บทที่ 1 ระบบสุดยอดสำนัก
"บ้าไปแล้ว!" หญิงงามสะบัดแขนเสื้อ กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยไปตามสายลม นางก้าวขึ้นรถม้า จากไปด้วยความขุ่นเคือง
เหวินผิงยักไหล่อย่างจนใจ "ไม่ใช่สักหน่อย เป็นเจ้าต่างหากที่คุณสมบัติต่ำต้อย ไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐานการเข้าสำนักอมตะของข้า ข้าจะบ้าได้อย่างไร?"
เขากวาดตามองไปรอบๆ หวังว่าจะมีผู้ใดเห็นด้วยกับเขาบ้าง แต่ก็เปล่าประโยชน์ ไม่มีแม้แต่คนเดียว! กลับกัน ทุกผู้คนมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ราวกับกำลังมองคนโง่งม
"เจ้าสำนักเหวิน สำนักอมตะของท่านไม่ใช่แม้แต่สำนัก 1 ดาว ท่านยังคงฝันกลางวันอยู่อีกหรือ?"
"อายุ 15 ปี ฝึกกายาขั้น 5 อัจฉริยะเช่นนี้ แม้แต่สำนัก 3 ดาวยังต้องแย่งชิงกันแล้ว จะไปถึงตาสำนักอมตะของท่านได้อย่างไร?"
"ข้าว่าเขาคงเสียสติไปแล้ว" เด็กชายวัย 7 ขวบพูดพลางกัดถังหูลู่ "ไปกันเถอะ พวกเราไปที่อื่นดีกว่า เขาไม่เห็นค่าพวกเรา พวกเราก็ไม่ต้องไปเห็นค่าสำนักอมตะของเขาหรอก" ว่าแล้วก็ส่งสายตาเหยียดหยามให้เหวินผิง
ฟืดดด!
เด็กน้อยสูดน้ำมูกใสที่กำลังจะไหลออกมา ผู้คนพูดคุยกันไม่กี่ประโยคแล้วก็แยกย้ายกันไป ทิ้งให้เขาอยู่เพียงลำพัง
"เจ้าเด็กน้อย มาที่นี่มา เจ้ามันหยิ่งยโสเกินไป ข้าจะประลองกับเจ้า! เจ้าหย่านมแล้วหรือยังถึงกล้ามาหัวเราะเยาะข้า!" เหวินผิงตะโกนไล่หลัง แต่ก็ไร้ผล
เมื่อทุกคนในจุดลงทะเบียนจากไปหมดแล้ว เหวินผิงได้แต่เงยหน้ามองฟ้าและถอนหายใจยาว
สวรรค์! มีระบบแล้วข้าก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อีกหรือ? เขาครุ่นคิดถึงระบบสุดยอดสำนักที่เขาได้รับมาเมื่อไม่นานมานี้ ระบบที่ควรจะช่วยให้สำนักอมตะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าหนทางยังอีกยาวไกลนัก
ระบบ เจ้าวางหลุมพรางข้า ทำไมถึงตั้งมาตรฐานเช่นนี้?
การบำเพ็ญเพียรย่อมเริ่มต้นจากการฝึกกายาขั้นที่หนึ่ง โดยทั่วไปผู้ฝึกตนจะบรรลุถึงขั้นนี้ได้เมื่อมีอายุสิบปี แต่การจะทะยานสู่ขั้นที่ห้า นอกจากอัจฉริยะเพียงหยิบมือที่ฟ้าลิขิตให้ก้าวเดินบนเส้นทางแห่งเต๋าแล้ว คนธรรมดาย่อมต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างน้อยสิบปี ผู้ที่สามารถบรรลุระดับฝึกกายาขั้นที่ห้าได้เมื่ออายุสิบห้าปีนั้น ย่อมเป็นอัจฉริยะโดยกำเนิดอย่างไม่ต้องสงสัย
หากกิตติศัพท์ของเขาแพร่สะพัดออกไป สำนักสองดาวยังมิต้องกล่าวถึง แม้แต่สำนักสามดาวยังต้องมาเคาะประตูต้อนรับ เช่นนี้แล้ว เหตุใดสำนักเล็ก ๆ ที่ไม่แม้แต่จะได้ชื่อว่าเป็นสำนักหนึ่งดาวยังกล้าตั้งมาตรฐานการรับศิษย์สูงส่งเช่นนี้?
เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปยังบ่ายวันหนึ่งในสัปดาห์ก่อน!
………
เหวินผิงยืนอยู่บนขั้นบันไดเชิงเขา โบกมือลาอย่างเงียบงัน สายตาเหม่อมองไปยังอีกฟากถนน เบื้องหลังเขาคือศิลาจารึกดาบแห่งสำนักอมตะ หล่อหลอมจากหินวัชระ มีความสูงห้าเมตร กว้างหนึ่งเมตร ตั้งตระหง่านดุจดาบทะยานฟ้า อักขระสามตัวสลักอยู่บนนั้น – สำนักอมตะ
ตัวอักษรสามตัวนี้สลักขึ้นด้วยนิ้วของบรรพชนผู้ก่อตั้งสำนัก ปู่ทวดของปู่ทวดของเหวินผิง เป็นที่รู้กันว่า การจะทิ้งร่องรอยไว้บนหินวัชระได้นั้น ต้องมีพลังเหนือกว่าขั้นฝึกกายา แม้แต่ผู้ที่ฝึกกายาถึงขั้นสูงสุดขั้นที่ 13 ก็ไม่อาจทิ้งร่องรอยไว้บนหินวัชระได้แม้แต่น้อย ผู้ที่มีพลังถึงขั้นนี้ ล้วนเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่แห่งผืนปฐพีนี้
สำนักอมตะ เพียงสามคำ แต่กลับทรงพลังและน่าเกรงขาม หากย้อนกลับไปในอดีต แม้แต่เจ้าเมืองชางอู๋ที่อยู่เชิงเขายังเคยมาแสดงความเคารพ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาใต้ศิลาจารึกนี้มีมากกว่าหมื่นคนในแต่ละวัน
แต่บัดนี้ เหวินผิงได้แต่ยืนอยู่ตรงหน้ามัน โบกมือลาผู้คน
"ลาก่อน!"
คำลาเพียงคำเดียว ส่งศิษย์ 10 คนสุดท้ายของสำนักอมตะออกไป
นับจากวันนี้ สำนักอมตะอันยิ่งใหญ่ซึ่งเคยเป็นถึงสำนัก 2 ดาว สำนักผู้ยิ่งใหญ่ในดินแดนร้อยลี้ บัดนี้เหลือเพียงเขาผู้เป็นเจ้าสำนักวัย 18 ปี คนรับใช้ชราหวังป๋อ และสุนัขล่าสัตว์คู่ใจที่ชื่อ ฮาฮา
บัดนี้ สำนักอมตะได้สิ้นชื่อลงอย่างเป็นทางการแล้ว
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูของเขา
【กำลังเปิดใช้งาน...ระบบสุดยอดสำนัก】
เสียงนั้นเป็นเสียงอิเล็กทรอนิกส์ไร้ชีวิต เหวินผิงตกใจ รีบหันไปมองพุ่มไม้ข้าง ๆ
"ออกมา! ใครอยู่ตรงนั้น?"
【โฮสต์ไม่ต้องมองหาแล้ว ข้าอยู่ในหัวของท่าน หากท่านไม่ผ่าหัวตัวเองออกมา ท่านก็ไม่มีทางหาข้าเจอหรอก】
"เจ้าเป็นใคร?"
【ข้าไม่ใช่มนุษย์ และไม่มีชีวิต แต่ข้าคือคู่หูแห่งโชคชะตาของท่าน – ระบบสุดยอดสำนัก】
"ระบบสุดยอดสำนัก?"
【ใช่】
จากนั้นก็มีหน้าต่างแจ้งเตือนปรากฏขึ้น
【เหวินผิง】
เพศ: ชาย
ขอบเขต: ฝึกกายาขั้น 7
ระดับสำนัก: ไม่มี
[ระบบสุดยอดสำนัก: การสร้างสำนักจำเป็นต้องมีอาจารย์ที่แข็งแกร่ง ศิษย์ที่มีความสามารถ และที่สำคัญที่สุดคือทรัพยากรในการฝึกฝนศิษย์และดึงดูดอาจารย์ ระบบนี้จะมอบทรัพยากรพิเศษให้กับโฮสต์ ตั้งแต่เคล็ดวิชาไปจนถึงวงเวทย์มิติ เพื่อสร้างสุดยอดสำนักที่ไม่เหมือนใคร]
เหวินผิงไม่ได้สนใจข้อมูลของตัวเองมากนัก เขาเพ่งมองไปที่คำอธิบายของระบบสำนัก
มันจะช่วยให้เขากลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง? มันจะชุบชีวิตสำนักอมตะให้กลับมาได้หรือ?
ก่อนที่เหวินผิงจะเอ่ยถามสิ่งใด เสียงของระบบก็ดังขึ้น
【เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันของท่านโฮสต์ การฟื้นฟูสำนักอมตะเป็นเรื่องยากยิ่ง ดังนั้นจึงมอบหมายภารกิจแรก】
【ภารกิจหลัก - ปรับปรุงห้องโถงหลัก】
【ห้องโถงหลักคือหน้าตาของสำนักและเป็นสถานที่ทำงานของผู้นำระดับสูง จึงไม่ควรทรุดโทรมเกินไป ต้องสร้างความประทับใจให้ผู้คน เพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของสำนัก】
【การปรับปรุงครั้งแรกฟรี, เวลาปรับปรุง: 10 ชั่วโมง】
【รางวัลเมื่อสำเร็จ: สนามโน้มถ่วง 3 เท่า】
การปรับปรุงห้องโถงหลักฟรี ถือเป็นสวัสดิการที่ไม่เลวเลยทีเดียว
ตั้งแต่เมื่อปีก่อนที่ห้องโถงหลักถูกผู้แข็งแกร่งจากภายนอกพุ่งชนจนมุมหนึ่งพัง เหวินผิงก็ไม่ได้ไปที่นั่นอีกเลย แต่เขายังจำภาพกำแพงที่พังทลายได้ลางๆ เหล่าผู้อาวุโสของสำนักมักจะพูดถึงการซ่อมแซมห้องโถงใหญ่ แต่เขาปฏิเสธมาตลอดเพราะไม่มีเงิน
ตั้งแต่บิดาของเขาเสียชีวิต อีกทั้งยังไม่มีเงินทอง เขาจึงไม่เคยคิดที่จะฟื้นฟูสำนักอมตะ แต่เมื่อสวรรค์ช่วยเหลือมอบระบบสุดยอดสำนักให้แก่เขา การฟื้นฟูสำนักอมตะจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ใช่เพื่อให้เขาสามารถเงยหน้าอ้าปากต่อหน้าผู้คนได้ ไม่ใช่เพื่อให้เขากินอิ่มนอนหลับสบายมีคนคอยปรนนิบัติ แต่เพื่อแสดงศักดาความเป็นเจ้าสำนัก ผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ที่ใครๆ ต่างก็เกรงขาม
ครั้งหนึ่ง บิดาของเขาเอ่ยเพียงคำเดียว ผู้คนนับหมื่นก็พร้อมทำตาม ไม่ว่าจะไปที่ไหน ทุกคนต่างก็เรียกเขาว่าเจ้าสำนักเหวิน แม้แต่ผู้นำตระกูลบางคนก็ยังส่งบุตรีที่งดงามมาเป็นศิษย์ของเขา... แค่คิดก็รู้สึกดีแล้ว
"รีบไปเถอะ กลับสำนักพวกเจ้าไป!"
เมื่อเห็นว่าศิษย์ทั้ง 10 คนสุดท้ายลงจากเขาอวิ๋นหลานแล้ว เหวินผิงก็หันหลังกลับไปยังขั้นบันได
ระหว่างเดินทางกลับ เขาก็ได้ยินเสียงของหวังป๋อตะโกนมาแต่ไกล
"เจ้าสำนัก เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!"
หวังป๋อผู้มีใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยวิ่งลงมาจากด้านบนขั้นบันไดอย่างระมัดระวัง มือข้างหนึ่งถือไม้กวาด อีกข้างมีสุนัขล่าสัตว์ฮาฮาตัวสูงเท่าครึ่งคนวิ่งตามหลังมา
"เมื่อครู่ห้องโถงใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกขาว และมีเสียงแปลกๆ ดังออกมาจากข้างใน อาจจะมีปีศาจบุกเข้ามาในสำนักอมตะของเราแล้ว" หวังป๋อรายงานด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
เหวินผิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบเดินไปยังโถงใหญ่ ปีศาจ? เป็นไปไม่ได้! สำนักอมตะจะมีปีศาจได้อย่างไร?
เมื่อขึ้นไปถึงลานกว้าง เขาก็มองไปยังห้องโถงใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปร้อยเมตร เหวินผิงก็เห็นหมอกขาวที่ปกคลุมห้องโถงใหญ่นั้นดูผิดปกติ จะบอกว่าเป็นหมอกก็ไม่เชิง เพราะความรู้สึกของเขาไม่สามารถมองทะลุผ่านมันไปได้
แต่เมื่อเข้าไปใกล้ เหวินผิงก็เข้าใจทันที ในหมอกขาวมีข้อความที่เห็นได้ชัดเจนปรากฏขึ้น
【เวลาปรับปรุงที่เหลือ: 9 ชั่วโมง 55 นาที】
(จบตอน)
* ในนิยายเรื่องนี้ คำว่า อาจารย์ กับ ผู้อาวุโส ถูกใช้ในลักษณะที่มีความหมายสอดคล้องกัน ไม่ได้แบ่งแยก