ตอนที่แล้วบทที่ 12
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14

บทที่ 13


ตอนนี้เป็นช่วงพักจากการทำนา ชายหญิงในหมู่บ้านวัยสามสิบถึงห้าสิบปีที่พอจะแบกหามได้ก็ถูกซ่งซานเฉินเรียกมาช่วยหมดแล้ว เวลาไม่คอยท่า ฉวยโอกาสนี้จัดการให้เสร็จ เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็ต้องหว่านเมล็ดลงดินแล้ว

แผนลำดับขั้นตอนของซ่งถานร่างไว้อย่างชัดเจน

ต้องจัดการหญ้าในสวนเกาลัด ต้นเกาลัดเหล่านั้นควรใส่ปุ๋ยและตัดแต่งกิ่งให้เรียบร้อย ถึงเวลาก็ต้องทำโครงสำหรับวางเห็ดหูหนู ต้องล้อมรั้วรอบนอกเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์หรือคนเข้ามาสร้างความวุ่นวาย

พอดีที่ด้านหลังภูเขาตัดต้นไม้ทิ้งไปหลายต้น ลำต้นแบ่งเป็นท่อนๆ เพื่อใช้เพาะเห็ดได้ กิ่งก้านสามารถใช้ทำเป็นเพิงกำบังลมและกันฝนสาดให้หมู และยังต้องเตรียมรางใส่อาหารหมูกั้นด้วยตาข่ายลวด

ส่วนในไร่ ภายในหนึ่งหรือสองเดือนนี้จะปลูกถั่วม่วงไว้ก่อน เมื่อถั่วม่วงออกดอกแล้วก็ถึงเวลาไถพรวนดินอีกครั้ง เตรียมปลูกข้าวและผัก เมล็ดบางชนิดก็สามารถเพาะกล้าไว้ล่วงหน้าได้ในช่วงเวลานี้ นอกจากนี้ยังต้องหาไก่บ้านและเป็ด อีกทั้งต้องนัดหมายกับชาวบ้านคนอื่นเพื่อรับซื้อลูกหมู เวลามีคนมาช่วยงานเยอะๆ ก็ต้องเตรียมอาหารทุกวัน

ซ่งซานเฉินและอู๋หลานต่างก็ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว แล้วลูกสาวล่ะ?

ก็ไม่ได้นั่งเฉยๆ นะ สาวน้อยคนนี้แรงเยอะมาก ตามไปแบกท่อนไม้บนภูเขามาด้วย ใครในหมู่บ้านเห็นก็ต้องชมสักคำ

แต่อู๋หลานฟังแล้วกลับใจหาย…

แบกท่อนไม้ไปทำไมนะ ลูกสาวแสนโง่เอ๊ย เธอบอกว่า ในวัยที่เหมือนดอกไม้บานสะพรั่งแบบนี้ แทนที่จะไปนั่งทำงานในออฟฟิศแต่ดันกลับมาทำไร่ได้ยังไง แล้วต่อไปเวลาแต่งงานจะไปหาผู้ชายที่เหมาะสมได้ที่ไหน เธอสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเป็นหุ้นส่วนร่วมจ่ายเงินลงทุนไปด้วย ตอนนี้ยายลูกตัวดีก็คงจะพูดว่า แม่อย่ามายุ่ง

ตอนกลางคืนสามีภรรยาตระกูลซ่งนั่งคำนวณบัญชี ค่าแรง ค่าเครื่องจักร ค่าเพาะเชื้อเห็ด ค่าไก่เป็ด ค่าหมู ค่าปุ๋ย...ทุ่มเงินไปมากถึงหกหมื่นกว่าหยวน สิ่งที่ได้รับตอบแทนกลับมาก็มีเพียงแต่เสียงถอนหายใจซึ่งดังก้องไปทั่วบ้าน เมื่อคำนวณอีกครั้ง เงินที่เหลือจากค่าลงทุนต่างๆ ก็คงจะใช้ได้ถึงสิ้นเดือนเมษายนอย่างมากก็คงจะได้ทันเก็บเกี่ยวหญ้าแฝกสีม่วง

แต่ยังมีเงินก้อนสุดท้ายหกหมื่นหยวนที่อู่หลานเตรียมแยกไว้เฉพาะอีก เพราะเห็นว่าลูกสาวดูไม่น่าเชื่อถือจึงเก็บเงินก้อนนี้ไว้สำรองเผื่อฉุกเฉิน เธอจึงคิดที่จะนำเงินก้อนนั้นมาใช้ แม้จริงๆ แล้วจะรู้สึกเสียดาย

หกหมื่นหยวน หากไม่มีเรื่องให้จับจ่ายใช้สอยก้อนใหญ่ๆ สามีภรรยาคู่นี้ยังต้องใช้เวลาเก็บออมถึงสองปีเลย

