บทที่ 8 ซีซาร์
บทที่ 8 ซีซาร์
หลายปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว...
โรบินอายุ 120 ปีแล้ว ผมของเขาหงอกไปทั้งหัวและมีริ้วรอยเต็มใบหน้า แต่ร่างกายยังคงแข็งแรง และดวงตายังคงจดจ่อ
เขาสามารถบรรลุผลสำเร็จบางอย่างบน “เส้นทางแห่งความจริง” ได้เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งทำให้เขาสามารถดำเนินสิ่งที่เขาทำต่อไปได้อย่างราบรื่น ในช่วงเวลานี้ จำนวนกฎรองที่เขาค้นพบนั้นมีถึง 131 ข้อ และเขายังเชี่ยวชาญในระดับแรกของกฎรองอีกหลายข้อด้วย
อัตราความสำเร็จของเขาในการค้นพบกฎและเปิดเผยความจริงของพวกมันนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่นานมานี้ นี่ทำให้โรบินมั่นใจว่าเขากำลังอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง..
..โรบิน อ้าปากหาว หลังจากที่เขาเขียนบันทึกบางอย่างลงในม้วนหนังสือแล้วก็โยนมันไป จากนั้นเขาก็ยืดร่างกายที่แก่ชราของเขา และเดินออกมาจากถ้ำ สูดหายใจให้เต็มปอด ก่อนจะลงไปเดินเล่นตามปกติในทุกๆ สองสามวันของเขา...
หลังจากผ่านไปไม่กี่ก้าว เสียงสัตว์ร้ายและนกก็เริ่มสะท้อนไปทั่วหุบเขา พวกมันรู้ว่าเงาแห่งความตายเริ่มเคลื่อนไหว นี่คือระบบเตือนภัยที่เหล่าสัตว์ร้ายสร้างขึ้นร่วมกัน ด้วยความที่เป็นสัตว์ร้ายต่างสายพันธุ์ คงไม่มีใครคาดหวังว่าพวกมันจะร่วมมือกันได้ แต่การคงอยู่ของโรบินนั้นบังคับให้พวกมันต้องร่วมมือกันเพื่อให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเขา
“เงียบ! วันนี้ฉันต้องการเนื้อนกยูงเลือด ไม่งั้นฉันจะเปลี่ยนใจ! ....เฮ้ แก น่ะ นกยูงเลือดอยู่ไหน โรบินตะโกนสุดเสียงแล้วชี้ไปที่กอริลลายักษ์ใกล้ๆ จนทำให้มันตกใจและชี้ไปในทิศทางหนึ่ง
สัตว์ร้ายทั้งหมดสงบลงทันทีเมื่อรู้ว่าพวกมันรอดชีวิตไปได้อีกวัน ยกเว้นเสียงร้องโหยหวนจากนกยูงเลือดใกล้ๆ ซึ่งแม้จะฟังดูไม่รู้เรื่องแต่มันก็เหมือนมันจะสาปแช่งกอริลลายักษ์ตัวนั้นก่อนที่มันจะบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
โรบินหัวเราะกับฉากนั้นแล้วเริ่มไล่ตามนกยูงเลือด... ถึงแม้ว่าเขาจะถูกมองว่าแก่แล้วและยังอยู่แค่ระดับสิบ แต่ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าระดับสิบสามก็ไม่มีทางฝันที่จะตามเขาได้เลย เพราะจำนวนกฎที่เขารู้และเชี่ยวชาญนั้นมีจำนวนที่ไม่มีใครคาดคิดนั่นเอง
เขาไล่ตามนกยูงเลือดระดับ 10 จนกระทั่งเขาเข้าใกล้เขตแดนของเขตสัตว์ร้ายรอบนอก เขาก็ได้ยินเข้ากับเสียงเด็กทารกกำลังร้องไห้ห่างออกไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร... 'ถึงแม้จะอยู่ที่ชายขอบเขตแดน แต่ที่นี่เป็นเขตหวงห้ามอยู่ดี มีเสียงเด็กทารกอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน'
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพบเจอมนุษย์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ช่วยเหลือเหล่านักล่ามากมายและให้คำแนะนำแก่นักผจญภัยรุ่นเยาว์หลายคน แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงทารก
โรบินหยุดอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งและมองไปในทิศทางของเสียง ซึ่งทำให้นกยูงมีโอกาสที่จะถอยห่างออกไปอย่างปลอดภัย มันร้องด้วยความตื่นเต้น แล้วหันมาชูขนกลางปีกให้โรบิน
“ฉันจะเอาขนของแกมาทำหมอนเร็วๆ นี้แหละ” ประโยคนั้นจากโรบินทำให้มันกลับมาตั้งสติและพุ่งหนีไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มที่
ส่วนโรบินนั้น เขาหันกลับไปมองที่เสียงร้องไห้ของเด็กทารกอีกครั้งและพยายามเข้าไปใกล้ต้นตอของเสียงอย่างเงียบๆ เขาพบเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถือตะกร้าที่มีเด็กทารกอยู่และกำลังวางมันลงเบาๆ ใต้ต้นไม้ใหญ่
.....ขอโทษลูกนะ แม่รู้ว่านี่เป็นความผิดต่อลูก แต่พ่อของลูกหย่ากับแม่และแม่เลี้ยงลูกคนเดียวไม่ได้... แม่ขอโทษ… แม่ขอโทษ
แววตาของโรบินฉายฉายจิตสังหารออกมา แต่เขาก็ระงับมันลงอย่างรวดเร็ว ประสบการณ์ได้บอกเขามาตลอดว่าชีวิตของมนุษย์นั้นยากลำบากเพียงใด... ผู้หญิงแบบนี้ ถึงแม้ว่าเธอจะหาเงินได้มากพอที่จะเลี้ยงดูลูกของเธอ แต่เธอก็คงจะไม่สามารถปกป้องเขาจนโตได้ มีโอกาสสูงที่เขาจะถูกจับไปและกลายเป็นทาส
ดังนั้นการตัดสินใจที่จะป้อนเด็กให้กับสัตว์ป่าจึงถือว่าฉลาดที่สุด ในขณะที่เขากำลังมองดูเด็กอย่างสงบพลางคิดว่าจะทำอย่างไร หมูป่าตัวใหญ่ที่มีดวงตาสีแดงก่ำก็เข้ามาใกล้เด็กทารกแล้ว
โรบินเคยชินกับการเห็นเลือดและรู้ว่าโลกโหดร้ายแค่ไหน แต่เขาก็ทนดูไม่ไหวอีกต่อไป "ไปให้พ้นนะเจ้าอ้วน ก้อนเนื้อนั้นเป็นของฉัน!"
หมูป่าตกใจเมื่อได้ยินเสียงของเงาแห่งความตายและวิ่งหนีไปยังอีกฝั่งโดยไม่หันมามอง
และเมื่อเฝ้ามองได้พักใหญ่ โรบินก็กระโดดลงจากต้นไม้แล้วเดินไปหาเด็กทารก อุ้มเขาขึ้นมา พบว่าเป็นเด็กชาย “ฉันคิดว่าฉันต้องการใครสักคนมาทำความสะอาดถ้ำให้ฉัน มันจะทำให้ฉันมีเวลาทำวิจัยมากขึ้น” เขาพูดมันออกมาแม้เขาจะรู้ว่าคำพูดที่รุนแรงเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขารู้สึกจริงๆ
ดูเหมือนว่าสวรรค์จะสงสารความเหงาของฉันในที่สุด และส่งเด็กน้อยคนนี้มาปลอบโยนฉันในช่วงสุดท้ายของชีวิต..
----------------
อีกสิบปีผ่านไป..
โรบินอายุได้ 130 ปีแล้ว และกำลังจะสิ้นสุดชีวิตของเขา เคราของเขายาวขึ้นและขาวขึ้น และหลังของเขาเริ่มโก่งงอเล็กน้อย แต่ความเร็วในการค้นพบและวิเคราะห์กฎนั้นเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เขาค้นพบกฎรองมากกว่า 50 ข้อและเชี่ยวชาญกฎใหม่อีก 3 ข้อ
นี่คือผลลัพธ์จากความสำเร็จของเขาในเส้นทางแห่งความจริง ซึ่งเปิดประตูใหม่ๆ ให้เขามากมาย ทว่าเส้นทางนั้นเองยังคงมีกำแพงโปร่งใสที่เขาไม่สามารถทะลุผ่านได้ แต่สิ่งนี้ไม่สำคัญกับเขาอีกต่อไป.. เขาได้ยอมรับความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเขาแล้ว.. สิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้จะเป็นมรดกของเขา แจกจ่ายให้มนุษย์หลังจากที่เขาตายเพื่อนำไปใช้และทำให้ชื่อของเขามีชีวิตอยู่ตลอดไป... นั่นก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
และภารกิจในการแจกจ่ายม้วนหนังสืออันล้ำค่าเหล่านี้ ตกอยู่บนบ่าของซีซาร์ตัวน้อย ซีซาร์วัยสิบขวบ ที่ได้ก้าวขึ้นสู่ระดับหกของการบ่มเพาะพลังงานแล้ว เขากำลังยืนอยู่ข้างโต๊ะของโรบินภายในถ้ำ โรบินมองเขา “ทำไมแกมาอยู่ที่นี่ล่ะ ฉันไม่ได้บอกแกไปจับงูตาแดงเหรอ”
“แล้วก็ไปลอกหนังมันให้ดีนะ ฉันไม่ต้องการให้มีรอยตัดบนหนัง ไม่งั้นเราจะเสียเงินเยอะตอนขายมัน”
“เสร็จแล้ว” ซีซาร์น้อยยิ้มและเงยคอขึ้นราวกับว่าเขาได้ช่วยโลกไว้
โรบินมองเด็กหนุ่มตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจและลูบศีรษะของเขา เด็กคนนี้ไม่รู้จักความหมายของวัยเด็ก เขาเติบโตในถ้ำล้อมรอบด้วยสัตว์ร้าย โรบินสอนศิลปะการต่อสู้ให้เขาตั้งแต่อายุสองขวบ และตลอดเวลาเขาได้ถ่ายทอดความรู้ทั้งหมดที่รวบรวมมาตลอดศตวรรษให้เขา
ตัวอย่างเช่น กฎที่ใช้เพิ่มความฉลาดของเขา และอีกกฎหนึ่งที่เร่งการดูดซึมพลังงานรอบตัว แม้กระทั่งสอนเทคนิคหนึ่งในกฎรองแห่งไฟซึ่งทำให้เขาเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดตัวเล็กเลยทีเดียว... แม้แต่เขาที่เกิดมาเป็นอัจฉริยะก็ไม่มีความแข็งแกร่งเท่านี้ตอนอายุเท่านี้
สิ่งที่ช่วยในการเติบโตของซีซาร์ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นคืออำนาจของ *พ่อ*ของเขา โรบินได้สั่งสัตว์ป่าในป่าไม่ให้โจมตีซีซาร์เว้นแต่จะอยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่า
เมื่อฟังซีซาร์น้อยเล่าให้เขาฟังว่าได้เจอเหยื่อตัวยักษ์ทีเขาเคยล่ามาก่อน แล้วโจมตีมันอย่างรุนแรง จนมันล้มลงกับพื้น ซีซาร์โบกมือเล็กๆ ไปมาตลอดเวลาขณะที่เล่า ส่วนโรบินบางครั้งก็แสร้งทำเป็นประหลาดใจ และหัวเราะออกมาเสียงดังกับเรื่องเล่าของเด็กน้อยคนนี้.. เขารักเด็กคนนี้มากจริงๆ น่าเศร้าที่อายุ 130 ปีของเขาทำให้เขาต้องจากไปในไม่ช้าแล้ว