บทที่ 25 หอพักสาวงามแห่งวิทยาเขต
นั่นคือผู้หญิงที่เธอเห็นสวี่ชิวเหวินช่วยเหลือในวันนี้อยู่หอพักเดียวกับเธอ
ซ่งซือหยู!
เซียวโหยวหรานท่องชื่อของหญิงสาวอย่างเงียบๆ
ระหว่างแนะนำตัวเองในช่วงบ่าย เธอรู้ว่าอีกฝ่ายมาจากปักกิ่ง เป็นเด็กสาวจากเมืองใหญ่ และเรียนเอกการตลาดเช่นเดียวกับเธอ
ยังมีหญิงสาวอีกคนอยู่ในหอพัก แม้แต่เซียวโหยวหรานที่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาตั้งแต่เด็กก็ยังคิดว่าเธอสวยมาก
ชื่อของเธอคืออันซือซือ เด็กสาวจากชนบทกว่างซี
เซียวโหยวหรานไม่เคยไปกว่างซีมาก่อน และความประทับใจของเธอต่อสถานที่นั้นคือมีภูเขาและแม่น้ำมากมาย แต่ยากจนและล้าหลัง
เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าสาวสวยอย่างอันซือซือจะเกิดในสถานที่แบบนั้นได้
เมื่อเปรียบเทียบกับซ่งซือหยูแล้ว เซียวโหยวหรานชอบอันซือซือมากกว่า เพราะเธอสัมผัสได้ถึงความเรียบง่ายและความอ่อนโยนจากอีกฝ่าย
หอพัก 301 ของเซียวโหยวหรานเป็นห้องสำหรับสี่คน แต่จนถึงขณะนี้มีเพียงสามคนเท่านั้น เธอไม่รู้ว่าวันนี้อีกคนไม่มารายงานตัวหรือทางมหาลัยจัดให้แค่สามคนเท่านั้น
แต่ไม่สำคัญว่าจะมีผู้หญิงอีกคนหรือไม่
ทั้งสามคนได้แก่เซียวโหยวหราน ซ่งซือหยู และอันซือซือล้วนแต่เป็นสาวงามของมหาลัย
มหาลัยเพิ่งเริ่มต้น และนักเรียนใหม่กับนักเรียนเก่ายังไม่ได้สังเกตเห็น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป หอพักแห่งนี้จะมีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยเจียวทงอย่างแน่นอน
เป็นไปได้มากว่าที่นี่จะถูกกำหนดให้เป็นหอพักสาวงามแห่งวิทยาเขต!
ปฏิกิริยาแรกของเซียวโหยวหรานหลังจากที่รู้ว่าเพื่อนร่วมห้องทั้งสองของเธอเป็นสาวงามทั้งคู่ก็คือ...
อย่าปล่อยให้สวี่ชิวเหวินมาที่หอพักของคุณอีกในอนาคต!
โชคดีที่เมื่อพวกเขามาถึงตอนเที่ยงผู้หญิงสองคนไม่ได้อยู่ในหอพัก
ยิ่งไปกว่านั้นเซียวโหยวหรานยังคิดที่จะแนะนำอันซือซือให้กับสวี่ชิวเหวินเป็นอย่างมาก
สำหรับซ่งซือหยู เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแนะนำเธอให้รู้จักกับสวี่ชิวเหวินอีกครั้ง
ค่ำคืนเริ่มมืดมิดขึ้นเรื่อยๆ เซียวโหยวหรานนอนอยู่บนเตียง จ้องมองเพดานด้วยความงุนงง
เธอกำลังรอข้อความของสวี่ชิวเหวิน แต่เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอาบน้ำนานนักและไม่เคยส่งข้อความกลับมาเลย
แต่ถึงอย่างนั้น เซียวโหยวหรานก็ยังไม่รู้สึกง่วงนอน
จริงๆแล้วเธอคิดถึงบ้านนิดหน่อย และเธอก็คุ้นเคยกับเตียงของตัวเองมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงนอนไม่หลับเลย
เธอหันความสนใจไปที่เด็กสาวอีกสองคนในห้อง 301 อย่างเงียบๆ
อันซือซือเข้านอนเร็วมาก
ซ่งซือหยูซึ่งอยู่เตียงตรงข้ามยังคงตื่นอยู่
เธอถือโทรศัพท์ไว้และไม่รู้ว่ากำลังดูอะไร หน้าจอโทรศัพท์เรืองแสงจางๆ และหญิงสาวก็หัวเราะเบาๆเป็นครั้งคราว
เซียวโหยวหรานอยากรู้ว่าเธอกำลังดูอะไรอยู่ และอดไม่ได้ที่จะถามด้วยเสียงแผ่วว่า “ซ่งซือหยู คุณกำลังหัวเราะอะไรอยู่เหรอ”
ซ่งซือหยูประหลาดใจเมื่อเธอได้ยินคำถามของเซียวโหยวหราน
ไม่ใช่ว่าเธอแปลกใจที่อีกฝ่ายยังตื่นอยู่ แต่เธอแปลกใจที่อีกฝ่ายคุยกับเธอจริงๆ
เพราะหลังจากที่ทั้งสองพบกันในหอพักระหว่างวัน เซียวโหยวหรานก็ดูอคติกับเธอเล็กน้อย
ตอนแรกเธอไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม แต่ไม่นานเธอก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นชั้นล่างก่อนหน้านี้
นี่ทำให้เธอรู้สึกเหลือเชื่อ
แม้เธอจะยังไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเป็นอย่างไร แต่แม้ว่าจะเป็นแฟนกัน เธอก็คุยกับเขาเพียงไม่กี่คำ จำเป็นต้องอารมณ์เสียขนาดนี้ไหม?
ซ่งซือหยูยอมรับว่าเด็กชายคนนั้นหน้าตาดีและน่าสนใจ แต่เธอไม่ได้หน้ามืดตามัว แล้วเธอจะหลงรักเด็กผู้ชายที่เพิ่งพบได้อย่างไร?
ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เธอมีแฟนในนามอยู่แล้ว
เธอรู้สึกว่าเซียวโหยวหรานไร้เหตุผลและเอาแต่ใจเกินไป
เธอไม่เคยสนใจเรื่องของแฟนเธอเลย และเธอก็ไม่สนใจผู้หญิงคนอื่นที่เขากำลังคุยด้วยมากนัก
หญิงสาวที่โตแล้วควรรู้วิธีให้พื้นที่กับผู้ชาย แทนที่จะจ้องมองตลอดทั้งวันเพราะกลัวว่าพวกเขาจะเข้าใกล้ผู้หญิงคนอื่นมากเกินไป
ซ่งซือหยูมาจากปักกิ่ง และเธอค่อนข้างภูมิใจในตัวเอง นอกจากนี้เธอยังเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยมมาตั้งแต่เด็ก และความภาคภูมิใจนี้ก็ฝังแน่นอยู่ในกระดูกของเธอจริงๆ
ถ้าเซียวโหยวหรานไม่อคติกับเธอและเข้ากันได้ตามปกติ เธอจะไม่ทำอะไรแบบนี้เลย
แต่เนื่องจากเซียวโหยวหรานมุ่งเป้ามาที่เธอ เธอจึงไม่เต็มใจที่จะไว้หน้าโดยธรรมชาติ
ฮึ่ม พวกเราชาวปักกิ่งไม่ใช่คนผิวบาง แค่กลัวความหนาว!
แต่ตอนนี้เซียวโหยวหรานเริ่มพูดคุยกับเธอ และซ่งซือหยูก็ไม่ไร้เดียงสาพอที่จะจงใจเพิกเฉยต่ออีกฝ่าย ท้ายที่สุดพวกเขาจะอยู่ด้วยกันไปอีกสี่ปี เธอจึงตอบว่า “ฉันกำลังคุยกับคนอื่นอยู่”
ทันทีที่เธอได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังคุยกับคนอื่น เซียวโหยวหรานก็นึกถึงสวี่ชิวเหวินด้วยเหตุผลบางอย่าง และถามอย่างเป็นกังวลทันที “ใคร? สวี่ชิวเหวินหรอ?”
ซ่งซือหยูคว่ำหน้าจอโทรศัพท์บนผ้าห่มแล้วพูดกับเซียวโหยวหรานว่า “ใช่ คุณรู้ได้ยังไง ฉันกำลังคุยกับสวี่ชิวเหวิน”
เซียวโหยวหรานเสียใจจริงๆทันทีที่เธอพูด
ในระหว่างวัน เธอเห็นอย่างชัดเจนว่าสวี่ชิวเหวินลบหมายเลขของซ่งซือหยูแล้ว อีกฝ่ายจะยังคุยกับสวี่ชิวเหวินได้อย่างไร?
เธออ่อนไหวเกินไปเหรอ?
เซียวโหยวหรานไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เคยมีบุคลิกเช่นนี้มาก่อน
เหตุใดเธอจึงให้ความสนใจสวี่ชิวเหวินมากขึ้นเรื่อยๆในช่วงนี้? ทำไมเธอถึงรู้สึกเศร้ามากเมื่อเห็นสวี่ชิวเหวินเข้าใกล้ผู้หญิงคนอื่น?
ความคิดนั้นแวบขึ้นมาในใจของเธอ เซียวโหยวหรานไม่ใช่คนไร้เหตุผล ดังนั้นเธอจึงรีบขอโทษซ่งซือหยู “ฉันขอโทษ ฉันอ่อนไหวเกินไปหน่อย”
ส่วนสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเธอแค่คิดว่าอีกฝ่ายโกรธและจงใจประชดประชัน
ลองคิดดูว่าถ้าผู้หญิงคนอื่นสงสัยว่าเธอกำลังคุยกับแฟนของคุณ เธอคงจะไม่พอใจมาก
ซ่งซือหยูไม่ได้คาดหวังว่าเซียวโหยวหรานจะใจกว้างในทันใด แทนที่จะโกรธ เซียวโหยวหรานกลับขอโทษเธอ?
ซ่งซือหยูรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับเรื่องนี้
เธอไม่รู้จะพูดอะไร และในที่สุดก็ถอนหายใจและพูดว่า “เอาล่ะ จริงๆแล้วฉันกำลังคุยกับแฟนอยู่ เขามาจากปักกิ่งเหมือนกัน เขาไปเรียนที่มหาลัยข้างๆ”
หลังจากที่เซียวโหยวหรานได้ยินคำพูดของซ่งซือหยู เธอก็โล่งใจแม้จะรู้ว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายเพียงแค่ประชด
เซียวโหยวหรานยิ้มและถามว่า “แฟนของคุณก็เป็นนักศึกษาของสถาบันเจียงหลิงด้วยหรอ?”
ซ่งซือหยูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นเซียวโหยวหรานเชื่อคำพูดของเธออย่างง่ายดาย
เธอคิดกับตัวเองว่า คุณไม่เชื่อเมื่อฉันพูดความจริง แต่คุณเชื่อเมื่อฉันพูดโกหก ไม่รู้จะเรียกว่าไร้เดียงสาหรือโง่ดี!
อันที่จริงแล้วข้อความเมื่อครู่นี้ถูกส่งมาโดยสวี่ชิวเหวินจริงๆ
ซ่งซือหยูคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “แฟนของฉันเป็นน้องใหม่ที่สถาบันเจียงหลิงเหมือนกัน โอ้ เซียวโหยวหราน แฟนของคุณก็เป็นน้องใหม่ของสถาบันเจียงหลิงด้วย? เขาคือคนที่มากับคุณวันนี้หรือเปล่า สวี่ชิวเหวิน?”
ซ่งซือหยูเดาไว้แล้วว่าแฟนของเซียวโหยวหรานคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสวี่ชิวเหวิน
เธอเพียงคุยกับอีกฝ่ายสองสามคำและเกือบจะทำให้เซียวโหยวหรานโกรธจนตาย พวกเขาจะเป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้นธรรมดาได้ยังไง?
ทันใดนั้นใบหน้าของเซียวโหยวหรานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงหลังจากได้ยินคำพูดของซ่งซือหยู
แม้เธอจะรู้ว่าอีกฝ่ายมองเห็นสีหน้าของเธอไม่ชัดเจน แต่เธอก็ยังเขินอายอยู่เล็กน้อย
ทำไมซ่งซือหยูถึงคิดว่าสวี่ชิวเหวินเป็นแฟนของเธอ? ทั้งสองเหมาะสมกันขนาดนั้นเลยหรือ?
เธออดทนต่อความเขินอายและความสงสัยพลางส่ายหัวอธิบายว่า “ไม่ เสี่ยวสวี่กับฉันเป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้นธรรมดาๆ”
แต่เธอกล่าวเสริมในตอนท้ายว่า “แต่เรารู้จักกันมาตั้งแต่เกิด เขาเคยสารภาพรักกับฉันมาก่อน แต่ฉันยังไม่ยอมรับ”
เซียวโหยวหรานไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเพิ่มประโยคนี้ ราวกับว่ากำลังประกาศอธิปไตย
/////
(TL: แฟน‘ในนาม’) ( ͡° ͜ʖ ͡° )