บทที่ 13 : วัดเสี่ยวฉาน!
บทที่ 13 : วัดเสี่ยวฉาน!
ภายในโรงเตี๊ยม มีคนในยุทธภพนั่งอยู่ไม่น้อย
เเละเมื่อเห็นหลินเสวียนเดินเข้ามา…พวกเขาต่างก็มองหลินเสวียนด้วยแววตาดุดัน!
แต่พอ, พวกเขาเห็นสัญลักษณ์ศิษย์ฝึกหัดของสำนักเทียนเซียวบนเสื้อของหลินเสวียน
พวกเขาต่างก็รู้สึกหวาดกลัว และรีบหลบสายตาไป
เมื่อเห็นดังนั้น หลินเสวียนก็ยกยิ้มอย่างพอใจ!
ดูเหมือนว่า การเป็นศิษย์ฝึกหัดของสำนักเทียนเซียวจะมีประโยชน์มากจริงๆ
จากนั้น, หลินเสวียนหาที่นั่งลงอย่างสบายๆ
"คุณชาย รับอะไรดีขอรับ?"
เสี่ยวเอ้อรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มประจบสอพลอ
ดูจากท่าทางของคนในยุทธภพพวกนั้น ก็พอจะดูออกว่าหลินเสวียนต้องมีภูมิหลังไม่ธรรมดาแน่ๆ
เขาต้องเอาใจใส่ให้ดี!
"ชาหนึ่งกา ส่วนกับข้าว เลือกอะไรที่อร่อยๆมาสักสองสามอย่างก็แล้วกัน!" หลินเสวียนพูดอย่างไม่ใส่ใจ
"ได้เลยขอรับ!"
"ว่าเเต่คุณชาย มีอะไรให้รับใช้อีกมั้ยขอรับ?"
เสี่ยวเอ้อถามด้วยความกระตือรือร้น
"อ้อ จริงสิ ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้าหน่อย!" หลินเสวียนกล่าว
"คุณชาย ท่านก็มาเพื่อผลจู๋กั่วสินะขอรับ?" เสี่ยวเอ้อถามด้วยรอยยิ้ม
หลินเสวียนไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่เสี่ยวเอ้อรู้จักผลจู๋กั่ว
เพราะการที่เมืองซื่อผิงแห่งนี้สามารถดึงดูดคนในยุทธภพมามากมายขนาดนี้
แสดงว่าข่าวของผลจู๋กั่ว คงแพร่สะพัดไปไกลแล้ว
"เจ้าก็รู้เรื่องผลจู๋กั่วด้วยหรือ?" หลินเสวียนเริ่มสนใจ
เเต่ถ้าสามารถสืบหาข่าวได้ที่นี่ มันก็ไม่จำเป็นต้องไปถามคนอื่นอีก
"เรื่องนั้น... ฮ่าๆๆ..." เสี่ยวเอ้อเกาหัว ทำท่าทางอึกอัก
"นี่!"
หลินเสวียนหยิบเงินหนึ่งตำลึงออกมา วางไว้บนโต๊ะ
"เงินหนึ่งตำลึง กินข้าวที่นี่ได้สามวัน หลังจากจ่ายเงินแล้ว เงินที่เหลือก็เป็นของเจ้า!" หลินเสวียนพูดอย่างไม่แยแส
นี่ไม่ใช่เพราะหลินเสวียนขี้เหนียว แต่ ที่นี่ไม่เหมือนกับในสำนัก
เขาต้องระวังอย่าเปิดเผยความร่ำรวยมากเกินไป
ถ้าเขาใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเหมือนตอนอยู่ในสำนัก…มันก็อาจจะดึงดูดคนในยุทธภพที่ไม่หวังดี และก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นได้
"ได้เลยขอรับ!"
สำหรับเสี่ยวเอ้อ…นี่เป็นเงินก้อนโตมากแล้ว
หลังจากรับเงินแล้ว เสี่ยวเอ้อก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า
"ในเมืองมีข่าวลือกันว่า ที่ภูเขาซื่อผิงทางตะวันตก….มีคนเห็นต้นไม้ต้นหนึ่งที่ผลไม้ที่ออกมานั้นมีสีแดงเหมือนเปลวเพลิง”
“ผู้คนจึงคาดว่าน่าจะเป็นผลจู๋กั่วในตำนานขอรับ!”