ซ่งซานเฉินและอู่หลานรู้สึกกังวลจนผมแทบจะหงอกทั้งหัว

พวกเขารู้สึกว่า การเลี้ยงดูลูกชายลูกสาวก็เหมือนกับการเป็นหนี้ ลูกสาวคนนี้เชื่อฟังและฉลาดมาตลอดยี่สิบปี แต่ตอนนี้กลับก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมาจนน่ากังวล แต่เรื่องน่าแปลกก็คือ ยิ่งกังวลมากเท่าไหร่กลับนอนหลับสบายมากขึ้นเท่านั้น เดิมทีซ่งซานเฉินนอนกรนเสียงดังมาก แต่ตอนนี้กลับไม่มีเสียงอะไรเลย ส่วนอู่หลานในวัยนี้สามารถนอนหลับได้ห้าชั่วโมงติดต่อกันหลายวันก็ถือว่าดีแล้ว แต่ตั้งแต่ที่ลูกสาวกลับมา เธอกลับเข้านอนได้ตั้งแต่ทุ่มสองทุ่มจนกว่าจะตื่นก็ล่อเอาเสียเกือบหกโมงเช้า

อู่หลานบ่นกับซ่งซานเฉินว่า "ฉันบอกแล้วว่าชะตากรรมเรามันเป็นคนยากจน ยิ่งใช้เงินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเหนื่อยมากเท่านั้น แต่ทำไมกลับรู้สึกสบายตัวมากขึ้นก็ไม่รู้"

ซ่งซานเฉินก็เห็นด้วย "ใช่ เธอดูสิ ฉันทำงานก้มๆ เงยๆ ทุกวัน อาการปวดหลังกลับหายไปเฉยเลย"

ในห้องนอนซ่งถาน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ไม่มีใครรู้ว่าเธอใช้พลังเซียนรากคู่คอยฟื้นฟูพลังงานธรรมชาติรอบๆ ตัวแทบตลอดทุกคืน แม้คุณปู่คุณย่าที่อาศัยอยู่ไม่ไกลจะไม่ค่อยได้มาช่วยเหลือเพราะอายุมากแล้ว แต่คลื่นพลังที่ซ่งถานแผ่ออกมาก็ยังกระจายมาถึงสามีภรรยาชราคู่นี้ ตอนนี้ซ่งโหย่วเต๋อสูบบุหรี่ไปพลางคิดไปพลางในใจอย่างมีความสุข

"ยังไงซ่งถานของเราก็เรียนจบมหาวิทยาลัย มีความรู้ความสามารถสูง ยังรู้จักกลับมาทำไร่"

"พวกเราชาวนาตราบใดที่มีอาหารกินในไร่ก็จะมีทางออกเสมอ"

หวังลี่เฟินทราบว่าซ่งโหย่วเต๋อเป็นชาวนาผู้ยากไร้ในครอบครัวเจ้าของที่ดิน ในสายตาของเขา ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าการทำไร่ หวังลี่เฟินก็มีความคิดแบบเดียวกัน แต่จุดยืนของเธอแตกต่างออกไป "การทำไร่ก็ดีนะ เรายังทำงานได้ช่วยเหลือลูกหลาน ไม่ดีกว่านั่งเฉยๆ หรือ"

"อีกอย่าง การเลี้ยงดูลูกชายลูกสาวทั้งปีแทบจะไม่ได้เจอกันเลย ซ่งถานกลับมาทำไร่ ได้เจอหน้าค่าตาบ้างก็ดีแล้ว" พวกเขาทั้งหลายอายุปูนนี้แล้ว จำได้ดีตอนที่ยังหนุ่มสาว พอเห็นว่าบ้านของลูกชายคนเล็กมีลูกชายเพียงคนเดียวชื่อเฉียวเฉียว ก็รู้สึกไม่ดีเลยสักนิด

ถ้าลูกชายเธอยังทำงานไหวก็ยังดี แต่ถ้าแก่ตัวลงแล้วเดินไม่ไหว แถมยังต้องดูแลเฉียวเฉียวอีก จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ถานถานกลับมาแล้ว ครอบครัวของพวกเขาก็มีที่พึ่งพิงเพิ่ม พี่น้องทั้งสองยังสามารถช่วยเหลือดูแลกันได้บ่อยๆ เฉียวเฉียวแก่ตัวลงเธอก็ยังดูแลได้

แต่ในฐานะผู้สูงอายุ และผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ซ่งโหย่วเต๋อกลับมองทะลุปรุโปร่งกว่าซ่งซานเฉิน ยังดีที่ถานถานตัดสินใจกลับมาบ้านชนบท มิฉะนั้น ถ้าไม่กลับบ้านเป็นเวลานาน ความผูกพันทางสายเลือดก็จะเหือดแห้งลงอย่างรวดเร็ว

“ฉันว่าถานถานเรียนรู้อะไรมาเยอะแยะจากในเมืองหนิงเฉิงจริงๆ ถึงจะยุ่งอยู่กับงานในไร่ในนา แต่เธอก็ยังทำงานได้มากมายขนาดนี้และยังยิ้มแย้มแจ่มใส จิตใจของเธอต้องมีการวางแผนและรอบคอบอย่างแน่นอน บางทีเธออาจจะปลูกอะไรออกมาได้ดีก็ได้”

