ตอนที่แล้วตอนที่ 519 ฉันเริ่มชอบที่นี่แล้ว (ฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 521 เครื่องจักรไอน้ำ

ตอนที่ 520 เปิดเผยช่างฝีมือระดับสูง (ฟรี)


ที่ประตูทางเข้าเนินสูง

ตุบๆ

ลั่วจามองขึ้นไปยังยอดต้นชาเขียวประกายที่ยิ่งใหญ่จนบดบังท้องฟ้า และเหนือต้นชาเขียวประกายก็มีโดมผลึกแก้วเป็นเหมือนท้องฟ้าครอบไว้อีกที

นี่คือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเต่าทมิฬใช่ไหม?

ลั่วจาคิดในใจพร้อมกับมองอย่างสงสัย

ฮู่เเตียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เร่งขึ้น

“มาเถอะ เดี๋ยวเจ้าเมืองจะไม่อยู่ตำหนัก”

ลั่วจาได้สติก็เดินตามฮู่เตียนไปเข้าสู่เนินสูง

“โปรดให้ความร่วมมือในการตรวจค้นด้วย”

หน่วยพิทักษ์เนินสูงสาวคนหนึ่งหยุดลั่วจาเอาไว้

ก่อนที่ลั่วจาจะถูกตรวจและผ่านเข้าไปได้

ด้านหลังกำแพงที่ปิดกั้นพื้นที่เนินสูงเอาไว้ มีต้นไม้เขียวขจีเต็มไปหมดซึ่งมากกว่าถนนการค้าหรือเขตเมืองชั้นใน

มันทำให้ลั่วจาตกตะลึงอีกครั้ง กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า

สภาพแวดล้อมที่นี่ดูดีสุดๆ มีทั้งป่าไม้และแม่น้ำไหลผ่าน

“ตามมา”

ฮู่เตียนเดินนำไปที่ลิฟต์

แล้วตอนนั้นเองที่ความสนในของลั่วจาก็ถูกแผ่นลิฟต์ดึงดูด

“นี่มัน….

ริมฝีปากของเธออ้าออกเล็กน้อย เธอเห็นผลึกสัตว์อสูรที่ติดอยู่บนแผ่นลิฟต์ที่ข้างเท้าของเธอ ซึ่งทำให้เธอประหลาดใจ

“สิ่งนี้เป็นยุทธภัณฑ์วิญญาณระดับสูงใช่ไหม”

“ใช่”

ฮู่เตียนตอบ และมองลั่วจาเล็กน้อย

อีกฝ่ายสามารถระบุระดับของแผ่นลิฟต์ได้ทันที มีความเป็นไปได้ว่าลั่วจาจะเป็นช่างฝีมือระดับสูง

หึ่งๆ

แผ่นลิฟต์เริ่มลอยตัวขึ้น จากนั้นก็พาทั้งสามสาวขึ้นไป

“มันกำลังลอยขึ้น!”

ลั่วจาอุทานอย่างตกใจ

“พี่ลั่วจา ใจเย็นๆ”

หลี่เสี่ยวกู่ดึงแขนเสื้อลั่วจาเพื่อเรียกสติ

“.....”

หางตาของลั่วจากระตุก และยิ้มอย่างฝืนๆ เพื่อปกปิดความเขินอาย

เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เธอจะใจเย็นลง และเริ่มคิดว่าช่างฝีมือระดับสูงของเมืองเต่าทมิฬนั้นมีฝีมือมากๆ

เธอสงสัยว่าแผ่นที่เธอยืนอยู่มันทำงานยังไง และช่างฝีมือคนไหนกันที่สร้างของแปลกๆ แบบนี้ได้

สิบวินาทีต่อมา  ทั้งสามก็มาถึงชั้นบนสุดของเนินสูง และก้าวออกมาจากลิฟต์ช้าๆ

ลั่วจาหันกลับไปมองแผ่นลิฟต์ จากนั้นก็มองเห็นวิวทิวทัศของทั้งเมืองเต่าทมิฬ

“ทางนี้”

ฮู่เตียนเดินนำเข้าไปยังตำหนักอย่างสบายๆ

ลั่วจาเดินตามไปติดๆ พร้อมกับแววตาที่อยากรู้อยากเห็นไปทุกอย่าง

ตุบๆ

เมื่อเข้าไปในตำหนักทั้งสามก็ได้กลิ่นหอมแปลกๆ ลอยมา

“กลิ่นนี้มันเหมือนกับถั่วลิสง พวกเขายังบีบน้ำมันออกมาไม่หมดงั้นหรอ?”

