ตอนที่แล้วบทที่ 11 เด็กทั้งสอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 ทวงหนี้

บทที่ 12 คนที่ช่วยชีวิตเธอในเขตสัตว์ร้าย


บทที่ 12 คนที่ช่วยชีวิตเธอในเขตสัตว์ร้าย

โซนสัตว์ร้ายเป็นเขตแดนที่รู้จักกันดีว่าเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างดินแดนแห่งแบรดลีย์และอัลตัน แต่มันยังมีเส้นทางปลอดภัยเล็กๆ บนชายแดนที่เรียกว่าประตูไฟ ซึ่งพ่อค้าและนักเดินทางที่อ่อนแอมักจะใช้.. และนี่คือเป้าหมายของโรบินและซีซาร์

แม้ว่าชื่อจะดูอันตราย แต่ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าการรับมือกับสัตว์ร้ายที่ทรงพลัง พวกเขาออกจากโซนสัตว์ร้ายและเดินไปรอบๆ เป็นระยะทางหลายร้อยไมล์เพื่อใช้ถนนที่ปลอดภัย แต่น่าเสียดายที่มันปลอดภัยจากสัตว์ร้ายเท่านั้น.. ไม่ใช่มนุษย์!

เด็กสองคนที่มีถุงใบใหญ่ถือเป็นชิ้นเนื้อที่เดินได้ในสายตาของใครหลายคน นี่ทำให้โรบินและซีซาร์ต้องใช้ประสบการณ์ของตนอย่างเต็มที่ พวกเขาจะเดินทางอย่างรวดเร็วในตอนกลางวันเพื่อใช้สายตาของผู้คนเพื่อคุ้มครองพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็จะหายตัวไปตลอดทั้งคืน

แต่กลยุทธ์นี้บนถนนที่ทอดยาวนั้นทำให้เวลาที่พวกคาดว่าจะใช้นั้นนานกว่าที่คิดในตอนแรก และเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนผ่านไปพวกเขาก็มาถึง น่าประหลาดใจที่ชายแดนที่พวกเขาตามหานี้เป็นเพียงเมืองเล็กๆ ที่เขียนตรงทางเข้าว่า "ไฟ" ซึ่งทำให้โรบินระเบิดหัวเราะออกมา

แต่หลังจากคิดแล้วเขาก็สามารถเข้าใจได้ ดินแดนทั้งสองเป็นของอาณาจักรแห่งแบล็คซัน และมันไม่จำเป็นต้องมีขอบเขตที่แข็งแกร่งแต่อย่างใดเพื่อแบ่งดินแดนทั้งสองนี้

โรบินเลือกที่จะเข้าไปคุยกับพ่อค้าข้างถนนคนหนึ่ง "คุณลุง เราจะไปถึงเมืองหลวงของดยุคได้ยังไงหรอ.. ที่ที่ดยุคและครอบครัวของเขาอาศัยอยู่น่ะ"

“หือ เจ้าอยากไปเมืองแบรดลีย์เพิร์ลงั้นเรอะ ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือนู่น ระยะทางประมาณสองร้อยไมล์ แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะเข้าไปได้หรอกนะฮ่าๆ” ชายคนนั้นกล่าวเสียงดังและมองลงไปที่เด็กทั้งสอง

“ดูเหมือนเราจะเดินทางไกลกันอีกแล้วนะท่านพ่อ เราพักผ่อนที่นี่สักสองสามชั่วโมงกันก่อนเถอะ” ซีซาร์บ่น

"..พักก่อนก็ได้ เด็กสมัยนี้ไม่มีความมุ่งมั่นเลย ให้ตายสิ" โรบินพูดขณะเดินไปที่ต้นไม้สูงและเริ่มปีนขึ้นไป โดยมีซีซาร์อยู่ข้างหลัง

พ่อค้าข้างถนนถึงกับเงียบไปเมื่อได้ยินบทสนทนาแปลกๆ นี้ "0_0"

—-

เวลาผ่านไปอีกสองสัปดาห์ก่อนที่เด็กทั้งสองจะไปถึงประตูเมืองเพิร์ลแบรดลีย์ นี่เป็นเมืองใหญ่ที่มีกำแพงสูงคู่ควรแก่การเป็นหัวใจของดินแดนนี้อย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยก็ดีกว่าเมืองจูราที่เขาเกิดมาอยู่มาก

“หยุด!” ทหารยามคนหนึ่งตะโกนพร้อมกับชี้หอกไปที่พวกเขา “คิดจะไปที่ไหนกัน ถ้าไม่ใช่คนที่อาศัยอยู่ในนี้หรือไม่มีคำเชิญก็ไปให้พ้น”

