บทที่ 1 เส้นทางที่ผิด
อ๊า! ! อา! ! อ้า! ! !
ดึกดื่นในห้องลับในคฤหาสน์ซึ่งตั้งอยู่กลางถิ่นทุรกันดาร เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังก้องไปทั่วท้องฟ้า เด็กๆ ที่รออยู่ในห้องโถงของคฤหาสน์ด้านนอกต่างหวาดกลัวแทบตาย พวกเขามีใบหน้าที่แดงฉานมากจนรวมตัวกันส่งเสียงร้องไห้เบาๆ ปนสะดุ้งเป็นระยะ พร้อมกับกางเกงที่เปียกแฉะ..
เวลานี้ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์
หากพวกเขาจำคำสอนของพ่อแม่มาก่อนหน้านี้ได้
หากพวกเขาไม่ตามลุงแปลกหน้าที่ยื่นขนมปังมันวาวสองสามก้อนมาให้อย่างไม่ได้ใส่ใจคิด พวกเขาจะมาลงเอยแบบนี้ได้ยังไง?
พวกเขาทำได้เพียงจำไว้ว่า อย่าเป็นมนุษย์อีกเมื่อได้กลับชาติมาเกิดในชีวิตหน้า!
เซารอนพูดบ่นรำคาญเสียงออกมา เขาเวียนหัวจากเสียงกรีดร้องอันดังและรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าแก้วหูของเขาทะลุ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความบ้าคลั่ง
เมื่อได้คิดว่า เขา ซึ่งเป็นนักเดินทางข้ามเวลาที่ไม่ได้มีระบบเหมือนใครๆ แล้วมาจบลงเหมือนเด็กเหลือขอไม่กี่คนรอบตัวเขาเช่นนี้ นี่จะไม่ทำให้การเสียชีวิตของเขาดับสิ้นไปอย่างไร้ประโยชน์จนต้องนึกบ่นได้ยังไง?
ค่าใช้จ่ายในการซื้อชี้วิตเขาเท่าไหร่กัน? ขนมปังโฮลวีตขาวๆ ที่ทาไขมันจนมันวาวเพียงสองสามชิ้นอย่างนั้นน่ะเหรอ?
ไม่ ชีวิตของเขาถูกกว่านั้น ขนมปังมันวาวชิ้นหนึ่งที่ 'พ่อแม่' จากอีกโลกหนึ่งของเขายินดีปรีดาห์เมื่อได้รับไปอย่างบ้าคลั่ง จนแทบจะสิ้นสติเมื่อได้รับ จนประเคนลูกของพวกเขาทั้งสามให้แทบจะในทันทีจนคนซื้อต้องรีบหยิบขนมปังแถมให้ด้วยความอดสูแทน ดังนั้นจึงพอจะบอกได้ว่า ชีวิตของเซารอนในวัยเยาว์ผู้นี้อาจจะ...อาจจะไม่เทียบเท่ากับขนมปังชิ้นหนึ่งก็ว่าได้เหมือนกัน
แต่โชคดี ดูเหมือนว่าเนื่องจากน้องชายและน้องสาวยังเด็กเกินไป สิ่งมีชีวิตอันเดดเหล่านี้จึงเลือกเซารอนจากพ่อค้าทาสเท่านั้น
ใช่แล้ว พวกอันเดด
เซารอนแอบมองไปรอบๆ เขาเห็น ยาม ที่สวมชุดคลุมสีดำและมีรูปร่างใหญ่โต 4 ตัว พวกมันสูงประมาณ 2 เมตรก่อตัวเป็นวงกลม ให้เด็กหลายคนอยู่ในใต้เงาร่างของมัน
เมื่อลมหนาวยามค่ำคืนพัดเสื้อคลุม มือและเท้าที่โผล่ออกมาล้วนเป็นกระดูกสีขาว มีเงาดำสนิทอยู่ใต้ผ้าคลุม และบางครั้งก็มีเปลวไฟสีน้ำเงินจางๆ ส่องประกาย ราวกับว่าภาพเงาที่ซ่อนอยู่ในเงามืด และมันคือตำแหน่งดวงตาของอันเดดที่ถูกเรียกว่า เดธ นั่นเอง
ปัญหาก็คือ มันดูดีเกินไปหน่อย ไม่เหมือนทหารโครงกระดูกธรรมดา...
