ตอนที่ 520 เปิดเผยช่างฝีมือระดับสูง (ฟรี)
ที่ประตูทางเข้าเนินสูง
ตุบๆ
ลั่วจามองขึ้นไปยังยอดต้นชาเขียวประกายที่ยิ่งใหญ่จนบดบังท้องฟ้า และเหนือต้นชาเขียวประกายก็มีโดมผลึกแก้วเป็นเหมือนท้องฟ้าครอบไว้อีกที
นี่คือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเต่าทมิฬใช่ไหม?
ลั่วจาคิดในใจพร้อมกับมองอย่างสงสัย
ฮู่เเตียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เร่งขึ้น
“มาเถอะ เดี๋ยวเจ้าเมืองจะไม่อยู่ตำหนัก”
ลั่วจาได้สติก็เดินตามฮู่เตียนไปเข้าสู่เนินสูง
“โปรดให้ความร่วมมือในการตรวจค้นด้วย”
หน่วยพิทักษ์เนินสูงสาวคนหนึ่งหยุดลั่วจาเอาไว้
ก่อนที่ลั่วจาจะถูกตรวจและผ่านเข้าไปได้
ด้านหลังกำแพงที่ปิดกั้นพื้นที่เนินสูงเอาไว้ มีต้นไม้เขียวขจีเต็มไปหมดซึ่งมากกว่าถนนการค้าหรือเขตเมืองชั้นใน
มันทำให้ลั่วจาตกตะลึงอีกครั้ง กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า
สภาพแวดล้อมที่นี่ดูดีสุดๆ มีทั้งป่าไม้และแม่น้ำไหลผ่าน
“ตามมา”
ฮู่เตียนเดินนำไปที่ลิฟต์
แล้วตอนนั้นเองที่ความสนในของลั่วจาก็ถูกแผ่นลิฟต์ดึงดูด
“นี่มัน….
ริมฝีปากของเธออ้าออกเล็กน้อย เธอเห็นผลึกสัตว์อสูรที่ติดอยู่บนแผ่นลิฟต์ที่ข้างเท้าของเธอ ซึ่งทำให้เธอประหลาดใจ
“สิ่งนี้เป็นยุทธภัณฑ์วิญญาณระดับสูงใช่ไหม”
“ใช่”
ฮู่เตียนตอบ และมองลั่วจาเล็กน้อย
อีกฝ่ายสามารถระบุระดับของแผ่นลิฟต์ได้ทันที มีความเป็นไปได้ว่าลั่วจาจะเป็นช่างฝีมือระดับสูง
หึ่งๆ
แผ่นลิฟต์เริ่มลอยตัวขึ้น จากนั้นก็พาทั้งสามสาวขึ้นไป
“มันกำลังลอยขึ้น!”
ลั่วจาอุทานอย่างตกใจ
“พี่ลั่วจา ใจเย็นๆ”
หลี่เสี่ยวกู่ดึงแขนเสื้อลั่วจาเพื่อเรียกสติ
“.....”
หางตาของลั่วจากระตุก และยิ้มอย่างฝืนๆ เพื่อปกปิดความเขินอาย
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เธอจะใจเย็นลง และเริ่มคิดว่าช่างฝีมือระดับสูงของเมืองเต่าทมิฬนั้นมีฝีมือมากๆ
เธอสงสัยว่าแผ่นที่เธอยืนอยู่มันทำงานยังไง และช่างฝีมือคนไหนกันที่สร้างของแปลกๆ แบบนี้ได้
สิบวินาทีต่อมา ทั้งสามก็มาถึงชั้นบนสุดของเนินสูง และก้าวออกมาจากลิฟต์ช้าๆ
ลั่วจาหันกลับไปมองแผ่นลิฟต์ จากนั้นก็มองเห็นวิวทิวทัศของทั้งเมืองเต่าทมิฬ
“ทางนี้”
ฮู่เตียนเดินนำเข้าไปยังตำหนักอย่างสบายๆ
ลั่วจาเดินตามไปติดๆ พร้อมกับแววตาที่อยากรู้อยากเห็นไปทุกอย่าง
ตุบๆ
เมื่อเข้าไปในตำหนักทั้งสามก็ได้กลิ่นหอมแปลกๆ ลอยมา
“กลิ่นนี้มันเหมือนกับถั่วลิสง พวกเขายังบีบน้ำมันออกมาไม่หมดงั้นหรอ?”
ฮู่เตียนพูดเบาๆ
“คุณฮู่เตียน”
เว่ยหยูหลันเดินออกมาจากห้องทำงานของมู่เหลียงพร้อมกับถาดใส่ของว่าง
“มู่เหลียงอยู่ในห้องใช่ไหม”
ฮู่เตียนถามอย่างเป็นกันเอง
“ค่ะ”
เว่ยหยูหลันตอบ
“ขอบคุณ กลับไปทำงานต่อเถอะ”
ฮู่เตียนพูดอย่างใจดี
ก่อนที่เธอจะหยุดตรงหน้าประตูห้องทำงานและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไพเราะ
“มู่เหลียง ยุ่งอยู่ไหม”
“เข้ามา”
เสียงที่ดูอ่อนโยนตอบกลับมา
แววตาของลั่วจาดูประหลาดใจ เมื่อได้ยินเสียงที่ยังดูอ่อนเยาว์ของชายหนุ่ม
ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรมากกว่านี้ ฮู่เตียนก็เปิดประตูเข้าไปในห้องแล้ว
ปึง
ฮู่เตียนเดินเข้ามาก่อนที่จะหันมาพยักหน้าให้ลั่วจากับหลี่เสี่ยวกู่ให้ตามเข้ามา
ที่หลังโต๊ะมู่เหลียงเงยหน้ามองหญิงสาวทั้งสาม และเห็นทั้งหลี่เสี่ยวกู่กับลั่วจา
“ฮู่เตียนเรียกเหยาเอ๋อ”
มู่เหลียงพูดอย่างอ่อนโยน
“ได้”
ฮู่เตียนตอบพร้อมกับแแววตาที่เหมือนกำลังฉีกยิ้ม เธอเข้าใจสิ่งที่มู่เหลียงจะทำ
ก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากห้องทำงาน และไม่นานนัก
“ท่านมู่เหลียงได้พบกันอีกแล้ว”
“ยินดีที่ได้พบท่านเจ้าเมือง”
ลั่วจากับหลี่เสี่ยวกู่แสดงความเคารพต่อมู่เหลียง
สำหรับลั่วจาแล้วเธอไม่สามารถประมาทได้เลย ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือเจ้าเมืองเต่าทมิฬ ถึงจะดูหนุ่มอยู่ก็ตาม
“นั่งก่อน”
มู่เหลียงเชิญทั้งสองนั่งลง
“ค่ะ”
หลี่เสี่ยวกู่ตอบก่อนที่จะนั่งบนเก้าอี้ไม้ใกล้ๆ
ลั่วจาเองก็นั่งลงด้วยท่าทางที่สุภาพ
เว่ยหยูหลันเดินเข้ามาในห้องทำงาน พร้อมกับน้ำชาให้กับแขกทั้งสอง
ลั่วจามองชาประกายแสง แต่ไม่กล้าที่จะแตะต้องมัน
สูด….
แต่หลี่เสี่ยวกู่กลับยกถ้วยชาขึ้นและสูดดมกลิ่นก่อนที่จะจิบดื่มอย่างเป็นธรรมชาติ
“อ้าา”
เธอถอนหายใจยาวด้วยความสบายใจ
“รู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่ได้ดื่มจริงๆ”
ใบหน้าของลั่วจานั้นกระตุกเล็กน้อย และคิดว่าหลี่เสี่ยวกู่ทำตัวสบายๆ แบบนี้ต่อหน้ามู่เหลียงได้ยังไง
ตุบๆ
แล้วในตอนนั้นเองที่ฮู่เตียนได้พาเหยาเอ๋อเข้ามาในห้องทำงาน
ภายใต้คำแนะนำของฮู่เตียน เหยาเอ๋อพอจะทราบเรื่องมาเล็กน้อยแล้ว หลังจากเห็นมู่เหลียงเธอก็โค้งคำนับอย่างสุภาพ
แววตาของลั่วจาหรี่ลง และมองเหยาเอ๋อทำไมเจ้าเมืองถึงต้องเจาะจงเรียกสาวใช้ตัวน้อยคนนี้มาด้วย
มู่เหลียงถามขึ้น
“ให้เรียกคุณว่าอะไร”
“ลั่วจา”
ลั่วจาตอบเบาๆ
“อะแฮ่ม”
อยู่ๆ เหยาเอ๋อก็กระแอ่มออกมา
“โกหกไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะในการพบเจอกันครั้งแรก”
มู่เหลียงมองไปทางลั่วจาและพูดด้วยแววตาที่ดูจริงจัง
ร่างกายของลั่วจานั้นสั่นสะท้านเมื่อถูกสายตาของมู่เหลียงจ้องมอง เธอรู้สึกราวกับถูกมองทะลุทุกอย่าง
ฮู่เตียนมองลั่วจา ด้วยความประหลาดใจปรากฏว่าที่เธอบอกคือชื่อปลอม
“งั้นขออภัย ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันชื่อจาลั่ว”
จาลั่วพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูนิ่งสงบ
เธอรู้สึกหวาดกลัวมู่เหลียงขึ้น เพราะเมื่อถูกมู่เหลียงมองราวกับไม่มีสิ่งใดปกปิดได้ แต่ทุกครั้งที่เธอมองมู่เหลียงราวกับร่างของเขาสูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เป็นหมื่นเมตร ซึ่งกดดันเธอจนแทบหายใจไม่ออก
“เอ๊…พี่ลั่วจาใช้ชื่อปลอมมาตลอดงั้นหรอ”
หลี่เสี่ยวกู่นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างตกใจ
“ขอโทษด้วย มีเหตุผลหลายอย่างที่ฉันต้องปิดบังชื่อที่แท้จริง”
จาลั่วกล่าว
“งั้นหรอ…”
หลี่เสี่ยวกู่กระพริบตาและคิดว่าชื่อของเธอแค่สลับคำเท่านั้นเอง
“ลั่วจา จาลั่ว”
มู่เหลียงเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ ก่อนที่แววตาของเขาจะเป็นประกายและถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณคืออดีตช่างฝีมือระดับสูงของเมืองแห่งอนาคตใช่ไหม”
“ท่านมู่เหลียง… รู้จักฉันด้วยงั้นหรอ”
จาลั่วมองมู่เหลียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และหรี่ตาลง
“ได้ยินมาจากสองพี่น้องอาหลี่ พวกเธอพูดถึงคุณบ่อยๆ”
มู่เหลียงตอบอย่างใจเย็น
“พี่น้องอาหลี่….หมายถึงอาหลี่เช่อกับอาหลี่ย่างั้นหรอ?”
รูม่านตาของจาลั่วเบิกกว้างขึ้น
ก่อนที่จะถามอย่างประหลาดใจ
“พวกเธออยู่ที่เมืองเต่าทมิฬด้วยงั้นหรอ”
“ใจเย็นๆ ถูกต้องแล้วพวกเธออยู่ที่นี่”
จาลั่วถอนหายใจ และพูดอย่างแผ่วเบา
“ขอบคุณสวรรค์ พวกเธอยังไม่ตาย”
ที่สองพี่น้องอาหลี่หลบหนีออกมาได้นั้นส่วนหนึ่งมาจากการช่วยเหลือของเธอ
มู่เหลียงนั่งตัวตรงและใช้นิ้วเคาะไปบนโต๊ะ
แววตาของเขาดูนิ่งสงบมากขึ้นและถามต่อ
“จาลั่ว ช่างฝีมือระดับสูงมีพลังในขั้น 8 ตอนนี้ไม่ได้เข้าร่วมกับใครใช่ไหม”
รูม่านตาของจาลั่วหดลง หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะและรู้สึกหวาดกลัวจนแทบอยากจะวิ่งหนี
ความรู้สึกที่ราวกับมองทะลุทุกอย่างมันทำให้เธอรู้สึกไม่ดี
เธอตอบด้วยน้ำเสียงแห้งๆ
“ใช่”
เหยาเอ่อเพียงกระพริบตาและไม่ส่งเสียงสัญญาณอะไรออกมา ซึ่งนั้นแปลว่าอีกฝ่ายไม่โกหก
“ที่แท้ก็มีพลังขั้น 8 มิน่าฉันถึงมองรัศมีพลังไม่ออก”
ฮู่เตียนเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเธอถึงมองรัศมีพลังของจาลั่วไม่ได้ในตอนแรก
พลังของจาลั่วนั้นสูงกว่าเธอ หากเธอคิดจะใช้มนต์สะกดกับจาลั่วละก็ เธอคงจะเจ็บตัวแทน
จาลั่วดูสีหน้าเคร่งเครียดมากและมองไปทางมู่เหลียงอย่างระมัดระวัง
“ไม่ต้องกลัวไป พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้าย”
ฮู่เตียนพูดเบาๆ
มันได้ทำให้แววตาของจาลั่วผ่อนคลายลงเล็กน้อย เธอคิดว่าจะเชื่อคำพูดนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
มู่เหลียงเอียงหัวเล็กน้อย และะพูดเชิญชวนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณจาลั่ว ในเมื่อคุณไม่ได้ขึ้นกับใครแล้ว ไม่สนใจเข้าร่วมกับเมืองเต่าทมิฬงั้นหรอ”
“เข้าร่วมกับเมืองเต่าทมิฬ…”
จาลั่วหรี่ตาลงและครุ่นคิด
“ใช่ เมืองของเราต้องการคนมากพรสวรรค์เช่นคุณ”
มู่เหลียงพยักหน้า
“หมายถึงช่างฝีมือระดับสูง?”
จาลั่วถามกลับ
“ใช่แล้ว”
มู่เหลียงพยักหน้า
จาลั่วหันมองฮู่เตียนและมองไปทางมู่เหลียงก่อนที่จะพูดขึ้น
“แต่ในเมืองเต่าทมิฬก็มีช่างฝีมือระดับสูงอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าการรับฉันเข้าเมืองจะไม่สร้างปัญหาให้ช่างฝีมือคนนั้นงั้นหรอ”
“ปกติฉันงานยุ่งตลอดเลยไม่มีเวลาไปคิดค้นวิจัยสร้างยุทธภัณฑ์วิญญาณระดับสูง”
มู่เหลียงตอบอย่างสบายๆ
“เดี๋ยว….ท่านหมายความว่ายังไงกันแน่”
จาลั่วพูดขัดขึ้นพร้อมกับคิดตามคำพูดของมู่เหลียง
“มู่เหลียงเป็นช่างฝีมือระดับสูงคนนั้น”
ฮู่เตียนกระซิบเบาๆ
“นี้ท่านเป็นช่างฝีมือระดับสูงด้วยงั้นหรอ!”
จาลั่วอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ
“ใช่”
มู่เหลียงตอบ
แล้วจาลั่วก็ตระหนักได้ว่าในฐานะเจ้าเมืองเต่าทมิฬ คงมีหน้าที่ภาระหลายอย่างที่ต้องทำจนไม่มีเวลามาศึกษาวิจัยยุทธภัณฑ์วิญญาณแน่นอน
“พี่ลั่ว…พี่จาลั่วรับเถอะ”
แววตาของหลี่เสี่ยวกู่เป็นประกาย และมองจาลั่วด้วยความตื่นเต้น
“....”
สายตาของจาลั่วกระตุก และยื่นมือไปตบไหล่ของหลี่เสี่ยวกู่เบาๆ
“ด้วยความสามารถของคุณ หากเข้าร่วมกับเมืองเต่าทมิฬ ฉันจะให้เงินเดือน 2,000 ทมิฬต่อเดือน มีบ้านเดี่ยวเป็นของตัวเอง มีวันหยุด 8 วันต่อเดือน”
มู่เหลียงพูดอย่างใจเย็น
“2,000 ทมิฬ!”
แววตาของฮู่เตียนเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ก่อนที่เธอจะเข้าใจได้ว่าจาลั่วมีพลังในขั้น 8 ไม่พอยังเป็นช่างฝีมือระดับสูงไม่แปลกที่จะได้ค่าตอบแทนสูงขนาดนี้
“พี่จาลั่ว!! ต้องสองพันทมิฬเลยนะเงินเดือนพี่”
หลี่เสี่ยวกู่พูดด้วยใบหน้าที่ดูอิจฉา
จาลั่วตกใจในตอนแรก ก่อนที่เธอจะตั้งสติได้
เธอยอมรับว่ามีหลายอย่างในเมืองเต่าทมิฬนั้นดึงดูดเธอมาก ทั้งค่าจ้างและสวัสดิการก็ยอดเยี่ยมจนยากที่จะไม่หลงไปกับข้อเสนอเหล่านี้
จาลั่วเงยหน้าขึ้น และพูดกับมู่เหลียงด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันจะเข้าร่วมกับเมืองเต่าทมิฬ แต่ฉันขอพูดคุยเกี่ยวกับการวิจัยกับศึกษายุทธภัณฑ์วิญญาณกับท่าน”
เธออยากรู้ว่าแผ่นลิฟต์กับชุดเกราะหงส์เพลิงนั้นถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร
“ถ้าฉันว่าง ก็มาพูดคุยกับฉันได้ทุกเมื่อ”
มู่เหลียงยิ้มและพยักหน้า
“ท่านเจ้าเมือง ยุทธภัณฑ์ของฉันถูกเก็บอยู่ ได้โปรดให้ใครนำมาให้ฉันทีได้ไหม”
จาลั่วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อน และยิ้มบางๆ
“ได้….เมื่อยอมทำพันธะสัญญากับฉันแล้ว ฉันจะให้คนเอามาส่งไว้ที่บ้านให้”
มู่เหลียงตอบพร้อมกับยิ้มเล็กๆ
อีกฝ่ายยอมทุกอย่างแล้วนั้นแปลว่าเธอได้เข้าร่วมกับเมืองเต่าทมิฬแล้ว
หลังจากนั้นมู่เหลียงก็แอบถอนหายใจ ในที่สุดเขาก็ไม่จำเป็นต้องมาสร้างยุทธภัณฑ์ระดับสูงเองแล้ว และมีเวลาไปทำอย่างอื่น
หลี่เสี่ยวกู่มองมู่เหลียงอย่างกระตือรือร้น และพูดอย่างแผ่วเบา
“ถ้างั้นฉันขออาศัยอยู่ที่เขตเมืองชั้นในได้ไหมค่ะ”
“เธอสามารถอยู่กับจาลั่วได้หากเธอยินยอม”
มู่เหลียงยิ้มและตอบ
“น้องหลี่มาอยู่กับพี่ก็ได้”
จาลั่วยิ้ม
“เย้ พี่จาลั่วใจดีที่สุด”
หลี่เสี่ยวกู่กระโดดขึ้นอย่างดีใจและเข้าไปกอดจาลั่วเอาไว้
“อย่าเสียมารยาท ท่านเจ้าเมืองยังอยู่ตรงนี้”
จาลั่วดุพร้อมกับรอยยิ้ม
“ฮู่เตียน พาทั้งสองไปยังที่พัก ให้พวกเธออาศัยอยู่ที่ชั้นเจ็ด”
มู่เหลียงกล่าวเบาๆ
ที่ชั้นเจ็ดเป็นพื้นที่ของโรงงานยุทธภัณฑ์วิญญาณ
“รับทราบ”
ฮู่เตียนตอบด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์
หลังจากนั้นเธอก็มองไปยังจาลั่วกับหลี่เสี่ยวกู่
“ตามฉันมา”
“ท่านเจ้าเมืองพวกเราขอลา”
จาลั่วโค้งคำนับให้อย่างสุภาพ
“ท่านมู่เหลียง ไว้พบกันใหม่ค่ะ”
หลี่เสี่ยวกู่โค้งคำนับอย่างสุภาพและตามฮู่เตียนไปอย่างรวดเร็ว