“เลดี้มิลล่า แบรดลีย์เป็นคนเชิญฉัน” โรบินประกาศเสียงดังเพื่อดึงดูดความสนใจของทหารองครักษ์คนอื่นๆ และเขาก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว..และมากกว่านั้นอีกเล็กน้อย... ทหารยามและคนธรรมดาสามัญทั้งภายในและภายนอกประตูเมืองต่างมองมาที่เขาพร้อมกัน

“แก... แกรู้ใช่ไหมว่าบทลงโทษของการโกหกเกี่ยวกับเรื่องของท่านมิลล่าเป็นยังไง” ทหารเริ่มมองโรบินราวกับว่าเขาเป็นคนตาย

“แค่บอกเธอว่าคนที่ช่วยชีวิตเธอในเขตสัตว์ร้ายเมื่อกว่าร้อยปีก่อนส่งฉันมาและฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจว่าสถานการณ์นี้ร้ายแรงเพียงใด หากคุณพยายามรังแกฉัน คุณจะต้องชดใช้ด้วยเลือดของคุณ!” โรบินพูดอย่างหนักแน่น.. แม้จริงๆ แล้วเขาจะดูน่ารักมากก็ตาม

อย่างไรก็ตาม คำพูดของเขาเพียงพอที่จะทำให้ยามทุกคนสนใจ “คนที่ช่วยชีวิตเธอไว้” หากเด็กคนนี้พูดจริงและมีใครประพฤติตัวไม่ดีกับเขา หัวหน้าของพวกเขาและครอบครัวของพวกจะต้องแย่แน่ "เอ่อ.. ไปที่วัง และบอกท่านหญิงมิลล่าว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่!” หัวหน้าทหารรักษาพระองค์กล่าวกับทหารที่อยู่ใกล้ที่สุด

จากนั้นเขาก็มองโรบินจากบนลงล่าง "ฉันหวังว่าคุณจะพูดจริงนะไอ้หนู ฉันแนะนำให้คุณอธิษฐานแบบนั้นเหมือนกัน..." ดวงตาของเขาฉายจิตสังหารออกมาแต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อทหารหันไปมองทางอื่น โรบินก็ขยับเข้าไปพิงซีซาร์ “ถ้าฉันส่งสัญญาณ ให้โยนกระเป๋าไปที่ยามที่ใกล้ที่สุดแล้ววิ่งไปทางขวา ฉันจะวิ่งไปทางซ้าย แล้วเรามาเจอกันที่ต้นไม้ต้นที่เรานอนเมื่อวานนี้”

“ห้ะ ล้อเล่นใช่มั้ย นี่เป็นการแสดงเหรอ ทหารพวกนั้นจะกินพวกเราทั้งเป็นแน่ๆ!” ซีซาร์พยายามรักษาเสียงให้เบาที่สุด

“ไม่ใช่ เธอดูเหมือนผู้หญิงที่พูดเก่งและร่าเริง แต่บางทีเธออาจจะกลายเป็นคนเลวเมื่อเวลาผ่านไป ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมีปฏิกิริยายังไงกับเรื่องนี้..” โรบินยักไหล่และถอยห่างจากซีซาร์

-

หลังจากผ่านไปสิบนาทีบรรยากาศก็เริ่มน่าอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ ทหารยามวิ่งกลับมาตามลำพังซึ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้นไปอีก แต่ในไม่ช้า สาวสวยที่มีเรือนร่างสุดเซ็กซี่ก็ตกลงมาจากท้องฟ้า เมื่อโรบินเห็นหน้าเธอ เขาก็รู้ทันทีว่าเธอเป็นใคร 'เธอนั่นเอง'

จากนั้นเขาก็มองดูหน้าอกอันใหญ่โตของเธอ ซึ่งทำให้เขาคิดใหม่เกี่ยวกับตัวตนของเธออยู่ครู่หนึ่งว่าใช่เด็กคนนั้นที่เขาเคยเจอหรือไม่ แต่เขาก็ได้รับการยืนยันเมื่อเขาเห็นทหารยามทุกคนโค้งคำนับต่อหน้าเธอ

ผู้หญิงคนนั้นยังคงอยู่ที่เดิมครู่หนึ่งกันหลังจากที่เธอสบตากับโรบิน “ส่งเขาไปที่บ้านของฉัน!” เธอชี้ไปที่โรบินอย่างเย็นชาแล้วหันหลังบินจากไปอย่างงดงาม

“เป็นยังไงล่ะฮ่าๆๆ พวกคุณเกือบตายแล้วนะ พ่อเป็นแขกพิเศษของลูกสาวท่านดยุคเลยนะฮ่าๆๆ โค้งให้เขาด้วยสิ ฮ่าๆๆๆ” ซีซาร์ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อรู้ว่าสถานการณ์ความเป็นความตายสิ้นสุดลงแล้ว

กลับกัน เมื่อได้ยินคำว่า *พ่อ* ทำให้ยามทุกคนมองพวกเขาแบบเดียวกันกับพ่อค้าคนนั้น 0_0 ในที่สุดพวกเขาก็ได้ข้อสรุปว่านี่อาจเป็นชื่อเล่นแปลกๆ หรืออะไรสักอย่างที่เด็กทั้งสองเล่นกัน

ขณะเดียวกัน โรบินและซีซาร์พร้อมด้วยทหารรักษาพระองค์สองคนก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่บ้านของมิลล่า ระหว่างทาง โรบินคว้าเขาแล้วพูดเตือน "นี่หยุดเรียกฉันว่าพ่อได้แล้ว เราเป็นเด็กทั้งคู่นะอย่างน้อยเรียกฉันว่าพี่ก็ได้"

ซีซาร์พบว่าเป็นการยากที่จะตอบรับ เขาเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้น.. เป็นเวลากว่า 26 ปีแล้วที่เขาเรียกชายคนนี้ว่าพ่อ การเรียกชื่ออื่นๆ มันจะฟังดูแปลกสำหรับเขา

–-

ทหารได้ส่งทั้งสองคนไปยังบ้านหลังใหญ่ของท่านหญิงมิลล่าซึ่งตั้งอยู่ติดกับพระราชวังของดยุกและบอกกับคนรับใช้ของบ้านว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นพวกเขาก็จากไป

คนรับใช้พาโรบินและซีซาร์ไปที่ห้องโถงใหญ่ของบ้านและขอให้พวกเขารออยู่ที่นั่นจนกว่าท่านหญิงจะกลับมา และบอกพวกเขาว่าอาจต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวันกว่าที่เธอจะกลับมา

โรบินยอมรับและเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งเพื่อรอการฝึกฝนอันยาวนาน... เมื่อคนรับใช้แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว พวกเขาก็ออกจากห้องไป

ทันใดนั้นก็มีเงาพุ่งผ่านหน้าต่างมาคว้าคอของโรบินไว้ทันที “นี่คุณเป็นมนุษย์จริงหรือเปล่าเนี่ย!”

นั่นคือมิลล่า.. เธอไม่ได้ดูสงบเหมือนตอนที่พวกเขาพบกันที่ประตูเมือง เธอตกใจมากเมื่ออยู่ต่อหน้าโรบินในตอนนั้น แต่เธอไม่ต้องการที่จะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ต่อหน้าเหล่าทหารยามและสามัญชนทั่วไป

“ทำไมช่วงนี้ใครๆ ก็ถามคำถามนี้กันหมดเลยนะ! ฉันหล่อมากสำหรับมนุษย์หรอ” โรบินหัวเราะโดยไม่สนใจว่าเขาถูกกระชากคออยู่

“ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่องเลย นี่มันร้อยกว่าปีแล้ว ตอนนั้นคุณก็แค่คนแก่ที่มีพลังในระดับสิบ.. แต่นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน.. ตอนนี้คุณอายุสิบกว่าขวบและยังมีระดับพลังเพียงแค่ระดับ 1 นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!!” มิลล่าตะโกน

“....โห ไม่คิดว่าคุณจะมีความทรงจำที่ดีขนาดนี้นะ ดูเหมือนว่าฉันจะทิ้งความประทับใจที่ยาวนานไว้ให้คุณสินะ แต่คุณพูดผิดสิ่งหนึ่ง... ตอนนั้นไม่ได้แก่ ฉันอายุเท่าเธอนั่นแหละ” โรบินพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาพลางคิดว่าการถูกยกขึ้นมากลางอากาศนั้นไม่สนุกเลย...

"คนโกหก!" เธอโยนเขาออกไปแต่ควบคุมความแข็งแกร่งของเธอเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ทำร้ายเขามากนัก "ฉันเป็นอัจฉริยะในอาณาจักรนี้ ไม่มีใครในอาณาจักรแบล็คซันจะกล้าพูดว่ามีพรสวรรค์ที่ดีกว่าฉัน.. แต่คุณ.. คุณบอกว่าคุณอยู่ในระดับสิบตอนที่ฉันอยู่ระดับเก้า.. คุณจะบอกว่าคุณแข็งแกร่งกว่าฉันหนึ่งระดับเมื่อเราอายุเท่ากันงั้นเหรอ?!”

“..แล้ว ผู้เฒ่าคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ไหม” โรบินพูดในขณะที่เขาปัดเสื้อผ้าของเขาหลังจากลุกขึ้นมา

“คุณหมายถึงใคร” มิลล่าหรี่ตาลง

“ก็คนที่ตามดูแลคุณเมื่อเราเจอกันตอนนั้นไง เขาเห็นอายุที่แท้จริงของฉันในตอนนั้นแล้ว พาเขามาที่นี่สิ เขาจะเป็นพยานได้”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด