ตอนพิเศษของอารอนตอนที่ 3 (1)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<ตอนพิเศษของอารอน ตอนที่ 3>
1. สิ่งที่สำคัญเพียงสิ่งเดียวคือความบริสุทธิ์ (5)
*******
บริษัทโมเบียสกำลังจะเปิดตัวเกมสุดยิ่งใหญ่ เกมที่พวกเขาทุ่มเทเวลาและสมองลงไป
การเปิดตัวพิกมีอัพใกล้เข้ามาแล้ว
การตลาดเต็มไปด้วยความผันผวนบนโลก
ฝ่ายการตลาดบนโลกกำลังทำงานอย่างหนัก ทั้งการจัดกิจกรรมแจกของรางวัลผ่านโซเชียลมีเดีย และการโฆษณาลงทะเบียนล่วงหน้าในเว็บบอร์ดต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการทำการตลาดขนาดใหญ่ เช่น การโฆษณาทางทีวี
แต่พวกเขายังไม่สามารถทำการตลาดใหญ่ ๆ อย่างโฆษณาทางโทรทัศน์ได้ เพราะยังไม่สามารถเชื่อมต่อกับโลกได้โดยตรง
การดำเนินงานของบริษัททั้งหมดจึงต้องใช้วิธีอื่น นั้นคือตั้งบริษัทบังหน้าขึ้นมา และล้างสมองคนบางกลุ่มบนโลกที่เกลี้ยกล่อมมา เพื่อให้สามารถตั้งบริษัทและดำเนินงานต่างๆได้
แต่วิธีการแบบนี้ไม่มีประสิทธิภาพเอาเสียเลย
เพื่อดำเนินการการตลาดหรือการพัฒนาเชิงรุกมากขึ้น จำเป็นต้องมีเส้นทางที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกโดยตรง
แน่นอนว่าแบบแปลนนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เพียงแต่ว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างมันขึ้นมา
“เป็นไปไม่ได้!”
ในห้องประชุมผู้บริหารระดับสูงของโมเบียส ชายวัยกลางคนในชุดสูทดูไม่พอใจกับอะไรบางอย่างตะโกนขึ้นมา
ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทขมวดคิ้ว
“เรื่องไร้สาระ! เด็กอนุบาลยังคิดได้ดีกว่านี้ มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!”
พลังงานอันแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นใกล้กับชายวัยกลางคน
เป็นกระแสอารมณ์อันรุนแรงที่ก่อตัวขึ้น
เทพองค์อื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ เริ่มเหงื่อแตก
“จะทำโปรเจกต์นั้นโดยไม่มีทางเชื่อมงั้นเหรอ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? มันก็เหมือนกับว่าจะทำธุรกิจในอีกประเทศ แต่ไม่ติดต่อกับประเทศนั้นโดยตรงแค่ส่งจดหมายไปมาเท่านั้น!”
“แม้ว่าประสิทธิภาพจะลดลง แต่มันก็ยังพอเป็นไปได้ครับ”
ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นนักวิจัยมีเหงื่อออกมาก
ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นนักวิจัยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หน้าจอสไลด์ที่อยู่ด้านหน้าของห้องประชุมกำลังฉายภาพรวมของโปรเจกต์พิกมีอัพ
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ? ในเมื่อแบบแปลนก็เสร็จแล้วไม่ใช่หรือ?”
ชายวัยกลางคนคนนั้นขมวดคิ้ว
“การจะเปิดช่องมิติที่เชื่อมต่อกับโลกและคงมันไว้ได้ จำเป็นต้องใช้พลังงานรบกวนแบบมหาศาลเลยนะครับ แต่เนื่องจากโมเบียสของเราไม่มีพลังการรบกวนมากขนาดนั้น…”
“หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้วงั้นสิ?”
“มะ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ……”
“ไร้สาระสิ้นดี! อะไรนะ? พิกมีอัพงั้นเหรอ? ดึงพลังงานรบกวนจากโลกเข้ามาในเกมงั้นเหรอ? นี่เราต้องลงทุนลงแรงไปมากมายเพื่อจะมาทำเรื่องเหลวไหลแบบนี้เนี่ยนะ!”
“นี่..หุบปากสักทีได้ไหม?”
เสียงตะโกนของชายคนนั้นเงียบลงในทันที
“เขากำลังอธิบายอยู่ รอฟังให้จบก่อนไม่ได้หรือไง?”
หญิงสาวคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เทล
ส่วนคนที่นั่งข้างๆ เธอคืออิคาร์ที่ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรในสถานการณ์นี้
“ฮาลเจียนนายน่ะมีดีทุกอย่าง ยกเว้นนิสัยใจร้อนเนี่ยแหละ”
“ฉันว่าฉันก็อดทนมากพอแล้วนะ”
ชายที่ชื่อฮาลเจียนจ้องมองไปที่
จ้องไปที่เทลด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
ชายคนนี้เป็นเทพที่มีตำแหน่งสูงสุดในสภาเทพไม่ต่างจากเทลและอิคาร์ และเขายังเคยเป็นคู่แข่งของเทลในการแย่งชิงตำแหน่งประธานวิหารแพนธีออน
“ฉันว่าฉันก็ให้เกียรติพวกเธอมากพอแล้วนะ พวกเราต่างเฝ้ารอและให้ความร่วมมือมาตลอด”
ด้านหลังของชายคนนั้นมีเทพและจิตวิญญาณระดับสูงยืนเรียงรายอยู่ พวกเขาคือฝ่ายของฮาลเจียน ที่มีอำนาจทัดเทียมกับกลุ่มของเทลและอิคาร์ในสภาเทพ
“แต่แล้วผลลัพธ์ล่ะ?”
เสียงของฮาลเจียนเริ่มดุดันขึ้น
เทลไม่ตอบอะไร
“พวกเธอไม่สามารถเปิดประตูมิติไปยังโลกได้ แถมยังไม่มีระบบป้องกันภัยพิบัติที่จะปกป้องโมเบียสได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมเกมที่ทำเสร็จแล้วก็ไม่ได้เรื่อง แล้วแบบนี้มันจะมีความหวังอะไรได้?”
เมื่อข่าวการล่มสลายของโมเบียสแพร่กระจายออกไป เอเดนก็แตกออกเป็นสองฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งนำโดยเทลและอิคาร์ ที่เชื่อว่ายังพอมีความหวังที่จะปกป้องโมเบียสได้
และฝ่ายฮาลเจียนที่ยอมรับการล่มสลายและแสวงหาหนทางเอาชีวิตรอด
“พวกเราลดหย่อนข้อเรียกร้องให้ถึงที่สุดแล้ว ถ้าช้ากว่านี้ พวกเราจะไม่สามารถหนีรอดไปได้ พวกเธออยากจะตายไปพร้อมกับโมเบียสหรือไง?”
“…………”
“พวกเราเองก็เหมือนกัน……”
ฮาลเจียนหลับตาลง
ความรู้สึกมากมายปรากฏขึ้นและหายไปบนใบหน้าของเขา
“ไม่ได้หมายความว่าเราไม่รักโมเบียสหรอกนะ ที่เธอโน้มน้าวใจได้ก็เพราะเราคิดว่าถ้ามีวิธี พวกเราก็อยากจะช่วย”
เป็นผลให้ฝ่ายฮาลเจียนเข้าาร่วมกับเทลและอิคาร์
เขาคลอยตามคำพูดของอิคาร์
ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายของวิหารแพนธีออนจึงร่วมมือกันเพื่อดำเนินการสร้างพิกมีอัพ
"แต่ว่า…."
ฮาลเจียนลืมตาขึ้นมา
ในแววตาของเขามีอำนาจของผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่เคารพสักการะของมนุษย์มากมาย
“บางครั้งก็ต้องปล่อยวางบ้าง”
“…………”
“ตอนนี้พวกเรากำลังทำตัวน่าสมเพช พยายามขุดหลุมศพขึ้นมาเพื่อไม่ให้ลูกหลานของเราต้องตาย พวกเราไม่ควรทำอะไรที่น่าอายไปมากกว่านี้แล้ว”
เทลกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
เธอต้องการโต้แย้งคำพูดของเขา
แต่เธอไม่สามารถหาคำพูดมาตอบโต้ได้
"เมื่อดำเนินโครงการไปแล้ว โอกาสที่โมเบียสจะกลับมาฟื้นคืนชีพมีมากน้อยแค่ไหน?”
ฮาลเจียนพูดกับนักวิจัยที่อยู่ถัดจากหน้าจอ
เขาเป็นพนักงานที่ทุ่มเทให้กับการพัฒนา
"คือ…”
“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลย…ฉันรู้คำตอบอยู่แล้ว”
ฮาลเจียนลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา
ขณะที่ชายคนนั้นโบกมือ บางอย่างก็ปรากฏขึ้นบนโต๊ะ
มันเป็นภาษาของเทพเจ้า
“มีปัญหาสำคัญสี่ประการกับโครงการพิกมีอัพ”
อันดับแรก
เพื่อให้การดำเนินงานของโครงการเป็นไปอย่างราบรื่น พอร์ทัลสู่โลกจึงเป็นสิ่งจำเป็น
การเปิดมิตินี้ต้องใช้พลังรบกวนมหาศาล
แหล่งพลังงานในโมเบียส ที่กำลังจะตายอยู่ที่ไหน?
อันดับสอง
เมื่อโครงการนี้ดำเนินไป กองทัพจะถูกส่งออกไปนอกโลกทันทีเพื่อปราบเอเดน
นี่เป็นเพราะพวกเขาถือว่าการละเมิดกฎถือเป็นข้อห้ามอย่างยิ่ง
จะหยุดพลังแห่งอวกาศได้อย่างไร?
อันดับสาม
รูปแบบการเล่นเองก็น่าสงสัย
หลังจากอ่านรายงานแล้ว ไม่พบองค์ประกอบใดของความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศเลย
เกมทั่วไปเช่นนี้จะได้รับความนิยมบนโลกได้อย่างไร?
และข้อสี่ข้อสุดท้าย
การฟื้นฟูมิติที่ถูกทำลายไปแล้วจะมีความหมายอะไร?
เหมือนกับพยายามเก็บเศษแก้วที่แตกมาประสานใหม่ และสุดท้ายมันก็พังทลายลง ความเป็นและความตายก็เช่นเดียวกัน
“แม้ว่าเราจะแก้ปัญหาทั้งสามข้อข้างต้นได้ แต่ปัญหาสุดท้ายยังไงก็ไม่สามารถแก้ไขได้อยู่ดี”
ฮาลเจียนประกาศ
“ผู้เฒ่าเลคาดิสก็พูดเช่นนั้นเหมือนกันพวกเขาแบ่งมิติที่ถูกทำลายออกเป็น 100 ชิ้นและพยายามเชื่อมต่อพวกมันทีละชิ้น”
ขณะที่ฮาลเจียนโบกมือรูปหอคอยก็ปรากฏขึ้นที่กลางโต๊ะ
“ขั้นแรก เราสร้างมิติที่ถูกทำลายขึ้นมาใหม่ให้มีรูปร่างของหอคอยสูง 100 ชั้น และพยายามปะติดปะมันเข้ากันทีละน้อ เริ่มจากชั้นล่างขึ้นไปชั้นบน”
มันเหมือนกับปริศนาจิ๊กซอว์
โดยการประกอบชิ้นส่วนปริศนาที่พังทลายลงทำให้ภาพต้นฉบับกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง
“ชายชราบอกว่าชิ้นส่วนเหล่านี้ไม่สามารถประกอบเข้าด้วยกันจากชั้น 80 ของหอคอยได้”
หอคอยเสมือนจริงถูกสร้างขึ้นบนโต๊ะ
แต่อย่างไรก็ตาม มีรอยแตกปรากฏขึ้นตามสถานที่ต่างๆ เริ่มตั้งแต่ชั้น 80 ของหอคอย และในที่สุดก็พังลงในชั้นที่ 90
แน่นอนว่าด้วยพลังของเลคาดิส เขาสามารถทำให้ชิ้นส่วนที่แตกหักเชื่อมต่อกันได้
ปัญหาเกิดขึ้นหลังจากนั้น
“มิติที่เสียหายไม่ได้เชื่อมต่ออย่างถูกต้อง การรักษาสภาพที่เป็นอยู่นั้นมีจำกัด ถ้าพยายามจะทำมันจนถึงชั้นที่ 100...กองทัพแห่งยุคสมัยใหม่จะเข้ามากลืนกินสถานที่แห่งนี้ในทันที และด้วยความแข็งแกร่งของเรา เราจะไม่สามารถต้านได้เลย”
แม้ว่าจะแก้ปัญหาสามในสี่ของปัญหาทั้งหมด แต่ยังไงก็จะล้มเหลวในขั้นสุดท้าย
การสร้างพิกมีอัพมันเป็นไปไม่ได้เลยตั้งแต่แรก….