"แล้วผลจู๋กั่วนั่น…ไม่มีใครเด็ดไปเลยหรือ?" หลินเสวียนถามด้วยความสงสัย
"ไม่มีหรอกขอรับ!"
"ได้ยินมาว่า สถานที่ที่ผลจู๋กั่วเติบโต เป็นพื้นที่ที่อันตราย…คนธรรมดาขึ้นไปไม่ได้หรอกขอรับ"
"เเละด้วยเหตุนี้ ข่าวของมันจึงดึงดูดคนในยุทธภพมามากมายขนาดนี้!"
"ตอนนี้ บนภูเขาทางทิศตะวันตก คึกคักไปหมดแล้วขอรับ!" เสี่ยวเอ้อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"อ้อ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง" หลินเสวียนยกยิ้มแล้วพูดต่อ
"คำถามที่สอง, แถวนี้มีวัดวาอารามอะไรบ้างหรือเปล่า?"
"มีขอรับ!"
"วัดเเถวๆนี้ก็อยู่บนภูเขาซื่อผิงทางทิศตะวันตกเหมือนกัน…วัดนั้นมีชื่อว่าวัดเสี่ยวฉานขอรับ!"
"ว่าเเต่คุณชายสนใจเรื่องไหว้พระด้วยเหรอขอรับ?" เสี่ยวเอ้อตอบอย่างละเอียด
"อยู่บนภูเขาซื่อผิงทางทิศตะวันตกเหมือนกันอย่างนั้นเหรอ?" หลินเสวียนขมวดคิ้ว
ถ้าเป็นแบบนั้น…มีหวังคงถูกเข้าใจผิดว่าเขามาเพื่อผลจู๋กั่วแน่ๆ!
แต่หลินเสวียนก็ไม่ได้สนใจ
ถ้ามีใครหน้ามืดตามัวกล้ามาลงมือกับเขา…มันก็ถือเป็นโอกาสดีสำหรับการทดสอบพลังขอบเขตหลอมรวมลมปราณขั้นที่สองของเขาเสียเลย!
หลังจากดื่มชาไปสามถ้วย, กินกับข้าวไปห้าอย่าง
หลินเสวียนก็อิ่มหนำเเละออกเดินทางไปยังภูเขาซื่อผิง
เมื่อหลินเสวียนจากไป กลุ่มคนในยุทธภพที่นั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมก็สบตากัน
จากนั้นพวกเขาก็ลุกขึ้นเเละเดินตามหลินเสวียนไปทันที!
……
หลินเสวียนขี่ม้าเร็ว…ไม่นานก็มาถึงภูเขาซื่อผิง!
ภูเขาซื่อผิง เป็นภูเขาที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา…มีต้นไม้เขียวชอุ่ม เเละมีพุ่มไม้หนามขึ้นรกชัฏ
เเถวๆนี้มีคนในยุทธภพอยู่มากมาย…เเละเหมือนพวกเขากำลังค้นหาอะไรบางอย่างบนภูเขาซื่อผิงอยู่
แต่หลินเสวียนไม่สนใจ…เป้าหมายของเขาคือวัดเล็กๆบนยอดเขา
วัดเสี่ยวฉาน!
เมื่อมาถึงตรงนี้…เขาไม่สามารถขี่ม้าต่อไปได้แล้ว!
หลินเสวียนจึงผูกม้าไว้ แล้วเดินเท้าขึ้นไปที่วัด
หลินเสวียนเดินไปได้สักพัก พอถึงที่เปลี่ยว…เขาก็หยุดกะทันหัน
เขาหันกลับมามองด้านหลัง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ถ้าอยากหาผลจู๋กั่วมันก็เรื่องของพวกเจ้า…แต่ตามข้ามาทำไม?"
"ซู่ๆๆ!"
