บทที่ 2 ชีวิตชั่วร้าย
บทที่ 2 ชีวิตชั่วร้าย
“โรบิน ท่านผู้นำอยากเจอเธอ… หือ เกิดอะไรขึ้นที่นี่รึเปล่า” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน และเมื่อพวกเขามองไปก็พบชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราหนาเดินตรงมาหาพวกเขา
“ไม่มีอะไรหรอกท่านลุง.. ผมจะไปหาท่านผู้นำเดี๋ยวนี้แหละครับ ขอตัวก่อนนะครับ ท่านพ่อ” โรบินพูดพลางยิ้มอยู่ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเรือนของท่านผู้นำตระกูล ทิ้งให้พ่อขี้เมาของเขายืนกัดฟันอยู่ข้างหลัง
ตลอดทาง เขาไม่หยุดพยักหน้าให้กับทุกคนที่พบ พวกเขาทั้งหมดทักทายเขาในรูปแบบต่างๆ ผู้ใหญ่พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม หนุ่มๆ ทักทายเขาด้วยเสียงดัง และบางคนที่อ่อนแอกว่าก็ก้มศีรษะลงต่อหน้าเขา..
...…..
โรบินเดินเข้าไปด้านในและมองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ยังคงดูยิ่งใหญ่ในสายตาของเขาเช่นเดิม มันตกแต่งด้วยหัวสัตว์และของโบราณราคาแพง
ตรงกลางห้อง มีชายชราผู้ยิ้มแย้มนั่งอยู่หลังโต๊ะและมองมายังเขา "ยินดีต้อนรับโรบิ้น การได้พบกับเจ้านั้นยากเหมือนเดิมเลย.. ฮ่าๆ แต่ก็ช่างเถอะ ดีใจด้วยที่เจ้าขึ้นไปถึงระดับสิบแล้ว มาสิๆ นั่งลงก่อน... ข้าว่าเราต้องคุยกันเสียหน่อย”
“ท่านผู้นำ ถ้าท่านตั้งใจจะชักชวนให้ผมเข้าร่วมการแข่งขัน ผมขอร้องล่ะครับ อย่าทำเลย ท่านจะเสียเวลาเปล่าๆ”
“การแข่งขันหรอ เจ้าจำเป็นต้องเข้าร่วมการแข่งขันอะไรนั่นด้วยหรือไง แม้ว่าเจ้าจะไม่ไป ใครจะกล้าพูดว่าเขาเก่งกว่าเจ้ากันล่ะ ถ้าเจ้าอยากได้ทองคำพันเหรียญหรือทาสสิบคน ข้าจะหาให้เจ้าตอนนี้เลยก็ยังได้”
“ขอบคุณครับ ค่าตอบแทนรายเดือนของผมมากกว่าที่ผมต้องการแล้ว” โรบินกล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ ขณะนั่งอยู่ตรงหน้าผู้นำตระกูล
“เหอะ เจ้านี่เป็นแบบนี้ตลอดเลยนะ เงินเดือนของเจ้าสูงกว่าทหารรับจ้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำไมไม่ให้ข้าช่วยเพิ่มมันให้เจ้าล่ะ เจ้าขึ้นมาถึงระดับนี้ได้โดยแทบจะไม่มีการสนับสนุนเลย ข้านี่ขนลุกทุกครั้งที่นึกถึงความสำเร็จของเจ้า ถ้าเจ้ายอมให้ข้าเททรัพยากรทั้งหมดของตระกูลเราลงไปในการฝึกฝนของเจ้าล่ะก็..”
“แต่แบบนั้นจะทำให้ผมเป็นหนี้ตระกูลตลอดไป.. ผมไม่ชอบเป็นหนี้”
ผู้นำตระกูลเงียบไปและมองมาที่โรบินเป็นเวลานานโดยไม่รู้จะพูดอะไร... นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บทสนทนานี้เกิดขึ้น เขามักพยายามเริ่มต้นหัวข้อนี้ใหม่เสมอโดยหวังว่าบางทีผลลัพธ์อาจจะแตกต่างออกไป
หากพูดให้ถูกต้อง พวกเขาไม่ได้สนับสนุนโรบินด้วยสิ่งใดนอกเหนือจากเบี้ยเลี้ยงรายเดือนธรรมดาและเทคนิคปกติที่พวกเขาสอนให้กับทาส
แต่กลับกันโรบินได้ชำระหนี้ของเขาไปแล้วด้วยเงินส่วนเกินจำนวนมาก เพียงแค่การปรากฏตัวและชื่อเสียงของเขา มันมีส่วนช่วยอย่างมากในการอำนวยความสะดวกให้กับตระกูลนี้
ด้วยเหตุนี้หัวหน้าตระกูลจึงอยากหาโอกาสเทเงินและทรัพยากรให้เขาเสมอ แต่โรบินกลับปฏิเสธเสียเอง ซึ่งทำให้เขาคลั่งคิดไปว่าทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้ เป็นเพราะพ่อโง่เง่าของโรบินทำให้เขาสูญเสียความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอย่างนั้นหรือ หรือเพราะความภาคภูมิใจในฐานะอัจฉริยะกัน หรือจะเป็นทั้งสองอย่าง..
สิ่งที่โรบินแสดงออกมานั้นคือพรสวรรค์ล้วนๆ.. เขาไม่ได้มีครูสอนพิเศษหรือค้นพบเทคนิคพิเศษใดๆ แต่เขามีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ซึ่งทำให้เขาสามารถค้นพบเส้นทางที่ถูกต้องได้เร็วกว่าคนอื่น
“อืม.. ก็ตามที่เจ้าต้องการก็แล้วกัน แต่ที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเส้นทางในอนาคตของเจ้า... เจ้าน่ะมาถึงระดับที่สิบแล้ว เจ้าจะต้องเลือกกฎสวรรค์รองเพื่อสร้างเสาหลักสำหรับระดับต่อไป เจ้าเลือกอะไรล่ะ”
“…ยังครับ”
“หมายความว่าอะไร ยังงั้นหรอ ผู้ฝึกฝนบ่มเพาะพลังงานต่างเลือกเส้นทางของพวกเขาตั้งแต่ระดับที่ห้าและเริ่มการเตรียมมาตั้งแต่ตอนนั้น.. แล้วทำไมเจ้าถึง.. เจ้าต้องการกฎใดหรือ ข้าจะให้คนไปหาเทคนิคการบ่มเพาะนั้นมาให้เอง”
“เอ่อ.. ผม ผมไม่ต้องการเลือกกฎสวรรค์รองของเรา”
“หมายถึงอะไร เจ้าไม่ชอบกฎที่เรามีอยู่งั้นเหรอ แล้วเจ้าอยากได้กฎใดกัน ข้าจะลองดูให้ว่าจะหามาให้ได้ไหม”
โรบินสูดหายใจลึกๆ แล้วพูดสิ่งที่ยากลำบาก “ผม... ผมต้องการค้นพบมันด้วยตัวเอง” เขากล่าวพลางคิดว่า.. ช่วงเวลาที่เขากลัวมากที่สุดนั้นมาถึงแล้ว..
หัวหน้าตระกูลตาโตเต็มที่แล้วตะโกน "อะไรนะ เจ้าพูดว่าอะไรนะ การค้นพบกฎและการสร้างเทคนิคการบ่มเพาะเป็นหน้าที่ของนักปราชญ์นู่น แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติในการทำเช่นนั้นเลย"
เมื่อได้ยินคำพูดของโรบิน ผู้นำตระกูลก็แทบจะคลั่งไปทันที
โลกนี้มีเส้นทางแห่งสวรรค์มากมาย และเส้นทางสวรรค์แต่ละเส้นทางประกอบด้วยกฎหลักหนึ่งข้อและกฎรองมากมาย
ตัวอย่างเช่น เส้นทางแห่ง “น้ำ” มีกฎหลักข้อหนึ่งซึ่งเรียกชื่อเหมือนกับเส้นทางของมัน คือ “น้ำ” ในขณะที่สิ่งต่างๆ เช่น น้ำค้าง น้ำพุ และน้ำฝน ถือเป็นกฎรอง และโดยพื้นฐานแล้วมันมีอีกมากมายนับไม่ถ้วน
จากการศึกษาและการฝึกเทคนิคในการควบคุมกฎ พลังของนักสู้ที่ใช้กฎแห่งสวรรค์นี้จะเพิ่มตามความเข้าใจและความเคยชินในการฝึกฝนกฎนั้นๆ
แท้จริงแล้ว มีกฎมากมายที่ยังไม่ได้ถูกค้นพบ แต่มันเป็นหน้าที่ของปราชญ์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแห่งโลก พวกเขามีความรู้ อำนาจ และเวลาที่จำเป็นในการไตร่ตรองโลก พวกเขาจึงสามารถระบุกฎ ศึกษามันอย่างเต็มที่ จากนั้นส่งต่อเทคนิคการใช้กฎเหล่านั้นให้กับผู้ติดตามหรือกองกำลังที่พวกเขาสร้างขึ้น
ตัวอย่างเช่น กษัตริย์องค์ปัจจุบันแห่งอาณาจักรแบล็คซัน เขาใช้เวลาหลายสิบปีในการค้นพบกฎรองสองข้อ: เศษไฟ และ แสงสะท้อน
แต่เด็กที่ยังไม่ได้สร้างเสาหลักของตัวเองกลับต้องการค้นพบกฎของตัวเองหรือ เขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน และหากเขาได้ยินจากใครสักคน เขาจะบอกให้คนๆนั้นไปให้พ้นหน้า เพราะนี่มันเป็นไปไม่ได้เลย
“หยุดความไร้สาระของเจ้า อย่าปล่อยให้ความคิดของเจ้าหลงทางสิ”
“ผมตระหนักถึงผลที่ตามมาจากสิ่งที่ผมได้กล่าวไว้แล้ว และเรื่องนี้ผมได้ตัดสินใจไปแล้ว”
“เจ้า.. เจ้าจะทิ้งทุกอย่างที่เจ้ามีลงถังขยะแบบนี้ไม่ได้นะ ทำไมเจ้าถึงเป็นเช่นนี้ล่ะ”
“เพราะผมเกลียดชีวิตชั่วร้ายนี้ ..มันมีอะไรดีนักหนาเกี่ยวกับการเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่สิ คงจะถูกต้องกว่าหากบอกว่าผมเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดแค่ที่นี่เท่านั้นเอง ..ในส่วนที่เหลือของอีก 9 ดินแดนดยุคแห่งอาณาจักรแบล็คซันนี้ล่ะ หรืออาณาจักรอื่นๆ อีก 7 อาณาจักรล่ะ และในอีก 4 จักรวรรดิ์ละ มีอัจฉริยะอย่างผมอีกมากมายแน่นอน และบางคนก็ต้องเก่งกว่าด้วย”
“ทุกปีมีอัจฉริยะเกิดมาและเดินตามเส้นทางที่กำหนดไว้.. โลกก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย มันเป็นเช่นนี้มาตลอด มันไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ผมจะต้องฝึกฝนและเข้มแข็งขึ้นเลย เพื่อเอาชนะสิ่งนี้และแข่งขันกับสิ่งนั้นงั้นหรอ”
“สิ่งเดียวที่ผมได้รับจากความ”อัจฉริยะ“ที่ใครๆ พูดก็คือคือชีวิตที่ไม่มีเพื่อนหรือคนที่รัก คนในวัยเดียวกันเกลียดผม ส่วนคนแก่กว่าพยายามหาทางเอาเปรียบจากผม มันจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผมเติบโตขึ้นในแบบเดียวกับที่ทุกคนวางแผนไว้ล่ะ จะเป็นเหมือนพ่อของผมที่พยายามมีลูกที่เก่งและให้พวกเขาย้ำวนวัฐจักรเดิมหรอ หรืออาจจะกลายเป็นเหมือนท่านและบริหารธุรกิจที่ได้รับมรดกมา ไม่ ... นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเลย! นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมเกิดมาเพื่อทำมันเลย!!” โรบินระเบิดออกมาจนทำให้หัวหน้าตระกูลประหลาดใจ
ชายชราไม่รู้จะพูดอะไรดี.. โรบินมักจะเป็นคนเงียบขรึม ยิ้มแย้มเสมอ เขาทำงานได้สำเร็จโดยไม่ต้องพูดอะไร และก้าวหน้าในช่วงฝึกฝนโดยไม่เป็นที่สังเกต
เขาเป็นสมาชิกในตระกูลที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง แต่จริงๆแล้ว เขาเป็นภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุตลอดหลายปีที่ผ่านมาหรือเปล่า
ผู้นำตระกูลเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้นว่า "ไม่ เจ้าไม่รู้ผลของการตัดสินใจของเจ้า การค้นพบกฎรองนั้นใช้เวลาของปราชญ์ไปราวๆ ยี่สิบปี และเจ้าจะไม่สามารถเลื่อนระดับไปถึงระดับ 11 ได้หากไม่เลือกกฎเพื่อสร้างเสาหลักของเจ้า.. เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าต้องการหยุดการฝึกฝนของเจ้าเป็นเวลาหลายสิบปีงั้นหรือ นี่คืออาชญากรรมต่อตัวเอง ต่อมารดาของเจ้า ต่อครอบครัวของเจ้าทั้งตระกูล" ผู้นำตระกูลตะโกนจนทำให้ยามที่อยู่ด้านนอกตกใจ
ตระกูลเบอร์ตันไม่ได้ใหญ่โตอะไรในอาณาจักรแบล็คซัน แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเล็ก ในช่วงเวลา 6,000 ปีของตระกูล บรรพบุรุษของตระกูลสามารถควบคุมที่ดินได้มากพอและได้รับตำแหน่งมาร์ควิสสองครั้ง แต่หลังจากแต่ละครั้ง เหล่าทายาทรุ่นหลังที่ไม่ดีจะเข้ามาและสูญเสียที่ดินของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นสงครามหรือไม่ก็การพนัน จนขนาดทั้งหมดกลับมาเพียงอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและมีผู้นำของตระกูลเบอร์ตันที่รู้จักกันในนาม เอิร์ลไบรอัน
สมาชิกในตระกูลทุกคนตั้งแต่คนเล็กที่สุดไปจนถึงคนโตที่สุดต่างปรารถนาที่จะเรียกร้องที่ดินของตนคืนและรับตำแหน่งมาร์ควิสเป็นครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ของพวกเขา เพียงเท่านี้ก็จะเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาสามารถตายอย่างสงบสุขหลังจากนั้น
เอิร์ลไบรอันตั้งความหวังไว้สูงมากว่าโรบินจะได้เป็นนักบุญระดับสูงหรืออาจจะได้เป็นถึงปราชญ์ในสักวันหนึ่ง และนำพวกเขาไปสู่เป้าหมายที่ทุกคนต่างหวังไว้ แต่เขาไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น..
..หรือบางทีเขาก็อาจจะคิดไว้บ้างและอยู่แก่ใจอยู่แล้วแต่ทำเป็นไม่เห็นมัน เพราะโรบินนั้นเป็นคนที่มักจะปฏิเสธการต่อสู้กับ 'เรื่องไร้ความหมาย' มาตลอดนั่งเอง..