทั่วสรรพางค์กายของคนเหล่านั้นต่างสั่นเทาด้วยความประหวั่นใจ
เพลงกระบี่เดียว!
แค่เพลงกระบี่เดียวเท่านั้น!
มันก็สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ห้าคนถึงกับพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช!
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหลัวเฉิงจะฝีมือร้ายกาจถึงขนาดนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงว่าหากเขาจะลงมือจริงๆ จะมีความปรานีหรือไม่!
หลัวเฉิงสืบเท้าเข้าหาไค่หยวน แล้วเหยียบย่ำบาดแผลตรงแขน ก่อนกล่าวน้ำเสียงเยือกเย็น
“แล้วเจ้ารู้สึกอย่างไรที่ถูกคนไร้ค่าเหยียบย่ำ บอกข้ามาซะ! ผู้ใดสั่งเจ้าให้ทำเช่นนี้!”