หลังจากหลินเสวียนพูดจบ, มันก็มีคนในยุทธภพสิบกว่าคนพุ่งออกมาจากพุ่มไม้
หลินเสวียนจำได้ว่าคนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมเมื่อครู่
เเสดงว่าพวกเขาตามหลินเสวียนมาตั้งแต่เขาออกจากโรงเตี๊ยม
ก่อนหน้านี้, หลินเสวียนคิดว่าทุกคนต่างก็มุ่งหน้าไปยังภูเขาซื่อผิง…เขาจึงไม่ได้สนใจอะไร
แต่พอมาถึงภูเขาซื่อผิง คนพวกนี้ยังคงตามเขามาอีก…แสดงว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ
"หึๆ….เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักเทียนเซียวใช่ไหม?"
ชายมีร่างกำยำ ถือดาบยาว…เเละแผ่รังสีกดดันออกมา, เขาก้าวเข้ามาจ้องมองหลินเสวียนแล้วถามตรงประเด็น
"ชุดเด่นขนาดนี้…นี่เจ้าดูไม่ออกรึไง?" หลินเสวียนพูดสวนอย่างไม่ใส่ใจ
"ถูกต้อง!"
"เจ้าสวมชุดของศิษย์ฝึกหัด!"
"และสำนักเทียนเซียวเพิ่งเริ่มรับสมัครศิษย์ฝึกหัดของปีนี้เมื่อไม่กี่วันก่อน”
“นั่นหมายความว่า เจ้าเข้าร่วมสำนักเทียนเซียวได้ไม่เกินสามวัน!”
ชายร่างกำยำยังคงพูดต่อ
เเละเมื่อได้ยินเช่นนี้…คนอื่นๆก็มีแววตาเป็นประกาย
"ใช่ วันนี้เป็นวันที่สามที่ข้าได้เข้าสำนัก" หลินเสวียนพยักหน้ารับ
"อย่างที่คิด…ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ"
"ในเมื่อ เจ้าเพิ่งเข้าสำนัก, เจ้าก็น่าจะยังเป็นแค่คนธรรมดา!" ชายร่างกำยำพูดต่อ
"โดยปกติแล้ว…มันก็น่าจะเป็นแบบนั้น" หลินเสวียนพยักหน้า
"ถ้าอย่างนั้น ก็ดี!"
"พวกเรา ใฝ่ฝันอยากจะบ่มเพาะพลังมานานแล้ว!"
"เจ้าจงจดเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังของเจ้าให้พวกเรา…เเล้วพวกเราก็จะไม่ทำอะไรเจ้า"
ชายร่างกำยำพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ที่แท้พวกเจ้าก็หวังเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังของข้านี่เอง" หลินเสวียนถึงบางอ้อ
"พวกเจ้ากล้าคิดจะขโมยเคล็ดวิชาของสำนักเทียนเซียว ไม่กลัวสำนักเทียนเซียวโกรธเเค้นรึไง?" หลินเสวียนหรี่ตา…แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
"หึๆ….กลัวสิเเน่นอนว่าพวกเราก็กลัว!"
"แต่พวกเราไม่ใช่คนแถวนี้ พอได้ของแล้วพวกข้าก็จะจากไปทันที”
“ถึงตอนนั้น, สำนักเทียนเซียวก็คงจะตามหาตัวพวกข้าไม่เจอหรอก!”
"ยิ่งไปกว่านั้น เพราะข่าวของผลจู๋กั่ว , ที่นี่ถึงมีคนมามากมาย…สำนักเทียนเซียวคงไม่ฆ่าผู้คนเเทั้งหมดหรอกมั้ง?"
"ยิ่งไปกว่านั้น..."
ชายร่างกำยำพูดด้วยความมั่นใจ, แต่ พูดได้ครึ่งเดียวก็หยุด
"ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ไม่มีใครอื่น ถ้าฆ่าเจ้าทิ้งที่นี่…สำนักเทียนเซียวก็ไม่มีทางรู้ว่าเป็นพวกข้าที่เอาเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังไป"
เมื่อได้ยินเช่นนี้่หลินเสวียนจ้องมองชายร่างกำยำอย่างใจเย็น, พร้อมกับ เอื้อมมือไปหยิบดาบยาวที่อยู่บนหลังออกมา!
…………………….