บทที่ 14 สถาบันแบรดลีย์
บทที่ 14 สถาบันแบรดลีย์
ไม่นานโรบินและซีซาร์ก็มาถึงสถาบันแบรดลีย์ โดยเบื่องหน้าของพวกเขามีกำแพงและประตูสูงตระหง่าน มันสูงเพียงพอที่จะทำให้โรบินมีความหวังว่าจะสามารถปลูกฝังด้วยกันกับซีซาร์ได้เป็นอย่างดีในที่แห่งนี้
คนรับใช้โค้งคำนับแล้วตะโกน "ฉันตามคำสั่งของท่านหญิงมิลลา แบรดลีย์ โดยมีจดหมายถึงเซอร์เฟลิกซ์ แบรดลีย์ หัวหน้าผู้มีชื่อเสียงของสถาบันนี้ขอรับ"
ยามสองคนที่อยู่ในระดับที่สิบเดินเข้ามา หลังจากแลกเปลี่ยนคำถามกัน พวกเขาก็พาทั้งสามไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าสถาบัน ระหว่างทาง โรบินและซีซาร์ก็ยุ่งอยู่กับการมองไปรอบๆ พวกเขา เพื่อดูว่าพวกเขาจะได้อยู่ที่แบบใดในอีกสิบปีข้างหน้า..
สถาบันมีขนาดกว้างขวางและมีการจัดระเบียบที่ดี โรบินพบพื้นที่ที่มีวิลล่าขนาดใหญ่พร้อมสวนหลังบ้าน อีกพื้นที่หนึ่งที่มีอาคารขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมีอาคารขนาดใหญ่ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ทั้งห้าก็มาถึงที่หมาย ซึ่งเป็นอาคารขนาดกลางที่มียามระดับสูงหลายคนคอยเฝ้าอยู่ หลังจากแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ยามทั้งสองก็ถอยกลับไปและกลับไปที่ประตู ขณะที่หนึ่งในยามหน้าห้องหยิบข้อความจากมือคนรับใช้แล้วกล่าวว่า “รออยู่ที่นี่” จากนั้นแล้วก็เข้าไปในห้อง..
..หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับออกมาแล้วกล่าวว่า “เชิญเข้าข้างใน”
หลังจากคนรับใช้รู้ได้ว่าเสร็จสิ้นงานของเขาแล้ว เขาก็ถอยกลับไปอย่างเงียบๆ ขณะที่โรบินและซีซาร์ก้าวเข้าไปข้างใน เมื่อทั้งสองเข้ามาถึงกลางห้องหัวหน้ายามก็เดินกลับออกไป เบื้องหน้าพวกเขามีชายคนหนึ่งที่ดูราวกับนักวิชาการวัยกลางคนนั่งอยู่หลังโต๊ะและยิ้มแย้ม และเมื่อยามออกไปทั้งสามก็อยู่ตามลำพังแล้ว
"เอาล่ะ ฉันอยากรู้ว่าพวกคุณเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้รับการเสนอชื่อจากมิลล่าเป็นการส่วนตัวแบบนี้ และยังได้รับเบี้ยเลี้ยงต่อเดือนอีกด้วย"
“ยินดีที่ได้รู้จักครับหัวหน้าสถาบัน เราชื่อโรบินและซีซาร์เบอร์ตัน เลดี้มิลล่าเป็นหนี้ฉัน และนี่คือการตอบแทนของเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่ใจดีมาก” โรบินกล่าวโดยไม่ได้พยายามปิดบังสิ่งใด
ในเมื่อมิลล่ารู้จักเขาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว มันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปกปิดตัวตนของเขา อีกอย่าง มีคนใช้นามสกุลของตระกูลเบอร์ตันหลายพันหลายหมื่นคน และยังมีอีกหลายคนที่เคยเห็นเขาในอดีตและยังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นหากเขาไม่เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาไปเลย มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบเลี่ยงการถูกพบ... และ มันไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้ว
“หืม มิลล่าเป็นหนี้คุณเหรอ” เฟลิกซ์ประหลาดใจและมองดูเด็กทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา.. อืม พวกเขาอายุได้ 12 ปีแล้ว.. แต่พวกเขายังไม่บรรลุถึงระดับแรกเลยงั้นหรอ นี่มันขยะชัดๆ ไม่ว่าเขาจะเป็นเด็กที่พูดอยู่หรือเด็กคนข้างๆ ก็ไม่มีอะไรพิเศษ.. เฟลิกซ์คิดแต่ก็ไม่ได้ผลีผลามผลักดันเรื่องนี้ไปไกลกว่านี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามตราบใดที่มิลลาไม่ได้พูดด้วยตัวเอง มันก็ไม่เหมาะสมที่จะรู้จักทั้งสองให้มากกว่านี้
“..เอาล่ะ ตั้งแต่ตอนนี้หมายเลขประจำตัวพวกคุณคือ 207 และ 208 คุณสามารถรับเหรียญตรานักเรียนได้จากสำนักงานประสานงานและจะได้รับกุญแจบ้านที่มีหมายเลขเดียวกัน คุณสามารถเข้าร่วมบรรยายได้ทุกวันตอนสิบโมงเช้า และ.... ด้วยกระดาษนี้ คุณสามารถรับเบี้ยเลี้ยงจากคลังได้ในช่วงต้นเดือนของแต่ละเดือนในรูปแบบเหรียญหรือไม่ก็ทรัพยากร.. แล้วแต่คุณเลือกเลย” เขาพูดพร้อมกับประทับตราส่วนตัวลงในกระดาษสองสามแผ่น เขาโยนมันไปที่โรบินเพื่อส่งสัญญาณให้พวกเขาเห็นความคับข้องใจเล็กน้อย
โรบินเพียงแค่โค้งคำนับพร้อมซีซาร์ จากนั้นทั้งสองก็จากไป
การรับมอบเหรียญตรานักเรียนและกุญแจบ้านเป็นไปอย่างราบรื่น และเมื่อพวกเขาไปที่คลัง โรบินก็เลือกที่จะแลกเปลี่ยนเบี้ยเลี้ยงของเขาทั้งหมดเป็นหินพลังงานจำนวนมาก
เหล่านักเรียนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมาก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นเด็กสองคนแบกถุงหินขนาดใหญ่ไว้บนหลังจนเดินโค้งขณะที่หัวเราะด้วยความสะใจพร้อมเดินแบกมันต่อไป..
ภายในบ้าน 207 "ฮ่าๆ เห้อ.. มันเป็นวันที่ยาวนานมาก แต่ในที่สุดเราก็สามารถเริ่มต้นกันได้อย่างดี" โรบินพูดพร้อมกับหัวเราะขณะที่เขาเดินสำรวจห้อง 207 พร้อมกับซีซาร์ และทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
โรบินไปเปิดออกพบชายหนุ่มกลุ่มหนึ่ง พวกเขายิ้มแย้มในตอนแรก แต่เมื่อพวกเขาพบว่าโรบินเป็นเพียงคนธรรมดา รอยยิ้มของพวกเขาก็หายไป “ไปเรียกเจ้านายของแกมา”
“..ฉันไม่มีเจ้านาย ฉันเป็นเจ้าของบ้านี้ มีอะไรให้ช่วยหรอ” โรบินตอบอย่างตรงไปตรงมา
“เจ้าของอะไรนะ”
“นี่ อย่าให้พวกฉันเสียเวลาไปเรียกเจ้านายของแกมา”
“ใช่! หรือถ้าเขาหยิ่งเกินไปที่จะออกมา อย่างน้อยก็บอกเราว่าเขาเป็นใคร”
โรบินรอจนพวกเขาทั้งหมดพูดเสร็จ "น่าเสียดาย แต่ฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้จริงๆ มีอะไรให้ช่วยไหม"
“คุณน่ะหรอ! คนธรรมดาอย่างคุณจะมีสิทธิเหมือนกับพวกเราได้ยังไง เราได้ยินมาว่ามีนักเรียนใหม่สองคน.. อย่าบอกนะว่าอีกคนก็เป็นคนธรรมดาแบบคุณเหมือนกัน” ชายหนุ่มตกตะลึงเมื่อได้ยินโรบินกล่าว นี่เป็นสถาบันที่น่านับถือและยอมรับเฉพาะขุนนางที่มีพรสวรรค์เท่านั้น!
“ใช่แล้ว เขาก็เหมือนกับฉันนั่นแหละ ตอนนี้พวกเราค่อนข้างยุ่ง ดังนั้นขอตัวนะ...” โรบินพูดอย่างไร้อารมณ์ขณะทำท่าทางให้พวกเขาออกไป
“นี่... ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไง และฉันก็ไม่สนใจด้วย แต่ฉันชื่อรีมัส ลูกชายของมาร์คัส รูฟัส ดังนั้นจงทำตัวให้ดีกับฉัน! ..จริงสิ ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ บ้านของฉันมันเล็กเกินไปและฉันต้องการบ้านอีกหลังที่หนึ่งเพื่อเปลี่ยนมันเป็นที่พักผ่อนสำหรับฉันและเพื่อนผู้สูงศักดิ์ของฉันที่นี่.. คุณคงจะไม่คิดมากใช่มั้ยหากว่าฉันจะใช้บ้านหมายเลข 208” รีมัสพูดด้วยรอยยิ้มอันโหดร้ายบนใบหน้าของเขา
“จริงๆ แล้วฉันก็คิดมากนะ”
“คุณกำลังบอกว่าคุณต้องการใช้ความรุนแรงงั้นหรอ” รีมัสยกกำปั้นขึ้น
“ไม่ ฉันแค่รังเกียจน่ะ แต่ถ้าคุณยืนกรานที่จะยึดบ้าน.. ก็เอาไปสิ” โรบินพูดอย่างไร้อารมณ์ ขณะที่ซีซาร์อยู่ด้านหลังมองเขาด้วยท่าทางแปลกๆ
"...เอากุญแจมาให้ฉัน" รีมัสไม่เชื่อเขาแต่ก็พยายามต่อไป ไม่มีบุคคลธรรมดาคนใดเคยได้เข้ามาในสถาบันนี้ แม้ว่าเขาจะมั่นใจในภูมิหลังของเขา แต่เขาก็พร้อมสำหรับต่อต้าน.. อันที่จริง การมาข่มขู่เช่นนี้เป็นเพียงวิธีของเขาที่จะทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเด็กใหม่ทั้งสอง
"เอาไปสิ" โรบินโยนกุญแจให้เขา แล้วเดินเข้าไปข้างในและปิดประตู ปล่อยให้กลุ่มชายหนุ่มตกตะลึงก่อนที่จะหัวเราะออกมา.. และในไม่ช้าก็มีเสียงร้องเพลงและเสียงหัวเราะดังมาจากบ้าน 208..
ซีซาร์มองดูเขา "อย่างน้อยคุณก็น่าจะขอเงินเป็นการแลกเปลี่ยนนะ... แต่บ้านนั้นก็ไม่สำคัญหรอกมั้ง แค่บ้าน 207 หลังนี้ เราสองคนก็อยู่สบายแล้ว” ซีซาร์รู้ว่าพวกเขายังปกป้องบ้านไม่ได้ โรบินจึงทำตัวตามปกติของเขาก็คือ เขาจะไม่หาเรื่องสู้โดยไม่จำเป็น
โรบินหัวเราะ “ไม่ ตอนนี้เราอาจไม่ต้องการบ้านนั้น แต่เราจะต้องการมันทีหลังแน่นอน.. ถ้าฉันจะเรียกเงินจากพวกเขาฉันก็คงไม่มีหน้าไปเรียกบ้านคืนทีหลังน่ะสิ ปล่อยให้พวกเขาสนุกไปก่อน… ฉันจะส่งคุณไปจัดการพวกเขาแล้วเอามันคืนมาทีหลัง”