เขาคิดว่าวิญญาณอันเดดเหล่านี้รวบรวมเด็กไว้มากมาย และพวกมันอาจจะไปที่ภูเขาเพื่อทำการสังเวยสิ่งชั่วร้าย แม้ว่าจะมีโอกาสหลบหนีได้ระหว่างทาง แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่า อีกฝ่ายจะไม่ให้โอกาสที่ว่ากับเขาเลยแม้แต่น้อย และในคืนนั้น เด็กกลุ่มหนึ่งถูกเรียกเข้าไปในห้องมืดเล็กๆ ทีละคน และถูกทรมานอย่างสาหัสสากรรจ์
เสียงมันรุนแรงมาก จนเขากลัวแทนเจ้าของเสียงที่ร้องว่าเส้นเสียงจะขาด เด็กคนนั้นถูกกระทำในสิ่งที่แม้แต่ฟังเสียงแล้วก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าเกิดอะไรขึ้น น มันเลวชาติมากเกินไปแล้ว!
ในเวลานี้ประตูห้องลับในห้องด้านหลังก็ถูกเปิดออก
เด็กๆ ตกใจกับอากาศเย็นที่พุ่งออกมาจากช่องว่างที่เกิดขึ้นจากการเปิดประตู
เซารอนนั่งยองๆ พร้อมที่จะกระโดดออกไปรอดใต้เป้าของ ยาม แล้วหลบหนีไป
เป็นตอนนี้ที่เขาได้เห็นชายชุดดำแต่งกายคล้ายทหารยาม กำลังอุ้มเด็กสาวที่ดูสูงศักดิ์คนแรก ที่ถูกเรียกออกไปก่อนหน้านี้เข้ามา
เด็กสาวชนชั้นสูงมีสีผิวซีด น้ำลายไหล และเป็นลมในอ้อมแขนของชายในชุดคลุมสีดำ แต่เมื่อดูจากนิ้วที่กระตุกเล็กน้อยของเธอ นี่แสดงให้เห็นว่าเธอยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ?
แล้วลมก็พัดมาอีกครั้ง
จากนั้นร่างในชุดคลุมสีขาวก็เดินผ่านประตูมา
พวกอันเดดไม่ได้จุดตะเกียงใดๆ มีอันเดดเพียงไม่กี่ตัวที่มีไฟผีสีฟ้าล้อมรอบพวกมัน และมีแสงจันทร์เย็นๆ ส่องเข้ามาจากรอยแตกในหน้าต่างและผนัง
แต่ร่างในชุดคลุมสีขาวนั้นประทับอยู่บนโฟกัสสายตาของเซารอน ราวกับคบเพลิงที่สว่างจ้าจนดูราวกับตอนกลางวัน
เสื้อคลุมสีดำที่อยู่รอบๆ ดูเหมือนจะไม่อาจปิดกั้นความหล่อเหลาของเขาได้
ในขอบเขตการมองเห็นของเซารอน เสื้อคลุมสีขาวก็เบ่งบานเหมือนเปลวไฟสีขาว เปล่งแสงออกไปหลายพันฟุต ขับไล่ความมืดมิดแห่งราตรีและเงา ราวกับสามารถเผาเซารอนให้กลายเป็นเถ้าถ่านเพียงแค่การมองเห็น
แม้จะมึนงงกับเหตุการณ์ แต่เซารอนดูเหมือนจะได้ยินบางสิ่งกระซิบลึกในหูของเขา
“...วิญญาณเกือบสลาย แต่โชคดีที่รอดมาได้ในที่สุด โชคดีที่ไม่ได้มาที่นี่โดยเปล่าประโยชน์ เตรียมกลับ ทำความสะอาดศพด้วย” อันเดดผ้าคลุมขาวสั่งอันเดดผ้าคลุมสีดำที่อยู่รอบๆ แล้วหยิบเชิงเทียนสีบรอนซ์ซุกกลับเข้าไปในแขนเสื้อ
“ขอรับ ท่านอุลดริส” อันเดดผู้ชายในชุดคลุมสีดำยกหน้าอกขึ้นทำความเคารพ แล้วถามกลับว่า “แล้วเขาล่ะขอรับ จะทำอย่างไรดี?”
จากนั้นอันเดดผ้าคลุมสีขาวและอันเดดผ้าคลุมสีดำก็หันศีรษะมามองที่เซารอนซึ่งยืนนิ่งอยู่
เซารอนสะดุ้ง และเมื่อเขามองไปรอบๆ เขาก็ตระหนักว่าเด็กๆ ที่อยู่รอบตัวเขาล้มลงกับพื้น และเขาเป็นคนเดียวที่ยังคงยืนงงอยู่ตรงนั้น
ชิบหายแล้ว!
“อ๊ากกกกก! ฉันตาย....แล้ว....อ่ะเฮื้อออ...!” เซารอนตะโกนร้องดังลั่น ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงพร้อมตะเกียกตะกายดิ้นราวกับทรมานก่อนจะนอนลงกับพื้นแน่นิ่งไป
ศูนย์คะแนนสำหรับการแสดง
อันเดดในชุดคลุมสีดำพากันหันศีรษะมองไปที่อุลดริส อันเดดในชุดคลุมสีขาว
“...ไม่จริงน่า” อุลดริส ลิชในชุดขาวมีท่าทางครุ่นคิดเล็กน้อย มันกำลังคิดว่าเด็กตรงหน้าจะทนต่อผลกระทบจากวิญญาณทันทีได้อย่างไร
มันยกมือขวาขึ้นเผยให้เห็นมือขวาสีขาวกระดูกเดียวกัน และทำท่าทางจะดีดนิ้ว แต่จู่ๆ ก็หยุด หันไปมองเด็กสาวที่ดูสูงศักดิ์ที่เป็นลมอยู่อีกด้านหนึ่ง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ลดมือลงก่อนจะโบกมือแล้วเดินจากออกมาเลย
เซารอนหลับตาแน่นและแสร้งทำเป็นตาย แต่น่าเสียดาย เขาไม่ได้แสร้งทำเป็นตายได้สำเร็จแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น และมุมปากของเขาก็บิดเบี้ยวกระตุกยับ
อุลดริส พับแขนเสื้อขึ้น และเปลวไฟสีฟ้าน้ำแข็งในดวงตาที่ว่างเปล่าของเขาดูเหมือนจะจ้องมองไปที่เซารอนที่กำลังแสร้งทำเป็นตายราวกับลังเลในบางสิ่งบางอย่าง
แม้ว่าโลกนี้จะเป็นโลกที่มีมนต์ขลังอย่างยิ่งเป็นโลกที่แม้แต่กระต่ายในป่าก็สามารถร่ายคาถานำโชคได้แต่มันก็ยังเป็นโลกที่พวกลิช(พ่อมดเผ่าอันเดด)ได้ก่อตั้งจักรวรรดิของตนเอง พร้อมจัดตั้งระบบการศึกษาระดับสูงก่อนเผ่าพันธุ์ใด เพื่อฝึกฝนนักเวทย์ที่มีศักยภาพในการต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังอย่างพันธมิตรของเอลฟ์และมังกร
แต่พรสวรรค์ของบุคคลที่มีความสามารถทางจิตนั้นหาได้อย่างยากยิ่ง มันเป็นพรสวรรค์ประเภทที่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถสืบทอดผ่านทางสายเลือดด้วยซ้ำ
ดังนั้น นอกเหนือจากการส่งเสริมให้ลูกหลานที่ยังมีชีวิตอยู่ให้มีลูกมากขึ้นแล้ว ลิชยังต้องเพิ่มความสามารถทางพันธุกรรมของจักรวรรดิอีกด้วย
และนั่นทำให้ต้องแอบเข้าไปในขอบเขตอิทธิพลของพันธมิตรเอลฟ์ ค้นหาเด็กที่ถูกลักพาตัวในดินแดนมนุษย์ หรือไม่ก็เลือกเด็กฝึกงานที่เหมาะสม
แต่...
อุลดริสเหยียดนิ้วชี้ออกแล้วจิ้มหน้าผากของเซารอน
เซารอนยังคิดว่านี่อาจเป็นเพียงการยืนยันว่าเขาตายจริงๆ เพียงเท่านั้น แม้เซารอนจะตั้งใจว่าต่อให้เขาถูกมีดทิ่มแทงจนรู้สึกเจ็บปวดก็ตาม เขาจะไม่ลืมตาขึ้นเป็นอันขาด
ถึงกระนั้น ตอนนี้เขากลับรู้สึกราวกับม่านน้ำเย็นไหลลงมาจากกลางคิ้วของเขาแทน
จากนั้นเสียงกระซิบหนึ่งก็ได้ดังขึ้น แต่เขาก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ดังผ่านหูของเขา แต่เป็นเสียงที่ส่งผ่านเข้าสู่จิตใจของเขาจนได้ยินอย่างชัดเจน
"เรามาจากสำนักงานรับสมัคร ของ สถาบันเวทย์มนต์แห่งอาณาจักรพลังจิต จิตวิญญาณของเจ้าถึงจุดที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งพอที่จะลงทะเบียนได้..."
อันเดดเสื้อคลุมสีขาวใช้เวทมนตร์บางอย่างในการสื่อสารที่คล้ายกับกระแสจิตในการสื่อความคิดของเขาด้วยคำพูดที่เซารอนเข้าใจได้
"...แต่...เราไม่รับเด็กฝึกผู้ชาย"
...แม่งเอ๊ย!
เซารอนลืมตาขึ้นโดยไม่รู้ตัวและจ้องมองไปที่กะโหลกในชุดขาวที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาตายแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย การกีดกันทางเพศเช่นนี้มันไม่เกินไปหน่อยรึไงกัน!
“หากเราไม่มีทางเลือก เราก็คงจะพิจารณาเลือกเจ้าไปแล้ว...ว่าแต่...ไม่มีใครสอนเจ้าเลยงั้นรึ? มันค่อนข้างจะเป็นโชคร้ายของ…”
อุลดริสยืดมือขึ้นโดยไพล่หลังก่อนจะนิ่งเงียบราวกับครุ่นคิด หลังจากนั้นก็ได้พูดออกมา “อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณที่ทรงพลังนั้นหายากโดยธรรมชาติ เราสามารถนำทางเจ้าได้ จงไปที่ จักรวรรดิเนโครแมนเซอร์ ด้วยกันเถิด”
"หากที่นั่นยังไม่มีลิชคนอื่นที่วางแผนจะรับเด็กฝึกล่ะก็ เจ้าสามารถเลือกที่จะเป็นเด็กฝึกโดยไม่มีผู้ชี้นำก็ได้ หรือจะลองไปเป็นอัศวินแห่งความตาย ไม่ก็เปลี่ยนเป็นแวมไพร์ก็ยังได้"
"แม้ว่าการเข้าร่วมตระกูลแวมไพร์และกลายเป็นทาสของเลือดจะไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่นักสำหรับเราก็ตาม”
ไม่มีตัวเลือกอย่างการปล่อยฉันไปเลยรึไงกัน?
“ช่างมันเถิด” อุลดริสหันหลังกลับแล้วเดินจากไปอย่างสบายๆ ก่อนจะโบกนิ้วไปที่อันเดดเสื้อคลุมสีดำที่อยู่ข้างๆ “ไม่ต้องเสียเวลา พวกเอลฟ์มังกรจะมาถึงเร็วๆ นี้แล้ว เรียกเรือข้ามฟากจากฮาเดสทันที”
อันเดดผ้าคลุมสีดำแสดงท่าทำความเคารพ ก่อนจะหยิบเหรียญทองออกมาจากเสื้อคลุมแล้วโยนไปที่กองศพที่เซารอนนอนอยู่ตะโกนออกมาว่า "ชารอน!"
เลือดพุ่งออกมาจากกองศพราวกับน้ำตกในทันทีและปกคลุมไปทั่วร่างกาย ด้วยเลือดที่ผุดอย่างไม่ทันตั้งตัวนี้ เซารอนไม่ทันระวังและรีบวิ่งไปที่กำแพง เช่นเดียวกับการหนีจากคลื่นสึนามิ เขาพยายามพังประตูและหน้าต่างของคฤหาสน์ตั้งใจรีบที่จะหนีออกไป
เขามีท่าทางคุ้มคลั่งอย่างมาก เขาดิ้นรนอยู่ในทะเลเลือดโดยคว้าสิ่งต่างๆ โดยรอบเพื่อหลีกเลี่ยงจากการจมเลือดตาย
ในระยะไกล หมอกหนาสีเทาก็ลอยขึ้นมาจากปลายคฤหาสน์ และอันเดดในชุดคลุมสีเทาก็ขับเรือกอนโดลา ค่อยๆ ลอยเข้ามาในห้องโถงตามเส้นทางแม่น้ำแห่งเลือดที่ปรากฎ
อุลดริสในชุดคลุมสีขาวและอันเดดชุดคลุมสีดำที่เหลือก็ขึ้นเรือ โดยพาไปเฉพาะเด็กสาวที่ดูสูงศักดิ์ที่ยังอยู่ในอาการโคม่าและหมดสติไปเพียงคนเดียว
เซารอนกอดกรอบประตูและมองดูเรือกอนโดลาผ่านไปด้วยท่าทางงุนงง
จะเกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?
“เจ้าจะต้องตาย ในฐานะมนุษย์ เจ้าจะทำอะไรได้อีก…” อุลดริสมองดูเขาโดยเอามือไพล่หลัง
“โอ้ เจ้าคงจะกำลังสงสัยเหมือนกันสินะว่า หากได้พบเจอกับเผ่าพันธุ์อื่นบนโลกนี้อย่างเอลฟ์และมังกร เผ่าพันธุ์เหล่านั้นจะทำอะไรกับเจ้า ใครจะรู้ ถ้าโชคดีพอ เจ้าก็อาจจะถูกเผาให้หายไปเฉยๆ นั่นก็ถือว่าเมตตามากแล้ว”
ไอ้ฉิบหาย!
เรือกอนโดลาค่อยๆ ลอยผ่านเซารอนไปอย่างช้าๆ
ในห้าวินาทีสั้นๆ นี้ เขาได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด
เขาปล่อยเสาประตู พุ่งตัวไปที่เรือกอนโดลา และคว้าไม้พายของชารอน
ชารอน หันไปมอง อุลดริส
อุลดริสส่งสัญญาณมือออกไป นี่ทำให้อันเดดเสื้อคลุมสีดำเพิ่มเหรียญทองและดึงเซารอนขึ้นไปบนเรือ
เรือค่อยๆ แล่นไปตามแม่น้ำสีเลือดและหายไปในหมอกหนาทึบ
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มเอลฟ์มังกร ก็มาถึงที่เกิดเหตุ
ในตอนแรก มีการคาดการณ์แล้วว่า ลิช จากอาณาจักรพลังจิตได้ทำการสังเวยเลือดเพื่อต้องการทำอะไรบางอย่างในคฤหาสน์ร้างแห่งนี้
ในเวลาเดียวกันก็มีการพบร่างของเด็กชายและเด็กหญิงหลายคนที่ถูกนำมาเป็นเครื่องสังเวย คาดว่า ผู้ลงมืออาจเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของสาวน้อยเวทมนตร์อัจฉริยะ เซราธอส ซอร์เก
เหตุการณ์เลวร้ายนี้ถูกรายงานอย่างเป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษรต่อผู้นำของประเทศต่างๆ พร้อมกับคำพรรณาถึงธรรมชาติที่ชั่วร้ายเลวทรามของอาณาจักรพลังจิต ผู้สิ่งเป็นศัตรูร่วมกันของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดและควรได้รับการลงโทษจากทุกคน
ในการประชุมฯ ดังกล่าว ได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ในเรื่องนี้ นั่นก็คือ การประณามการกระทำของผู้ก่อการร้ายของจักรวรรดิเนโครแมนเซอร์ อย่างรุนแรง และอ้างว่าดินแดนที่จักรวรรดิเนโครแมนเซอร์ยึดครอง เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และไม่อาจยกให้ใครก็ตามที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพันธมิตรเอลฟ์มังกร
ในเวลาเดียวกัน ราชาเอลฟ์ได้ขอให้ขุนนางมนุษย์ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา พร้อมกับออกคำสั่งทางศาสนาเพิ่มความปลอดภัยสาธารณะและปราบปรามการลักพาตัวเด็กอย่างรุนแรงภายในประเทศ
นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเข้มงวดในการสืบสวนและสอบสวน เพื่อหยุดยั้งแผนการชั่วร้ายของ ลิช ให้ได้ทันเวลา
รวมถึง การกำจัดองค์ประกอบที่ไม่เป็นมิตรในประเทศ ที่เปรียบได้ดั่งยาพิษ หรือก็คือความคิดชั่วร้ายของอาณาจักรพลังจิ ที่กำลังพยายามแยกกลุ่มพันธมิตรที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่ออกจากกัน