“นั่นสิ” หวังลี่เฟินก็ยอมรับ “เธอฉลาดและรู้จักคิดตั้งแต่เด็ก เรื่องที่ไม่มั่นใจเธอคงไม่ทำ”

สองสามปีมานี้ ร่างกายของทั้งสองไม่ค่อยดี จนลูกๆ ต่างพากันห้ามไม่ให้ทำไร่ทำนาแล้ว มีเพียงสวนผักหน้าบ้านที่ยังสามารถจัดการได้

ถามว่าสบายไหม มันก็สบายนั่นแหละ แต่คนแก่ทั้งสองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร

กลางวันงีบหลับ กลางคืนนอนไม่หลับ

ทุกวันต้องหาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาทำ ตอนนี้เห็นที่ดินผืนใหญ่ที่แบ่งออกไปกำลังถูกไถพรวน ไม่ต้องพูดอะไร หัวใจก็พองฟูแล้ว บางวันพวกเขาจะไปช่วยทำงานตามกำลังที่ไหว ซ่งโหย่วเต๋อไปที่ไร่เพื่อช่วยกำจัดวัชพืช หวังลี่เฟินช่วยสะใภ้ทำอาหาร กินข้าวด้วยกัน พูดคุยปรึกษากัน หัวเราะพูดคุยกัน รู้สึกสนิทสนมกับครอบครัวของลูกชายยิ่งกว่าเดิม

ซ่งโหย่วเต๋อรู้สึกมีความสุขในใจ จึงอดไม่ได้ที่จะหาทางช่วยสนับสนุนหลานสาวเพิ่มเติม “อากาศหนาว ไก่ก็ออกไข่น้อยนี่นา ถานถานไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงไก่เหรอ นี่ลี่เฟิน! พรุ่งนี้ให้แม่ไก่ของเราฟักไข่ทั้งหมดเลยเถอะ ฟักลูกไก่ให้ได้เยอะๆ เผื่อช่วยประหยัดเงินให้กับหลาน”

“ตอนนี้ไก่บ้านราคาแพง หายากด้วย”

หวังลี่เฟินพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน ส่วนไข่ฉันเก็บไว้หมดแล้ว เดี๋ยวเราสองคนเปิดไฟส่องเลือกดูฟองดีๆ ให้ถานถาน”

“แล้วก็เป็ดนั่นด้วย มีบ้านขายลูกเป็ดที่ฉันรู้จักอยู่แถวท้ายๆ หมู่บ้านนู่น เป็ดของเขาไม่ป่วย แข็งแรงดี กินก็อร่อย พรุ่งนี้ฉันจะไปสืบข่าว”

ซ่งโหย่วเต๋อขมวดคิ้วอีกครั้ง “อย่าเพิ่งซื้อเยอะเกินไปนะ ไม่กี่ปีมานี้ที่นี่ก็ปิดบ้าง ที่นั่นก็ปิดบ้าง ไข้หวัดนกบ้าง โรคระบาดในสุกรบ้าง ระมัดระวังไว้ก่อน”

หวังลี่เฟินจะไม่รู้ได้อย่างไร

“คิดมากไปแล้ว ที่นี่ห่างไกลผู้คนจะตายไป ไก่ เป็ด ห่าน เคยมีโรคระบาดเสียที่ไหน และอีกอย่าง การเลี้ยงลูกไก่ไม่เปลืองเงิน ถ้าไม่ป่วยแต่ขายไม่ได้ เราก็กินเองไม่ใช่เหรอ ประหยัดกว่าซื้อข้างนอกอีกจม”

ที่บ้านมีแม่ไก่แก่แค่สี่ตัว ทุกตัวก็ฟักไข่ได้ลูกไก่มาประมาณร้อยตัว พอถึงเวลาก็ปล่อยไปบนภูเขาในทุ่งนา ไม่ต้องดูแลอะไรเลยให้มันเลี้ยงดูตัวเอง ง่ายจะตาย

ซ่งโหย่วเต๋อก็คิดว่าจริง ตอนนี้ก็ถอนหายใจอีกครั้ง “เธอว่าบ้านเก่าของเรานะ ถ้าลูกชายคนโตกับหลานชายคนโตยอมกลับมาอยู่ด้วยก็ดีนะ แบ่งให้พวกเขาไปเลย”

หวังลี่เฟินพลิกตามอง “ใครอยู่ที่หมู่บ้านก็ให้คนนั้น บ้านเก่าหลังนั้น ห้าพันหยวนยังไม่มีใครเอา ลูกชายคนโตของเธอมีบ้านในเมืองสองสามหลัง จะมาสนใจบ้านหลังนี้หรือตาเฒ่า”

สีหน้าซ่งโหย่วเต๋อดูหมองคล้ำลงทันที “ยังไงก็เป็นลูกชายคนโตหลานชายคนโตของตระกูลซ่งเรา...”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด