ตอนพิเศษของอารอนตอนที่ 3 (2)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<ตอนพิเศษของอารอน ตอนที่ 3>
1. สิ่งที่สำคัญเพียงสิ่งเดียวคือความบริสุทธิ์ (ุ6)
*******
“ถ้าท่านผู้เฒ่าเลคาดิส บอกว่าทำไม่ได้ ก็คือทำไม่ได้ แต่เธอกำลังบอกว่าสามารถแทนที่แรงบันดาลใจได้งั้นเหรอ?”
อัลฟ่าซีโร่หรือเลคาดิส เป็นเทพเจ้าที่มีดวงตานับพันดวงที่สามารถมองทะลุซัมราและทุกสิ่งได้
หากเขาบอกว่ามันยากนั้นเท่ากับก็ไม่มีทางเป็นไปได้
ในตอนแรก การแบ่งมิติที่แตกสลายออกเป็นร้อยๆแห่งและประกอบกลับคืนเป็นวิธีการที่ไม่สมเหตุสมผล เว้นแต่จะเป็นเลคาดิสที่ทำ
“ฉันอยากให้เธอปฏิเสธเรื่องนี้ซะ”
เทลขมวดคิ้ว
แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาตอบโต้ได้
คนที่ออกมาขอโทษคืออิคาร์ เธอเป็นฝ่ายก้มหัวลง
“ขอโทษค่ะ เป็นความผิดของฉันเอง ที่ยังขาดความสามารถ”
“น่าเสียดายจริง ๆ พวกเราก็รักและห่วงใยโมเบียสนะ หวังว่าพวกเธอจะเข้าใจ พวกเราจะถอนตัวจากโปรเจกต์นี้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ถอนตัว
นั่นหมายความว่าพนักงานของบริษัทจะลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง
ถ้าพวกเขาจากไป การพัฒนาเกมก็จะเป็นไปไม่ได้เลยในทางปฏิบัติ
“พวกนายจะทิ้งที่นี่ไปงั้นเหรอ?”
“เราไม่ได้ทิ้ง แต่ว่า……”
ฮาลเจียนแกล้งทำเป็นคิดหนัก ก่อนจะเปลี่ยนคำพูดเมื่อเห็นเทลจ้องมองเขา
“ตกลงฉันจะให้คำตอบที่เธอต้องการก็ได้ คำตอบแบบ”บริสุทธิ์จากใจเช่นเคย”
ฮาลเจียนกล่าว
“ใช่ พวกเราจะทิ้งที่นี่ พวกเรารักบ้านเกิด แต่พวกเรารักชีวิตตัวเองมากกว่า คำตอบนี้ถูกใจเธอไหมล่ะ? ฉันตอบอย่างบริสุทธิ์ใจที่สุดแล้ว หวังว่าในฐานะเทพีแห่งความบริสุทธิ์ เธอจะรับฟังความคิดเห็นของพวกเราด้วย”
พวกเขารักโมเบียส
แต่ไม่รักมากพอที่จะยอมตายไปพร้อมกัน
นั่นคือความรู้สึกที่บริสุทธิ์ของพวกเขา
เทลเงียบ
“สองวันหลังจากนี้ พวกเราจะไปแล้ว ไม่ต้องมาส่งหรอกนะ พวกเราไม่หน้าด้านขนาดนั้น”
"ไม่เป็นไร"
อิคาร์ส่ายหัว
เธอยืนขึ้น ยิ้มอย่างสดใส และโค้งคำนับให้ฮาลเจียน
“ขอบคุณสำหรับความทุ่มเทที่ผ่านมา ได้โปรดให้พวกเราได้กล่าวอำลา ก่อนที่พวกคุณจะจากไป เพราะพวกคุณได้ทำเพื่อโมเบียสและพวกเรามามากแล้ว”
“เธอนี้มีน้ำใจเสมอเลยนะ”
ฮาลเจียนยิ้มและลุกขึ้นยืน
“ถ้าพวกเราไปถึงอีกจักรวาลหนึ่งแล้วโมเบียสยังปลอดภัยอยู่ พวกเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหาวิธีช่วยเหลือบ้านเกิดของเรา”
"ขอบคุณมาก"
“งั้นพวกเราขอตัว”
ผู้บริหารที่นั่งทางซ้ายก็ลุกขึ้นยืน
พวกเขาโค้งคำนับให้เทลและอิคาร์และตามฮาลเจียนออกจากห้องประชุม
ความเงียบเข้าปกคลุมห้องประชุม
อิคาร์ที่ยืนอยู่พูดด้วยน้ำเสียงสะลำสะลัก
“คนอื่นๆ ไม่ตามท่านฮาลเจียนไปเหรอคะ? ถ้าอยากตามเขาสามารถออกไปได้เลยนะคะ”
"เรา… เราไม่ไป”
มีคนตอบขึ้นมา
“ถึงฉันจะตายฉันก็จะตายที่บ้านเกิดฉัน”
“ฉันจะติดตามท่านเทพธิดาเทลและอิคาร์ไปจนจบ”
“ถึงแม้ว่าโครงการจะล้มเหลว?”
“แต่เราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องบ้านเกิดไม่ใช่เหรอ?”
ไม่มีความรู้สึกสิ้นหวังในน้ำเสียงนั้นเลย
พวกเขายอมรับมันเงียบๆ
คือการยอมรับจุดจบ
“ทุกคน ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของพวกคุณ เจอกันคราวหน้านะคะ”
หลังจากที่อิคาร์ยุติการประชุมผู้บริหารฝ่ายขวาก็หายตัวไปทันที
คนเดียวที่เหลืออยู่ในห้องประชุมอันกว้างขวางคือพี่สาวของเธอ
อิคาร์กล่าวว่า
"พี่คะ? พี่เป็นยังไงบ้าง?”
เทลก็กอดอก
จากนั้นเธอก็โพล่งออกมา
“ตาแก่นั่นไปไหนแล้ว?” เธอถาม
“ท่านปู่บอกว่ามีระบบบางอย่างที่ต้องไปปรับแต่งน่ะ”
“ระบบพังขนาดนี้แล้วจะไปปรับอะไรอีก?”
“ก็เพราะว่ามันยังไม่จบไงล่ะค่ะ”
อิคาร์พูดด้วยรอยยิ้ม
“พิกมีอัพ จะเปิดตัวแน่นอน ถึงจะไม่ดังเปรี้ยงปร้าง แต่อย่างน้อยก็ดึงพลังงานมาได้บ้าง แล้วแผนสองก็จะเริ่มขึ้น”
“แผนสอง?”
“เพื่อให้เด็ก ๆ ได้พักผ่อนอย่างสบาย”
อิคาร์อธิบายแผนสองของพิกมีอัพให้เทลฟัง
หัวใจหลักของแผนนี้คือ...การการุณยฆาต
ฟื้นคืนชีพโมเบียสทั้งหมดชั่วคราว เพื่อให้เหล่าชีวิตที่ใกล้ตายได้ฝัน
ฝันที่อบอุ่นและมีความสุข
ปาฏิหาริย์ระดับนี้ยังพอเป็นไปได้
“จะไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ ทั้งสิ้น”
อิคาร์กล่าว
รอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้าของเธอ
แต่เทลกลับมองเห็นความน่ากลัวที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มนั้น
“ทำไมต้องปลุกคนตายให้มาฝันด้วย? มันมีประโยชน์อะไร?”
“เพราะว่าเด็ก ๆ พูดก่อนตายว่าพวกเขาเจ็บปวด อยากมีชีวิตอยู่ต่อ ฉันเป็นเทพีแห่งความเมตตา ฉันต้องทำตามความปรารถนาของพวกเขา”
อิคาร์พูดเหมือนฮัมเพลง
“ถ้าทำแบบนี้ ก็จะไม่มีใครพูดอะไรก่อนตายอีกต่อไปแล้ว ว่าพวกเขาเจ็บปวด ว่าพวกเขาอยากมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะไม่มาอ้อนวอนขอร้องฉันอีกต่อไป เพราะพวกเขาทำแบบนั้นมาตลอด….ขอร้องให้ช่วยชีวิต ตอนนี้ฉันก็ยังได้ยินเสียงพวกเขาอยู่เลย ในฐานะเทพีแห่งความเมตตา ฉันได้ยินเสียงร้องไห้ครั้งสุดท้ายของเด็ก ๆ เหล่านั้นตลอด”
อิคาร์…เทพีแห่งความเมตตา สามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นแห่งอารมณ์ที่ปล่อยออกมาจากสิ่
มีชีวิตในโมเบียส
นั่นหมายความว่า อารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการล่มสลายของมิติหลายพันล้านมิติ ได้ส่งผ่านมาถึงอิคาร์โดยตรง
“เด็ก ๆ กำลังอ้อนวอนอยู่ เด็กๆ ต่างก็มีความหวัง”
อิคาร์พึมพำ
“พวกเขาไม่อยากเจ็บปวด”
แววตาของเธอว่างเปล่า
“พวกเขาอยากมีชีวิตอยู่”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“พวกเขาขอโอกาสอีกสักครั้ง”
เทลเสยผมสีดำของเธอ
เธอรู้ว่าทำไมน้องสาวของเธอถึงเป็นแบบนี้
เพราะเทพธิดาฝาแฝดนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน
พวกเธอรู้จักกันและกันดีกว่าใคร ๆ
อิคาร์ไม่สามารถเป็นอย่างอื่นได้
‘ความเมตตา’
ไม่ยอมทิ้งสิ่งหนึ่งเพื่ออีกสิ่งหนึ่ง
คิดถึงความรู้สึกผู้อื่นเหมือนกับเรื่องของตัวเอง
ดังนั้น เด็ก ๆ ที่อิคาร์พูดถึงก็เหมือนกับตัวเธอเอง
“หึ ๆ”
เทลหัวเราะออกมา
"นี่"
“คะ?”
“ถ้าเธอเป็นมนุษย์ เธอจะปล่อยโมเบียสไปได้ไหม?”
“…………”
“เธอคงร้องไห้และเสียใจ แต่สุดท้ายก็คงปล่อยไป ปล่อยให้เขาจากไปอย่างสงบ”
แต่มันไม่ใช่
เธอทำไม่ได้
เพราะเธอไม่ใช่มนุษย์
เพราะเธอเกิดมาแบบนี้
เหมือนกับที่เทลเกิดมาแบบนี้
“น้องรัก”
เทลมองขึ้นไปบนเพดานห้องประชุม
แสงสว่างส่องมาถึงเส้นผมสีดำที่ยาวสลวยของเธอ
“ความรู้สึกที่แท้จริงของเธอไม่ใช่แบบนั้นใช่ไหม?”
“พี่หมายความว่าไงคะ?”
“เธอกำลังหวังอะไรบางอย่างอยู่ใช่ไหม? มันแทบจะทนไม่ไหวแล้ว”
“ฉันไม่ได้……”
“แต่เธอทำไม่ได้ เธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าทำแบบนั้น เธอไม่บริสุทธิ์พอที่จะยอมรับผลกรรมนั้น”
เทลมองดูอิคาร์ที่ก้มศีรษะลง
“เธอกำลังลังเลว่าจะขอให้ฉันทำแบบนั้นดีไหม”
“มะ ไม่ใช่นะ……”
“ถึงเธอจะรู้ว่าฉันจะทำอะไร แต่เธอก็ยังลังเล”
อิคาร์กำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง
เธอขัดแย้งกับความปรารถนาในใจอย่างมาก
แต่ถ้าเธอแสดงความปรารถนานั้นออกมาอย่างบริสุทธิ์ใจ มันจะนำมาซึ่งหายนะ
การอดกลั้นความปรารถนาเพื่อผู้อื่นคือความเมตตา
แต่ชีวิตในโมเบียสกำลังร้องขออิคาร์ช่วยพวกเขา
พวกเขาอยากมีชีวิตอยู่ พวกเขาขอให้เธอช่วย พวกเขาขอความเมตตาจากเธออย่างจริงใจ
การตอบรับความปรารถนาสุดท้ายของพวกเขาก็เป็นความเมตตาเช่นกัน
อะไรคือความเมตตา อะไรคือความบริสุทธิ์?
ไม่มีใครรู้
เธอไม่สามารถเข้าใจได้อีกต่อไป
อิคาร์ไม่ทราบสาเหตุของการดำรงอยู่ของเขาอีกต่อไป
ไม่เข้าใจเหตุผลในการมีชีวิตของตัวเองอีกต่อไปแล้ว
“…………”
ลังเล ลังเล และลังเล
ไม่รู้ว่าอะไรคือคำตอบที่ถูกต้อง อะไรคือคำตอบที่ผิด
เธอยึดติดกับคำถามที่ไม่มีคำตอบ ในขณะที่วันแห่งหายนะกำลังใกล้เข้ามา
‘ถ้าเป็นพี่สาวของเธอล่ะก็’
พี่ของเธอไม่เคยลังเล
ในความบริสุทธิ์นั้นไม่มีความเจ็บปวดหรือความขัดแย้งใดๆ
ถ้าความปรารถนาและความรู้สึกนั้นบริสุทธิ์ใจจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกเจ็บปวด
ความบริสุทธิ์
การทิ้งทุกสิ่งเพื่อสิ่งเดียว
การใช้ชีวิตเพื่อความรู้สึกของตัวเอง
แม้แต่น้ำหนักของจักรวาลก็ยังเบากว่าขนนกเมื่อเทียบกับความรู้สึกนั้น
‘เอาล่ะ’
อิคาร์ตัดสินใจ
เธอจะไปถามท่านปู่
ถ้าเป็นท่านปู่ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นเทพแห่งปราชญ์ อาจจะช่วยให้เธอเข้าใจความรู้สึกของตัวเองได้
“เธอจะอยู่ที่นี่อีกนานไหม?”
“คะ?”
อิคาร์ได้สติเมื่อพี่สาวของเธอเร่ง
“อ้อ ไปแล้ว ๆค่ะ”
สองพี่น้องเดินออกจากห้องประชุมไปพร้อมกัน
ไม่นานนักไฟในห้องก็ดับลง