ตอนที่แล้วตอนที่ 421 พลังปราบปราม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 423 ที่มาของความมั่นใจของอสูรอมตะ

ตอนที่ 422 พันธมิตรหมื่นเกาะ (ฟรี)


ตอนที่ 422 พันธมิตรหมื่นเกาะ

ที่ฮุ่ยคงทำเช่นนี้ก็เพราะเขาเห็นว่าสาวกของโบสถ์อัคคีต่างเป็นเหมือนกลุ่มคนวิกลจริต

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสาวกโบสถ์อัคคีบ้าคลั่ง และต้องการสู้จนตายกับพวกเขา?

แม้โบสถ์เหมันต์บอกว่าจะช่วยหยุดจ้าวโบสถ์อัคคีเอาไว้

แต่ฮุ่ยคงไม่ชอบการฝากความหวังไว้กับคนอื่น

ซูหยางก็ไม่ชอบสิ่งนี้เช่นกัน

พวกเขาจึงเลือกวิธีประนีประนอม

ทำสิ่งต่างๆ ต่อไป แต่ไม่หยิ่งผยองจนเกินไป

พวกเขามาที่นี่เพื่อยึดครองดินแดน และรับทรัพยากรมากขึ้น ไม่ใช่เพื่อสู้จนตายกับคนอื่น

หากพวกเขาต้องการต่อสู้ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมาถึงที่นี่เลย

พวกเขาต้องการทรัพยากรมากขึ้น และไม่ต้องการจมอยู่กับความวุ่นวายระหว่างโบสถ์ทั้งสอง

ถ้าครั้งนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ท่ามกลางอีกฝ่าย ปัญหามากมายก็คงจะไม่เกิด

หลายครั้งที่หลายสิ่งไม่มีทางเลือกมานัก แม้จะไม่ต้องการแต่ก็ต้องฝืน

หากถูกบังคับ ก็ทำอะไรไม่ได้มาก

โชคดีที่ในท้ายที่สุด ทุกอย่างก็จบลงอย่างมีความสุข

แม้ว่าจะปัญหาในระหว่างทาง มีการขึ้นๆ ลงๆ แต่เรื่องเหล่านี้ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่ยอมรับได้

ด้วยเหตุนี้ ฐานที่มั่นที่สองที่นำโดยฮุ่ยคงจึงสามารถเริ่มขยายดินแดนได้ตามปกติ

ไม่มีอิทธิพลจากสองโบสถ์อีกต่อไป

ซูหยางไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องทางด้านนี้

เมื่อเทียบกับที่นี่ ซูหยางอยากรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลหยวนมากกว่า

ตอนนี้เขาได้มอบค่ายกลดาบให้กับเย่เจียงแล้ว

ด้วยพลังของค่ายกลดาบ กลุ่มศิษย์ที่นำโดยเย่เจียงจึงไม่มีปัญหาในการยึดครองเหมืองหินต้นกำเนิดที่อยู่ใต้ก้นทะเลในอาณาเขตของเกาะเต่ายักษ์

ไม่นาน พวกเขาก็ยึดครองเหมืองขนาดใหญ่ทั้งสามได้สำเร็จ

เพียงโยนค่ายกลดาบระดับสองออกไป สัตว์อสูรกลุ่มใหญ่ก็ถูกสังหารอย่างง่ายดาย

แม้แต่สัตว์อสูรระดับจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุดก็ยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีระดับนี้ได้

แต่หลังจากครอบครองเหมืองหินต้นกำเนิดขนาดใหญ่ทั้งสามแล้ว

เย่เจียงก็ต้องพิจารณาขยายดินแดนออกไปด้านนอก

ท้ายที่สุดแล้ว เหมืองทุกแห่งในอาณาเขตของเกาะเต่ายักษ์ได้ถูกเขาครอบครองไปแล้ว

หากต้องการมากกว่านี้ก็ต้องบุกรุกอาณาเขตของเจ้าเกาะคนอื่นๆ เท่านั้น

หากขยายตัวต่อไปก็ต้องมีแผนที่ๆ ใหญ่ขึ้น ตอนนี้ พวกเขายังไม่เข้าใจสถานการณ์ในพื้นที่อื่นๆ หากอยากรู้สถานการณ์ก็ต้องลองไปพบเจ้าเกาะเต่ายักษ์ดู

หลังจากเข้าใจสถานการณ์ที่พวกตนกำลังเผชิญอยู่ เย่เจียงก็ไม่ลังเล และออกเดินทางไปยังเกาะเต่ายักษ์

เกาะเต่ายักษ์

เมื่อเจ้าเกาะเต่ายักษ์ได้ยินว่าเย่เจียงกำลังจะมาเยี่ยมเยือนเขา เขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกว่าตนไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับคนเหล่านี้ ไม่ต้องพูดถึงนิกายอมตะต้าเซี่ย

การที่อีกฝ่ายมากเยี่ยมเยือนเขาถึงที่ มีแผนการอะไรกันแน่?

แต่ตอนนี้ เมื่ออีกฝ่ายมาถึงประตูแล้ว หากไม่ต้อนรับก็จะดูไม่ดี ยังไงซะ ผู้นำของอีกฝ่ายก็ยังแข็งแกร่งกว่าเขา

หลังจากคิดเรื่องนี้อย่างชัดเจนแล้ว เจ้าเกาะเต่ายักษ์ก็ขอให้คนของตนพาเย่เจียงมาพบ

เขาเหล่ตามองไปที่เย่เจียงด้านล่าง และพูดช้าๆ "ที่เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรงั้นรึ?"

หลังจากได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแล้ว เย่เจียงก็ไม่ได้ปิดบังอะไร และระบุวัตถุประสงค์ที่เขามาที่นี่โดยตรง

“ที่ข้ามา ก็เพราะเราได้กำจัดสัตว์อสูรในทะเลแถบนี้ไปจนหมดแล้ว และได้ยึดครองเหมืองหินต้นกำเนิดจนครบทุกแห่ง ดังนั้นข้าจึงอยากรู้ว่ามีพื้นที่ใดรอบๆ ที่ยังไม่มีเจ้าของ และเหมาะสำหรับการพัฒนาหรือไม่?”

คำพูดของเย่เจียงทำให้เจ้าเกาะเต่ายักษ์ตกใจ

ชายคนนี้กำลังพูดว่าอะไรนะ? เขาบอกว่านิกายอมตะต้าเซี่ยได้จัดการกับสัตว์อสูรในทะเลแถบนี้ไปจนหมด และครอบครองเหมืองทุกแห่งแล้วงั้นเหรอ

นี่เป็นไปได้ยังไง?

ปฏิกิริยาแรกของเจ้าเกาะเต่ายักษ์คือ การไม่เชื่อ เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาถึงว่าสัตว์อสูรเหล่านั้นแข็งแกร่งเพียงใด แม้ว่าสัตว์อสูรระดับจ้าวแห่งเต๋ากลาง และขั้นสูงจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่ยังมีสัตว์อสูรระดับจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุดอีก 3 ตัว ศัตรูระดับนี้ยากที่จะจัดการ

แม้ว่าจะเป็นเขาที่ลงมือด้วนตัวเองเขาก็คงทำอะไรไม่ได้เลย และอาจเป็นฝ่ายถูกล่าแทน

แต่ตอนนี้ศิษย์นิกายอมตะต้าเซี่ยคนนี้วิ่งมาหาเขา และบอกเขาว่า นิกายอมตะต้าเซี่ยได้กำจัดสัตว์อสูรไปจนหมดแล้ว

นี่ไม่ใช่การตบหน้าเขาหรอกเหรอ?

หากนิกายอมตะต้าเซี่ยสามารถจัดการกับสัตว์อสูรที่เขาไม่สามารถจัดการได้ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเขา

ไม่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เป็นความถูกต้องของเรื่องนี้ หากเป็นเรื่องจริง ค่อยคิดก็ยังไม่สาย

เจ้าเกาะเต่ายักษ์ค่อยๆ ส่ายหัวก่อนที่จะเข้าใจประเด็นสำคัญ ไม่ใช่ว่ามันเป็นการตบหน้า แต่เป็นความจริงของเรื่องนี้

เขามองเย่เจียงด้วยใบหน้าที่จริงจัง และพูดอย่างเคร่งเครียด "สิ่งที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? เจ้าแน่ใจหรือว่าสัตว์อสูรที่อยู่ใต้ทะเลได้ถูกกำจัดไปแล้ว รวมถึงสัตว์อสูรระดับจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุดด้วย"

“ไม่ใช่ว่าแค่จัดการกับสัตว์อสูรบางตัวแล้วมาบอกข้าว่าจัดการพวกมันไปจนหมดสิ้นแล้ว”

เย่เจียงยิ้ม และพูด "ไม่มีความจำเป็นที่ข้าต้องโกหก สัตว์อสูรในทะเลแถบนี้รวมถึงสัตว์อสูรระดับจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุดได้ถูกกำจัดไปแล้ว"

“ถ้าเจ้าไม่เชื่อก็ส่งคนไปตรวจสอบดูได้”

หลังจากได้ยินคำยืนยันของเย่เจียง การแสดงออกของเจ้าเกาะเต่ายักษ์ก็ดูซับซ้อนเล็กน้อย เขาดูผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็มีความสุขเล็กน้อยเช่นกัน

สิ่งที่แน่นอนก็คือ เขาดีใจที่ตนไม่ใช่ศัตรูของนิกายอมตะต้าเซี่ย เมื่ออีกฝ่ายสามารถจัดการสัตว์อสูรระดับนั้นได้ก็ควรจะสามารถจัดการกับเขาได้เช่นกัน

โชคดีที่เขาเลือกที่จะยอมถอยในตอนแรก แม้ว่าจะดูไม่ค่อยดีนัก แต่อย่างน้อยก็ยังรักษาชีวิตของตนไว้ได้

สำหรับคำร้องขอของเย่เจียงที่ให้เขาส่งคนไปสอบสวน นั่นไม่จำเป็น

ไม่น่าเรื่องนี้ก็จะถูกเปิดเผย ดังนั้นเย่เจียงจะไม่กล้าโกหกเขาอย่างแน่นอน หากเขาโกหก เขาก็ควรรู้ผลที่ตามมา ท้ายที่สุดคนที่เขากำลังโกหกคือ จ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุด

ยิ่งไปกว่านั้น คำโกหกนี้สามารถถูกเปิดเผยได้ไม่ยาก และสามารถรู้ความจริงได้ด้วยการตรวจสอบเพียงเล็กน้อย และการหลอกลวงครั้งนี้ก็ไม่ให้ประโยชน์ใดๆ

เจ้าเกาะเต่ายักษ์จึงโบกมือแล้วพูดว่า "เอาล่ะ ที่เจ้ามาหาข้า และต้องการรู้ว่าทะเลแถบใดยังไม่ถูกสำรวจนั้นก็เพราะต้องการครอบครองเหมืองหินต้นกำเนิดให้ได้มากขึ้นใช่หรือไม่?"

เย่เจียงพยักหน้า และตอบว่า "ใช่ นั่นเป็นความคิดของข้าจริงๆ และนี่ก็เป็นความคิดของเจ้านิกายของข้าด้วย"

"พูดตามตรง เหตุผลที่เราสามารถจัดการกับสัตว์อสูรระดับจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุดทั้งสามได้นั้นก็ต้องขอบคุณค่ายกลดาบที่เจ้านิกายมอบให้"

“พลังของค่ายกลดาบนี้ทรงพลังมากจริงๆ มันสามารถสังหารสัตว์อสูรระดับจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ทิ้งกระดูกหรือเศษซากใดๆ เลย”

“ถ้าเจ้าต้องการ เราก็สามารถเอาให้ดูได้ เจ้านิกายได้อนุญาตข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว”

ใบหน้าของเจ้าเกาะเต่ายักษ์แข็งค้าง บัดซบ นี่เป็นการข่มด้วยพลัง

แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้

เขาจึงเปลี่ยนทัศนคติ และยิ้มอย่างใจดี

“ไม่จำเป็น เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ ที่นิกายของเจ้าสามารถเชี่ยวชาญวิธีการดังกล่าวได้”

“ด้วยเหตุนี้ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าจะสามารถแสดงพลัง และครอบครองเหมืองหินต้นกำเนิดได้มากขึ้นอย่างแน่นอน”

“เนื่องจากนิกายของเจ้าต้องการแผนที่ ตัวข้าในฐานะสหายก็ต้องให้ความช่วยเหลือ รอสักครู่เดี๋ยวข้าจะให้คนไปคัดลอกแผนที่มาให้”

เมื่อเห็นทัศนคติที่เปลี่ยนไปของเจ้าเกาะเต่ายักษ์ เย่เจียงก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ แน่นอนว่าอีกฝ่ายคงไม่อพใจนัก

แต่ภายนอกก็ยังคงสุภาพมาก

เขาจึงกุมมือขึ้นแล้วพูดว่า "ขอบคุณ"

เจ้าเกาะเต่ายักษ์ใช้เวลาไม่นานก็ส่งแผนที่ให้เขา หลังจากที่เย่เจียงได้รับแผนที่ เขาก็บอกลาอีกฝ่าย และจากไปเมื่อได้รับสิ่งที่ต้องการ ด้วยแผนที่ๆ อยู่ในมืออะไรๆ ก็จะง่ายขึ้นมาก

เจ้าเกาะเต่ายักษ์มองไปยังทิศทางที่เย่เจียงหายลับตาไป เขาหรี่ตาลง ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หยิบโทเค็นพิเศษออกมา

ด้านหน้าของโทเค็นเป็นหมู่เกาะ กระจายตัว แต่ไม่ห่างกันมากนักมีทะเลบางส่วนคั่นกลาง มันดูลึกลับ และน่าเกรงขาม

ที่ด้านหลังของโทเค็นสลักคำสามคำเอาไว้ พันธมิตรหมื่นเกาะ

นี่เป็นขุมพลังอันดับหนึ่งของทะเลหยวน

ตราบใดที่เกาะมีขนาดใหญ่พอ และมีจ้าวแห่งเต๋า พวกเขาจะต้องเข้าร่วมพันธมิตรหมื่นเกาะ ไม่มีทางเลือกอื่น

มีเหตุผลบางประการสำหรับเรื่องนี้ แต่สิ่งนี้เหมือนกฎที่ถูกตราไว้ ดังนั้น สิ่งที่เจ้าเกาะเต่ายักษ์กำลังทำอยู่ตอนนี้คือ การรายงานเรื่องของนิกายอมตะต้าเซี่ย สำหรับท่าทีของอีกฝ่ายนั่นเขาไม่สนใจ ข้าอยากมีชีวิตที่มั่นคง และไม่อยากให้อะไรเกิดขึ้น

“เฮ้อ... ข้าแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุข ทำไมถึงมีปัญหามากมายเกิดขึ้นตลอด?”

เจ้าเกาะเต่ายักษ์รู้สึกหมดหนทางเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีวันผ่อนคลาย และล้มเหลวในทำตัวให้สมกับเป็นเชื่อเกาะที่เขาตั้งขึ้น

เต่ายักษ์ วิถีชีวิตของเต่านั้นควรเรียบง่าย และสงบสุขไม่ใช่เหรอ?

สายตาของเขาจ้องมองออกไปในระยะไกลพร้อมกับความรู้สึกหดหู่ที่อยู่ในใจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด