บทที่ 130 เลี้ยงแร้งเทียนเฟิง
เมื่อมองเข้าไปภายในวังวนของตันเถียน บนหัวมังกรก็ปรากฏตุ่มเล็กๆ สองตุ่มคล้ายกำลังจะงอกเขาออกมา
“หรือว่า วิชามังกรแท้กำลังจะทะลวงระดับอีกครั้ง!”
หลัวเฉิงรู้สึกประหลาดใจอย่างมากหลังได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของปราณมังกรในตันเถียน
วิชามังกรแท้จริงทั้งเก้าระดับนั้น ล้วนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของปราณมังกรเก้าครั้ง!
ด้วยการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของปราณมังกรในครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่ามันกำลังจะเปลี่ยนแปลงครั้งที่สอง!
หากที่นี่ไร้ซึ่งผู้คน หลัวเฉิงคงจะกลืนโอสถสามดาวเพื่อฝึกฝน และทะลวงเข้าสู่ระดับที่สองของวิชามังกรแท้ไปแล้ว!
“ดูเหมือนว่าข้าต้องเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ให้เร็วที่สุดเสียแล้ว!”
หลัวเฉิงแอบคิดเรื่องนี้ในหัวอย่างเงียบๆ
การอยู่ร่วมกับผู้คนจำนวนมาก ทำให้เขาไม่สามารถทำสมาธิอย่างสงบได้
หลัวเฉิงจึงคิดถึงการท้าประลองกับหลี่ฮุ่ยทันที
ตราบใดที่เขาสามารถเอาชนะหลี่ฮุ่ยได้ เขาก็สามารถเปลี่ยนสถานที่พำนักกับอีกฝ่ายได้เช่นกัน!
ระหว่างที่เขากำลังนึกถึงการประลอง จู่ๆ เสียงดังเหง่งหง่างก็ดังสนั่นมาจากภายนอกอย่างกะทันหัน
นี่คือเสียงของระฆังที่ถูกลั่นเพื่อเรียกชุมนุม หลัวเฉิงรีบแต่งตัวแล้วเดินออกไปทันที
ศิษย์บำรุงสำนักมากกว่าสามร้อยคนเพิ่งมารวมตัวกัน ทันใดนั้นก็ปรากฏสามร่างย่างเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ผู้นำเป็นชายชราในชุดสีเขียวที่มีรูปร่างอ้วนท้วน และอีกสองคนที่เดินตามมาไม่ห่างนักคือหลี่ฮุยและจางเหลียน
ชายชราในชุดเขียวกระแอมไอสองครั้งแล้วกล่าวเสียงดัง
“นามของข้าคือเหอกวงเจ๋อ หน้าที่ข้าคือรับผิดชอบต่อการทำงานของศิษย์บำรุงสำนัก เจ้าสามารถเรียกข้าว่าผู้อาวุโสเหอก็ได้! เกี่ยวกับกฎต่างๆ ของสำนัก ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทุกคนได้รู้จากบันทึกซวนหยวนแล้ว ดังนั้นข้าจะไม่กล่าวอะไรไปมากกว่านี้”
“เข้ามาที่นี่เพื่อมอบหมายงานให้พวกเจ้า! ศิษย์ที่อยู่ในขั้นหลอมกายา มีหน้าที่ปัดกวาดทำความสะอาดบริเวณโดยรอบ ศิษย์พี่จางเหลียนจะเป็นผู้นำทางพวกเจ้าไป!”
“เจ้า จับกลุ่มกันห้าสิบคน และรับผิดชอบในการทำอาหารสำหรับทุกคนในวันนี้!”
“ส่วนเจ้า จับกลุ่มกันอีกแปดสิบคน รับผิดชอบในการดูแลสมุนไพร…”
ผู้อาวุโสเหอแบ่งหน้าที่งานทีละคน และผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งก็เริ่มเลือกคนเข้ากลุ่มทันที
อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้ใดอยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลัวเฉิง ดังนั้นพวกเขาต่างก็หลีกเลี่ยงที่จะเลือกเอาตัวปัญหามาเข้ากลุ่ม
เมื่อวานนี้ หลายคนได้พบปะสนทนา และสร้างความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น จึงไม่เป็นปัญหาในการแบ่งแยกกลุ่ม
ท้ายที่สุด ก็เหลือเพียงหลัวเฉิงคนเดียวเท่านั้นที่ยังยืนอยู่ที่นั่น
หลี่ฮุ่ยกระซิบผู้อาวุโสเหอสองสามคำที่ข้างหู
ผู้อาวุโสเหอขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นมองยังหลัวเฉิงแล้วกล่าวอย่างแช่มช้า “ยังมีงานว่างสำหรับการให้อาหารแร้งเทียนเฟิง เช่นนั้นเจ้าก็รับผิดชอบในงานเลี้ยงแร้งเทียนเฟิงแล้วกัน”
ให้อาหารแร้งเทียนเฟิงงั้นรึ!
หลังจากที่ผู้อาวุโสเหอออกคำสั่งนี้ โดยรอบก็เต็มไปด้วยเสียงอุทานโห่ร้อง
หลายคนมองหลัวเฉิงด้วยความเห็นอกเห็นใจ บ้างก็รู้สึกเวทนาต่อความโชคร้ายของเขา
งานที่ศิษย์บำรุงสำนักต้องรับผิดชอบนั้น ก็ถูกแบ่งตามลำดับความสำคัญเช่นเดียวกัน
การทำความสะอาด และการส่งสารเป็นงานง่ายที่สุด ไม่ว่าใครๆ ต่างก็อยากทำ
แต่มีสิ่งเดียวที่ทุกคนไม่อยากทำ คือการเลี้ยงแร้งเทียนเฟิง!
แร้งเทียนเฟิงคือสัตว์พาหนะที่ถูกเลี้ยงดูโดยสำนักซวนหยวน
แร้งเทียนเฟิงนั้นดูแลยากมาก ในทุกๆ วัน ไม่เพียงต้องให้ปริมาณอาหารตามที่มันต้องการ แต่ยังต้องแปรงขน เพื่อทำให้อารมณ์ของมันไม่ฉุนเฉียว และยังต้องทำความสะอาดรังของมันอีกต่างหาก
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุด!
ซึ่งสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ แร้งเทียนเฟิงมีอารมณ์ที่เกรี้ยวกราด หากพวกมันไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดี พวกมันอาจสังหารคนได้ นี่คือสาเหตุที่มักมีตำแหน่งว่างในการดูแลแร้งเทียนเฟิง!
งานนี้ไม่ใช่แค่หนักเท่านั้น แต่ยังอันตรายอย่างยิ่งอีกด้วย!
เมื่อเห็นความเงียบของหลัวเฉิง หลี่ฮุ่ยจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หลัวเฉิง ไฉนเจ้ายังไม่รีบมาขอบคุณผู้อาวุโสเหออีก”
หลัวเฉิงเหลือบมองหลี่ฮุ่ยเล็กน้อย
เขาไม่จำเป็นต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้เขาจะถูกส่งไปดูแลแร้งเทียนเฟิง แต่คนที่จะต้องไปที่นั่นต้องไม่ใช่เขา
หลัวเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆ กล่าวกับผู้อาวุโสเหอว่า
“ผู้อาวุโสเหอ ตามที่บันทึกซวนหยวนกล่าวไว้ ตราบใดที่มีผู้อาวุโสอยู่ด้วย ก็สามารถท้าประลองกับคนอื่นได้ใช่หรือไม่?”
“ใช่”
ผู้อาวุโสเหอพยักหน้า แต่เขาก็สงสัยนักว่าเหตุใดหลัวเฉิงจึงได้ถามเช่นนี้
หลัวเฉิงมองตรงไปที่หลี่ฮุ่ยด้วยแววตาเฉียบคม “เจ้าจะรอช้าอยู่ไย มาเริ่มสู้กันเถอะ!”