บทที่ 11 เด็กทั้งสอง
บทที่ 11 เด็กทั้งสอง
“มีบางอย่างที่ฉันอยากถาม ฉันเชี่ยวชาญอะไรกันแน่ กฎหลักแห่งความจริง หรือเพียงแค่กฎรองเท่านั้น” โรบินถาม เขาไม่มีข้อมูลของเส้นทางนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาไล่ตามอะไรหรือประสบความสำเร็จหรือไม่
“ความจริงก็คือความจริง เพื่อนตัวน้อยของฉัน... มีเส้นทางเพียงไม่กี่เส้นทางที่มีกฎเพียงข้อเดียว และความจริงก็เป็นหนึ่งในนั้น”
"...แล้วคุณรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของฉันได้ยังไง กฎความจริงบอกคุณหรอ คุณเป็นใครกัน แล้วฉันจะต้องเรียกคุณว่าอะไร" โรบินถามต่อไป เขารู้ว่าหากร่างแสงนี้จากไปแล้ว มันคงเป็นเรื่องยากมากที่จะพบเขาอีกครั้ง
“ตอนนี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้รายละเอียดทั้งหมด แค่รู้ว่าฉันก็เหมือนคุณ ผู้สร้างเสาหลักด้วยกฎแห่งความจริง คนอย่างเรานั้นหายากมาก แม้แต่ในจักรวาลทั้งนี้”
“ส่วนเรื่องชื่อของฉัน... ฉันลืมมันไปแล้ว แต่อย่าแปลกใจเลย เมื่อคุณมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อยๆ คุณจะสูญเสียสมาธิกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้แน่นอน แต่ในปัจจุบัน พวกเขาเรียกฉันว่าพระเจ้าผู้มองเห็นทุกสิ่ง อย่างไรก็ตาม ฉันเป็นผู้ปกครองของดาวเคราะห์อายุกลางๆ สองสามดวงน่ะ” ร่างแสงสว่างพูดราวกับเป็นเรื่องปกติ
"ผู้ปกครอง.. ดาวเคราะห์อายุกลางๆ หรอ คุณหมายถึงอะไรกัน"
“นั่นก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก แต่เรียกฉันว่าพี่ใหญ่ก็ได้นะ ฉันจะทิ้งเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของฉันไว้กับคุณ คุณสามารถใช้มันถามฉันได้ถ้าเจออุปสรรค แต่ระวัง.. ฉันอาจจะไม่ตอบคุณ! ฉันเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชะตากรรมของโลกใบนี้มากพอแล้ว”
“สิ่งสุดท้าย.. เมื่อกลับไปสู่รากฐานพลังงานระดับที่ 1 และเริ่มมองเห็นแบบแผนแล้ว.. อย่าบริโภคทุกสิ่งไปหมดล่ะ.. ทิ้งบางสิ่งไว้ให้คนรุ่นหลังด้วย” ร่างแสงหัวเราะเสียงดังในขณะที่ร่างของเขาสลายไป จากเศษเสี้ยวแสงเล็กๆ ก็แยกออกจากเขาและเข้าไปในหัวของโรบิน
คำพูดของร่างแสงทำให้โรบินมีอาการวิงเวียนศีรษะ แบบแผนเหรอ มันคืออะไรกัน..' แต่เขากลับสงบสติอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยคิดว่าจะไม่สนใจสิ่งอื่นเลยก่อนที่จะฟื้นรากฐานพลังงานระดับแรกได้สำเร็จ
จากนั้นเขาก็หันไปมองซีซาร์ที่แปลงร่างเสร็จแล้วและกำลังมองมาที่เขาเช่นกัน “ฮ่าๆๆ ตอนนี้คุณดูดีมากกว่าที่ผมคิดเยอะเลย”
ซีซาร์มองดูพ่อของเขาด้วยความประหลาดใจและพูดต่ออีกว่า "ตอนนี้คุณหล่อและน่ารักมาก ตลอดชีวิตของฉัน ฉันรู้จักคุณแค่เป็นชายแก่ แต่ตอนนี้ฉันอยากจะหยิกแก้มของคุณจัง" ซีซาร์เดินเข้ามาใกล้และยกมือขึ้นจนชิดแก้มโรบิน
ในความเป็นจริง มีสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าผู้มองเห็นทุกสิ่งเลี่ยงที่จะพูดถึง คือการสร้างร่างกายใหม่นี้ไม่ง่ายขนาดนั้น จุดประสงค์หลักคือเพื่อช่วยโรบินจริงๆ แต่ร่างกายปัจจุบันของเขาแก่ชราและยังไม่ผ่านการทดสอบของกฎสำคัญหลายข้อ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว จุดอ่อนในตัวเขาหายไปและใบหน้าของเขาก็ชัดเจนยิ่งขึ้นราวกับว่าถูกวาดด้วยปากกา
โดยทั่วไปแล้ว เขายังคงรักษาโครงสร้างใบหน้าและร่างกายเดิมไว้ แต่ใครก็ตามที่รู้จักเขาก่อนหน้านี้และมองอย่างใกล้ชิดจะพบว่าเขาหล่อขึ้น... แน่นอนว่าเช่นเดียวกับซีซาร์
“นี่เจ้าเด็กนิสัยไม่ดี แม้ว่าฉันจะดูเด็กลงแต่ก็อย่าลืมว่าฉันยังเป็นพ่อของแกนะ ...หยุดเล่นแล้วมาวางแผนว่าเราจะทำอะไรต่อไปดีกว่า…” โรบินกล่าว ขณะที่เขาเดินไปที่เตียง วางขาข้างหนึ่งทับอีกข้างหนึ่งและพยุงคางด้วยมือข้างหนึ่ง.. “ไม่นะ!!”
ซีซาร์นั่งอยู่บนพื้นข้างเตียงและเงยหน้าขึ้นมอง รอคอยสิ่งที่พ่อของเขาจะพูด
“เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ถ้าพวกสัตว์ร้ายรู้ว่าเรากลายเป็นแค่เด็กน้อย พวกคงมันจะแย่งกันมากินเราแน่”
“แต่เราจะไปไหนได้อีกล่ะ ตั้งแต่ฉันลืมตาดูโลกเราก็อาศัยอยู่ในถ้ำนี้แล้วนะ... ถ้าเราไปที่หมู่บ้านพวกเขาอาจจะไม่รู้จักเรา เราก็จะถูกปฏิบัติเหมือนเด็กกำพร้าสองคน เราอาจจะถูกจับไปเป็นทาสก็ได้”
“อืม.. จริงๆ แล้วฉันมีสายเลือดของตระกูลใหญ่ดินแดนดยุคอัลตันที่เรียกว่าตระกูลเบอร์ตัน มีคนนับหมื่นที่ใช้ชื่อตระกูลนี้และมีทาสและทหารอีกจำนวนมาก พวกเขาจะไม่รังเกียจเราสองคนเลย ถ้าเรากลับไปผู้อาวุโสบางคนที่นั่นคงจะยังจำรูปร่างหน้าตาตอนเด็กของฉันได้ ...แต่ฉันเดาว่าคงไม่ดี เหตุผลที่ฉันทิ้งพวกเขามาก่อนหน้านี้ก็เพราะฉันไม่ชอบความรู้สึกถูกหลอกใช้ และแน่นอนว่าพวกเขาจะไม่นิ่งเงียบเมื่อเห็นร่างของฉันหรือรับรู้ความเร็วในการฝึกของเราได้”
“อืม.. คุณบอกไม่ใช่หรอว่าม้วนหนังสือพวกนี้มีค่า ทำไมเราไม่ขายมันล่ะ แล้วก็เอาไปซื้อที่ดินเพื่อสร้างบ้านใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่เหลืออยู่ จากนั้นไม่กี่ปีเราก็จะแข็งแกร่งพอที่จะเดินเตร่ได้อย่างอิสระอีกครั้ง” ซีซาร์กล่าว
“จริงด้วย เกือบลืมไปเลย” ทันใดนั้นโรบินก็ลุกขึ้นและคว้าเทียนบนโต๊ะแล้วโยนมันลงบนกองม้วนหนังสือ
“อะ อะไรเนี่ย ไปเผามันทำไม นี่คืองานหนักที่พ่อทุ่มเททั้งชีวิตไม่ใช่หรอ!” ซีซาร์ตะโกนเสียงดังจนแทบจะเป็นบ้าเมื่อเห็นภาพตรงหน้าเขา แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ได้สนใจม้วนหนังสือเหล่านี้มากนัก แต่เขารู้ว่ามันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับโรบิน เขาสละชีวิตเพื่อเขียนมัน แล้วเขาตัดสินใจเผามันอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร
“งานหนักที่ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตนั้นอยู่ในหัวของฉัน ฉันบันทึกสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลาเพื่อทิ้งมันให้เป็นมรดกที่เป็นประโยชน์ต่อโลกและทำให้ชื่อของฉันเป็นอมตะ นี่คือเหตุผลที่ฉันฝึกฝนคุณอย่างหนักไม่ใช่หรอ เพื่อให้แข็งแกร่งพอเพื่อเผยแพร่งานของฉันในนามของฉัน แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องการสิ่งนั้นอีกต่อไป”
“ไม่ใช่ว่าฉันขี้เหนียวนะ… แต่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม หากหนึ่งในม้วนหนังสือเหล่านี้ปรากฏออกไป เราจะถูกศัตรูที่เรารับมือไม่ไหวไล่ล่าทันที ไม่ว่าพวกเขาจะตามล่าและทรมานเราเพื่อให้ได้ม้วนหนังสือที่เหลือ หรือให้ฉันทำงานเป็นทาสให้พวกเขาไปตลอดชีวิต มันก็แย่ต่อเราทั้งหมด ...ฉันอยากจะเผยแพร่สิ่งที่ฉันค้นพบจริงๆ แต่เรายังไม่พร้อม แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องสำคัญเช่นนี้เป็นชะตากรรม! สักวันเราจะเผยแพร่มันออกไป” โรบินกล่าว
“...แล้วเราจะทำยังไงต่อล่ะ ตอนนี้เราไม่มีเงินหรือที่อยู่จริงๆ เลย เราทั้งคู่เป็นแค่เด็กอ่อนแอ ทำไมคุณต้องขอให้เขาสร้างร่างกายใหม่ให้ฉันด้วยล่ะ ไม่อย่างนั้นฉันก็สามารถดูแลเราทั้งคู่ได้แล้วเนี่ย” ซีซาร์กล่าวด้วยความโกรธเล็กน้อย
“ตอนแรกฉันก็คิดอย่างนั้น แต่ฉันก็แค่ต้องจะเดิมพันมันและให้โอกาสคุณในการแข็งแกร่งขึ้น ได้ยินที่เขาพูดมั้ย มันเป็นเรื่องระดับดาวดวงนี้.. และเส้นทางคงจะยาวไกล”
“ด้วยกฎแห่งความจริง ฉันถูกกำหนดให้เดินไปบนเส้นทางที่ยาวและเต็มไปด้วยหนาม คุณคือลูกชายของฉัน แม้ว่าจะเป็นเพียงชื่อก็ตาม เราใช้เวลาร่วมกันเกือบสามทศวรรษ... ฉันจะไม่ใช้คุณแค่เพียงเพื่อปกป้องฉันแล้วทิ้งเมื่อฉันก้าวหน้าไปไกล แต่เราทั้งสองจะต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน”
“แต่ถ้าคุณต้องการที่จะปกป้องฉัน.. ก็ได้.. ฉันจะมุ่งเน้นไปที่การวิจัยของฉันต่อ และคุณมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนของคุณและปกป้องฉันไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน ฉันไม่ปล่อยแกไปง่ายๆ หรอกนะเจ้าเด็กดื้อ” โรบินพูดพร้อมกับหัวเราะขณะขยี้หัวของซีซาร์
ซีซาร์เงียบและมองไปทางพื้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา จากนั้นเขาก็ยิ้มและรีบเช็ดนำตาออกพลางเงยหน้าขึ้นมองโรบินที่หันหลังให้เขาและมุ่งหน้าไปยังทางเข้าถ้ำ... 'คุณช่วยฉันจากปากของสัตว์ เลี้ยงฉัน สอนฉัน และฝึกฉัน.. ไม่มีวันใดที่ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเด็กกำพร้า.. คุณไม่ต้องบอกอะไรฉันก็จะปกป้องคุณไปตลอดชีวิอยู่แล้ว..
เกิดความเงียบงันยาวนานขณะที่โรบินนั่งอยู่หน้าถ้ำโดยมีซีซาร์อยู่ข้างหลังเขา... จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและตะโกนว่า "ฉันจำได้แล้ว! มีสาวร่ำรวยคนหนึ่งที่เป็นหนี้ฉันเมื่อกว่าศตวรรษก่อน นี่คงถึงเวลาเพื่อชำระหนี้ของเธอแล้ว”
“หือ ศตวรรษเลยเหรอ คิดว่าเธอจะยังจำได้อยู่หรอ.. แต่อย่างน้อยเราก็มีเป้าหมายแล้ว… เธออยู่ไหนล่ะ”
"ดินแดนของดยุคแบรดลีย์ เริ่มเก็บข้าวของเถอะ เอาเงินที่เหลือและผลไม้สองสามอย่างจากสวน… นกยูงตัวนั้นก็ดูดีเหมือนกัน หั่นเนื้อแล้วเอาเก็บไว้กินระหว่างทาง เราคงต้องเดินทางไกลกันแล้ว!" โรบินหัวเราะเสียงดัง
ซีซาร์ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน.. เขาคิดอยากไปอาณาจักรอื่นมาตลอด แม้ว่าดินแดนของแบรดลีย์จะติดกับดินแดนอัลตันแต่ระยะทางก็นับว่าห่างไกลมากทีเดียว ประการที่สอง พวกเขาไม่เพียงแค่ต้องการจะไปยังเขตแดนของแบรดลีย์เท่านั้น แต่พวกเขากำลังจะไปหาผู้หญิงที่ในใจกลางดินแดนดยุคแบรดลีย์เลยทีเดียว
การเดินทางครั้งนี้คงจะใช้เวลาหลายสัปดาห์ แต่เขาเชื่อในสติปัญญาของพ่อของเขา เขาจึงเริ่มเก็บข้าวของทันที
เช่นนี้เอง.... การเดินทางที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยมีเด็กสองคนและนกยูงกระป๋องอีกหนึ่งกระป๋อง...