ฮู่เตียนพูดเบาๆ

“คุณฮู่เตียน”

เว่ยหยูหลันเดินออกมาจากห้องทำงานของมู่เหลียงพร้อมกับถาดใส่ของว่าง

“มู่เหลียงอยู่ในห้องใช่ไหม”

ฮู่เตียนถามอย่างเป็นกันเอง

“ค่ะ”

เว่ยหยูหลันตอบ

“ขอบคุณ กลับไปทำงานต่อเถอะ”

ฮู่เตียนพูดอย่างใจดี

ก่อนที่เธอจะหยุดตรงหน้าประตูห้องทำงานและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไพเราะ

“มู่เหลียง ยุ่งอยู่ไหม”

“เข้ามา”

เสียงที่ดูอ่อนโยนตอบกลับมา

แววตาของลั่วจาดูประหลาดใจ เมื่อได้ยินเสียงที่ยังดูอ่อนเยาว์ของชายหนุ่ม

ก่อนที่เธอจะได้คิดอะไรมากกว่านี้ ฮู่เตียนก็เปิดประตูเข้าไปในห้องแล้ว

ปึง

ฮู่เตียนเดินเข้ามาก่อนที่จะหันมาพยักหน้าให้ลั่วจากับหลี่เสี่ยวกู่ให้ตามเข้ามา

ที่หลังโต๊ะมู่เหลียงเงยหน้ามองหญิงสาวทั้งสาม และเห็นทั้งหลี่เสี่ยวกู่กับลั่วจา

“ฮู่เตียนเรียกเหยาเอ๋อ”

มู่เหลียงพูดอย่างอ่อนโยน

“ได้”

ฮู่เตียนตอบพร้อมกับแแววตาที่เหมือนกำลังฉีกยิ้ม เธอเข้าใจสิ่งที่มู่เหลียงจะทำ

ก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากห้องทำงาน และไม่นานนัก

“ท่านมู่เหลียงได้พบกันอีกแล้ว”

“ยินดีที่ได้พบท่านเจ้าเมือง”

ลั่วจากับหลี่เสี่ยวกู่แสดงความเคารพต่อมู่เหลียง

สำหรับลั่วจาแล้วเธอไม่สามารถประมาทได้เลย ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคือเจ้าเมืองเต่าทมิฬ ถึงจะดูหนุ่มอยู่ก็ตาม

“นั่งก่อน”

มู่เหลียงเชิญทั้งสองนั่งลง

“ค่ะ”

หลี่เสี่ยวกู่ตอบก่อนที่จะนั่งบนเก้าอี้ไม้ใกล้ๆ

ลั่วจาเองก็นั่งลงด้วยท่าทางที่สุภาพ

เว่ยหยูหลันเดินเข้ามาในห้องทำงาน พร้อมกับน้ำชาให้กับแขกทั้งสอง

ลั่วจามองชาประกายแสง  แต่ไม่กล้าที่จะแตะต้องมัน

สูด….

แต่หลี่เสี่ยวกู่กลับยกถ้วยชาขึ้นและสูดดมกลิ่นก่อนที่จะจิบดื่มอย่างเป็นธรรมชาติ

“อ้าา”

เธอถอนหายใจยาวด้วยความสบายใจ

“รู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่ได้ดื่มจริงๆ”

ใบหน้าของลั่วจานั้นกระตุกเล็กน้อย และคิดว่าหลี่เสี่ยวกู่ทำตัวสบายๆ   แบบนี้ต่อหน้ามู่เหลียงได้ยังไง

ตุบๆ

แล้วในตอนนั้นเองที่ฮู่เตียนได้พาเหยาเอ๋อเข้ามาในห้องทำงาน

ภายใต้คำแนะนำของฮู่เตียน เหยาเอ๋อพอจะทราบเรื่องมาเล็กน้อยแล้ว หลังจากเห็นมู่เหลียงเธอก็โค้งคำนับอย่างสุภาพ

แววตาของลั่วจาหรี่ลง และมองเหยาเอ๋อทำไมเจ้าเมืองถึงต้องเจาะจงเรียกสาวใช้ตัวน้อยคนนี้มาด้วย

มู่เหลียงถามขึ้น

“ให้เรียกคุณว่าอะไร”

“ลั่วจา”

ลั่วจาตอบเบาๆ

“อะแฮ่ม”

อยู่ๆ เหยาเอ๋อก็กระแอ่มออกมา

“โกหกไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยนะในการพบเจอกันครั้งแรก”

มู่เหลียงมองไปทางลั่วจาและพูดด้วยแววตาที่ดูจริงจัง

ร่างกายของลั่วจานั้นสั่นสะท้านเมื่อถูกสายตาของมู่เหลียงจ้องมอง เธอรู้สึกราวกับถูกมองทะลุทุกอย่าง

ฮู่เตียนมองลั่วจา ด้วยความประหลาดใจปรากฏว่าที่เธอบอกคือชื่อปลอม

“งั้นขออภัย ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันชื่อจาลั่ว”

จาลั่วพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูนิ่งสงบ

เธอรู้สึกหวาดกลัวมู่เหลียงขึ้น เพราะเมื่อถูกมู่เหลียงมองราวกับไม่มีสิ่งใดปกปิดได้ แต่ทุกครั้งที่เธอมองมู่เหลียงราวกับร่างของเขาสูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เป็นหมื่นเมตร ซึ่งกดดันเธอจนแทบหายใจไม่ออก

“เอ๊…พี่ลั่วจาใช้ชื่อปลอมมาตลอดงั้นหรอ”

หลี่เสี่ยวกู่นัยน์ตาเบิกกว้างอย่างตกใจ

“ขอโทษด้วย มีเหตุผลหลายอย่างที่ฉันต้องปิดบังชื่อที่แท้จริง”

จาลั่วกล่าว

“งั้นหรอ…”

หลี่เสี่ยวกู่กระพริบตาและคิดว่าชื่อของเธอแค่สลับคำเท่านั้นเอง

“ลั่วจา จาลั่ว”

มู่เหลียงเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ ก่อนที่แววตาของเขาจะเป็นประกายและถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“คุณคืออดีตช่างฝีมือระดับสูงของเมืองแห่งอนาคตใช่ไหม”

“ท่านมู่เหลียง… รู้จักฉันด้วยงั้นหรอ”

จาลั่วมองมู่เหลียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และหรี่ตาลง

“ได้ยินมาจากสองพี่น้องอาหลี่ พวกเธอพูดถึงคุณบ่อยๆ”

มู่เหลียงตอบอย่างใจเย็น

“พี่น้องอาหลี่….หมายถึงอาหลี่เช่อกับอาหลี่ย่างั้นหรอ?”

รูม่านตาของจาลั่วเบิกกว้างขึ้น

ก่อนที่จะถามอย่างประหลาดใจ

“พวกเธออยู่ที่เมืองเต่าทมิฬด้วยงั้นหรอ”

“ใจเย็นๆ ถูกต้องแล้วพวกเธออยู่ที่นี่”

จาลั่วถอนหายใจ และพูดอย่างแผ่วเบา

“ขอบคุณสวรรค์ พวกเธอยังไม่ตาย”

ที่สองพี่น้องอาหลี่หลบหนีออกมาได้นั้นส่วนหนึ่งมาจากการช่วยเหลือของเธอ

มู่เหลียงนั่งตัวตรงและใช้นิ้วเคาะไปบนโต๊ะ

แววตาของเขาดูนิ่งสงบมากขึ้นและถามต่อ

“จาลั่ว ช่างฝีมือระดับสูงมีพลังในขั้น 8 ตอนนี้ไม่ได้เข้าร่วมกับใครใช่ไหม”

รูม่านตาของจาลั่วหดลง หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะและรู้สึกหวาดกลัวจนแทบอยากจะวิ่งหนี

ความรู้สึกที่ราวกับมองทะลุทุกอย่างมันทำให้เธอรู้สึกไม่ดี

เธอตอบด้วยน้ำเสียงแห้งๆ

“ใช่”

เหยาเอ่อเพียงกระพริบตาและไม่ส่งเสียงสัญญาณอะไรออกมา ซึ่งนั้นแปลว่าอีกฝ่ายไม่โกหก

“ที่แท้ก็มีพลังขั้น 8 มิน่าฉันถึงมองรัศมีพลังไม่ออก”

ฮู่เตียนเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเธอถึงมองรัศมีพลังของจาลั่วไม่ได้ในตอนแรก

พลังของจาลั่วนั้นสูงกว่าเธอ หากเธอคิดจะใช้มนต์สะกดกับจาลั่วละก็ เธอคงจะเจ็บตัวแทน

จาลั่วดูสีหน้าเคร่งเครียดมากและมองไปทางมู่เหลียงอย่างระมัดระวัง

“ไม่ต้องกลัวไป พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้าย”

ฮู่เตียนพูดเบาๆ

มันได้ทำให้แววตาของจาลั่วผ่อนคลายลงเล็กน้อย เธอคิดว่าจะเชื่อคำพูดนี้ได้มากน้อยแค่ไหน

มู่เหลียงเอียงหัวเล็กน้อย และะพูดเชิญชวนด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“คุณจาลั่ว ในเมื่อคุณไม่ได้ขึ้นกับใครแล้ว ไม่สนใจเข้าร่วมกับเมืองเต่าทมิฬงั้นหรอ”

“เข้าร่วมกับเมืองเต่าทมิฬ…”

จาลั่วหรี่ตาลงและครุ่นคิด

“ใช่ เมืองของเราต้องการคนมากพรสวรรค์เช่นคุณ”

มู่เหลียงพยักหน้า

“หมายถึงช่างฝีมือระดับสูง?”

จาลั่วถามกลับ

“ใช่แล้ว”

มู่เหลียงพยักหน้า

จาลั่วหันมองฮู่เตียนและมองไปทางมู่เหลียงก่อนที่จะพูดขึ้น

“แต่ในเมืองเต่าทมิฬก็มีช่างฝีมือระดับสูงอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าการรับฉันเข้าเมืองจะไม่สร้างปัญหาให้ช่างฝีมือคนนั้นงั้นหรอ”

“ปกติฉันงานยุ่งตลอดเลยไม่มีเวลาไปคิดค้นวิจัยสร้างยุทธภัณฑ์วิญญาณระดับสูง”

มู่เหลียงตอบอย่างสบายๆ

“เดี๋ยว….ท่านหมายความว่ายังไงกันแน่”

จาลั่วพูดขัดขึ้นพร้อมกับคิดตามคำพูดของมู่เหลียง

“มู่เหลียงเป็นช่างฝีมือระดับสูงคนนั้น”

ฮู่เตียนกระซิบเบาๆ

“นี้ท่านเป็นช่างฝีมือระดับสูงด้วยงั้นหรอ!”

จาลั่วอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ

“ใช่”

มู่เหลียงตอบ

แล้วจาลั่วก็ตระหนักได้ว่าในฐานะเจ้าเมืองเต่าทมิฬ คงมีหน้าที่ภาระหลายอย่างที่ต้องทำจนไม่มีเวลามาศึกษาวิจัยยุทธภัณฑ์วิญญาณแน่นอน

“พี่ลั่ว…พี่จาลั่วรับเถอะ”

แววตาของหลี่เสี่ยวกู่เป็นประกาย และมองจาลั่วด้วยความตื่นเต้น

“....”

สายตาของจาลั่วกระตุก และยื่นมือไปตบไหล่ของหลี่เสี่ยวกู่เบาๆ

“ด้วยความสามารถของคุณ หากเข้าร่วมกับเมืองเต่าทมิฬ ฉันจะให้เงินเดือน 2,000 ทมิฬต่อเดือน มีบ้านเดี่ยวเป็นของตัวเอง มีวันหยุด 8 วันต่อเดือน”

มู่เหลียงพูดอย่างใจเย็น

“2,000 ทมิฬ!”

แววตาของฮู่เตียนเบิกกว้างด้วยความตกใจ

ก่อนที่เธอจะเข้าใจได้ว่าจาลั่วมีพลังในขั้น 8 ไม่พอยังเป็นช่างฝีมือระดับสูงไม่แปลกที่จะได้ค่าตอบแทนสูงขนาดนี้

“พี่จาลั่ว!! ต้องสองพันทมิฬเลยนะเงินเดือนพี่”

หลี่เสี่ยวกู่พูดด้วยใบหน้าที่ดูอิจฉา

จาลั่วตกใจในตอนแรก ก่อนที่เธอจะตั้งสติได้

เธอยอมรับว่ามีหลายอย่างในเมืองเต่าทมิฬนั้นดึงดูดเธอมาก ทั้งค่าจ้างและสวัสดิการก็ยอดเยี่ยมจนยากที่จะไม่หลงไปกับข้อเสนอเหล่านี้

จาลั่วเงยหน้าขึ้น และพูดกับมู่เหลียงด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ฉันจะเข้าร่วมกับเมืองเต่าทมิฬ แต่ฉันขอพูดคุยเกี่ยวกับการวิจัยกับศึกษายุทธภัณฑ์วิญญาณกับท่าน”

เธออยากรู้ว่าแผ่นลิฟต์กับชุดเกราะหงส์เพลิงนั้นถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างไร

“ถ้าฉันว่าง ก็มาพูดคุยกับฉันได้ทุกเมื่อ”

มู่เหลียงยิ้มและพยักหน้า

“ท่านเจ้าเมือง ยุทธภัณฑ์ของฉันถูกเก็บอยู่ ได้โปรดให้ใครนำมาให้ฉันทีได้ไหม”

จาลั่วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อน และยิ้มบางๆ

“ได้….เมื่อยอมทำพันธะสัญญากับฉันแล้ว ฉันจะให้คนเอามาส่งไว้ที่บ้านให้”

มู่เหลียงตอบพร้อมกับยิ้มเล็กๆ

อีกฝ่ายยอมทุกอย่างแล้วนั้นแปลว่าเธอได้เข้าร่วมกับเมืองเต่าทมิฬแล้ว

หลังจากนั้นมู่เหลียงก็แอบถอนหายใจ ในที่สุดเขาก็ไม่จำเป็นต้องมาสร้างยุทธภัณฑ์ระดับสูงเองแล้ว และมีเวลาไปทำอย่างอื่น

หลี่เสี่ยวกู่มองมู่เหลียงอย่างกระตือรือร้น และพูดอย่างแผ่วเบา

“ถ้างั้นฉันขออาศัยอยู่ที่เขตเมืองชั้นในได้ไหมค่ะ”

“เธอสามารถอยู่กับจาลั่วได้หากเธอยินยอม”

มู่เหลียงยิ้มและตอบ

“น้องหลี่มาอยู่กับพี่ก็ได้”

จาลั่วยิ้ม

“เย้ พี่จาลั่วใจดีที่สุด”

หลี่เสี่ยวกู่กระโดดขึ้นอย่างดีใจและเข้าไปกอดจาลั่วเอาไว้

“อย่าเสียมารยาท ท่านเจ้าเมืองยังอยู่ตรงนี้”

จาลั่วดุพร้อมกับรอยยิ้ม

“ฮู่เตียน พาทั้งสองไปยังที่พัก ให้พวกเธออาศัยอยู่ที่ชั้นเจ็ด”

มู่เหลียงกล่าวเบาๆ

ที่ชั้นเจ็ดเป็นพื้นที่ของโรงงานยุทธภัณฑ์วิญญาณ

“รับทราบ”

ฮู่เตียนตอบด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์

หลังจากนั้นเธอก็มองไปยังจาลั่วกับหลี่เสี่ยวกู่

“ตามฉันมา”

“ท่านเจ้าเมืองพวกเราขอลา”

จาลั่วโค้งคำนับให้อย่างสุภาพ

“ท่านมู่เหลียง ไว้พบกันใหม่ค่ะ”

หลี่เสี่ยวกู่โค้งคำนับอย่างสุภาพและตามฮู่เตียนไปอย่างรวดเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด