บทที่ 129 โลกอันกว้างใหญ่
หลัวเฉิงไม่ได้ให้ความสนใจต่อเคล็ดวิชาหยกวิสุทธิ์ แล้วเปิดหน้าถัดไปทันที
นอกจากเคล็ดวิชาหยกวิสุทธิ์แล้ว ยังมีการแนะนำสำนักซวนหยวนอย่างละเอียดที่ด้านหลังของหนังสือ นั่นรวมถึงสิ่งต่างๆ ที่ผู้ฝึกยุทธ์จำเป็นต้องรู้
ลำดับชั้นภายในสำนักซวนหยวนนั้นสำคัญมาก และลูกศิษย์ก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ
นั่นคือศิษย์บำรุงสำนัก ศิษย์ฝ่ายนอก ศิษย์ฝ่ายใน ศิษย์หลัก และศิษย์แท้จริง!
ในบรรดาตำแหน่งที่กล่าวมานี้ ศิษย์แท้จริงนั้นมีสถานะสูงสุด ซึ่งเทียบได้กับผู้อาวุโสของสำนักฝ่ายใน และมีอำนาจตัดสินใจชี้เป็นตาย!
“ไม่น่าแปลกใจเลย ที่อวิ๋นเหมิงลี่ท้าประลองกับหยวนชิงอิงเพื่อให้ได้ตำแหน่งศิษย์แท้จริง…”
หลัวเฉิงนึกถึงการต่อสู้ระหว่างอวิ๋นเหมิงลี่และหยวนชิงอิง
ไม่รู้เลยว่าการต่อสู้ระหว่างสองอัจฉริยะนั้นผลจะเป็นอย่างไร
ในตอนนี้ หลัวเฉิงได้แต่หวังว่าอวิ๋นเหมิงลี่จะสามารถเอาชนะได้
ด้วยวิธีนี้ อวิ๋นเหมิงลี่จึงจะกลายเป็นศิษย์แท้จริง!
และผู้ซึ่งอยู่ในฐานะที่นางเป็นคนแนะนำต่อสำนัก สถานะของหลัวเฉิงย่อมสูงขึ้นตามอย่างแน่นอน
หลังจากอ่านบันทึกซวนหยวนอย่างเร่งรีบ ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกแล้ว หลัวเฉิงจึงปิดหนังสือลงทันที
เมื่อมองยังบันทึกซวนหยวนในมือเขา หลัวเฉิงก็ไม่อาจควบคุมอารมณ์ความตื่นเต้นให้สงบลงได้อยู่นานสองนาน
นอกเหนือจากเรื่องแนะนำสำนักซวนหยวนแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังบันทึกความรู้ต่างๆ ไว้อีกมากมายเกี่ยวกับขั้นพลังยุทธ์ โอสถ สัตว์อสูร ฯลฯ ซึ่งทำให้ดวงตาของหลัวเฉิงเบิกกว้างหลังได้ทราบเรื่องต่างๆ อีกมากมาย
ทว่า บันทึกเกี่ยวกับขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ ทำให้หลัวเฉิงรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
ตามที่บันทึกซวนหยวนกล่าวไว้ สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ ตันเถียนคือสถานที่กักเก็บพลังปราณเอาไว้
ซึ่งพื้นที่นั้นมีขนาดเล็กดุจปลายเข็ม และเป็นประตูสู่พลังเวทย์มนตร์
ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์นั้น พลังปราณที่กักเก็บในตันเถียนจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่เมื่อทะลวงเข้าสู่ขั้นเขตแดนลึกลับ ประตูสู่พลังเวทย์นี้จะค่อยๆ เปิดกว้างขึ้น!
อย่างไรก็ตาม ในตันเถียนของหลัวเฉิงตอนนี้ มีกระแสวังวนแห่งปราณขนาดเท่ากำมือ ทั้งยังมีปราณมังกรซุ่มซ่อนอยู่ในนั้น!
“นี่อาจเป็นผลมาจากการฝึกฝนวิชามังกรแท้ก็เป็นได้!”
หลัวเฉิงยังไม่อาจเข้าใจเหตุผลได้ ดังนั้นเขาจึงหยุดคิดเรื่องนี้ทันที
“จงโจว...”
เมื่อนึกถึงการแนะนำโลกแห่งนี้ในบันทึกซวนหยวน หลัวเฉิงก็พึมพำกับตัวเอง
ตามหนังสือกล่าวไว้ อาณาจักรต้าเยว่เป็นเพียงหนึ่งในเก้ากลุ่มจักรวรรดิหลักในดินแดนจงโจว ซึ่งอยู่ในกลุ่มจักรวรรดิอวิ๋นหลาน!
นอกจากดินแดนจงโจวแล้ว ยังมีสี่ดินแดน ซึ่งดินแดนตอนกลางเป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ที่สุด
ว่ากันว่าพื้นที่ของดินแดนตอนกลางนั้น ใหญ่กว่าอีกสี่ดินแดนรวมกันเสียอีก!
แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นก่อเกิดชีพจร ยังไม่อาจข้ามผ่านดินแดนตอนกลางทั้งหมดได้ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ตาม!
หลัวเฉิงไม่คาดคิดเลยว่า ยุทธภพจะกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้
ในสายตาเขาตลอดมา อาณาจักรต้าเยว่นั้นกว้างใหญ่ไพศาล แต่แท้จริงแล้ว มันกลับเป็นเพียงอาณาจักรเล็กๆ คล้ายกับน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทรเท่านั้น!
ด้วยสิ่งนี้ หลัวเฉิงก็นึกถึงตระกูลจีทันที
จวนตระกูลจีนั้น ตั้งอยู่ในดินแดนตอนกลางและเป็นมหาอำนาจขนาดยักษ์ในดินแดนตอนกลางอีกต่างหาก!
ซึ่งมันทำให้เขาได้รู้ว่า ตระกูลจีนั้นยิ่งใหญ่มากขนาดไหน!
ไม่แปลกใจเลย ที่ก่อนหน้าบิดาเขาทำสีหน้าเช่นนั้น หลังได้ยินว่าเขาจะไปเยือนตระกูลจีด้วยตนเอง...
“แต่แล้วอย่างไร! ภายในสิบปี ข้าก็จะไปเยือนตระกูลจีแน่นอน!!”
หลัวเฉิงไม่รู้สึกหวาดหวั่นต่อความเป็นจริงอันโหดร้าย แต่รู้สึกว่าความกดดันนั้นเพิ่มขึ้นอย่างทวีมหาศาล
สิบปีสำหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้น นับว่าไม่นานแต่อย่างใด!
โดยไม่รอช้า หลัวเฉิงนั่งขัดสมาธิเข้าฌานสมาธิเพื่อเตรียมบ่มเพาะพลังยุทธ์ แล้วโยนบันทึกซวนหยวนออกไปด้านข้าง
ภายในกระท่อมไม้ไผ่หลังนี้มีคนพักอยู่หลายสิบคน และส่วนใหญ่กำลังนอนหลับ ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กำลังท่องตำราและบ่มเพาะพลัง
ถัดจากหลัวเฉิงเป็นชายหนุ่มร่างอ้วนท้วน ทันทีที่เขาเห็นหลัวเฉิงนั่งเข้าฌานสมาธิ เขาก็เหยียดมุมปากอย่างเย้ยหยัน แล้วพึมพำด้วยเสียงไม่ดังนัก
“ตั้งแต่ที่เจ้าปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมา เจ้าก็ถูกลิขิตให้ออกจากสำนักซวนหยวนแล้ว ไยยังดื้อด้านฝึกฝนอีก ต่อให้เจ้าฝึกฝนหนักขนาดไหนสุดท้ายมันก็ไร้ค่า…”
หลัวเฉิงหาได้ใส่ใจในวาจานั้นแม้แต่น้อย เขาเริ่มตั้งสมาธิแล้วบ่มเพาะพลังทันที
เมื่อเริ่มเดินลมปราณวิชามังกรแท้ ปราณมังกรในวังวนของตันเถียนก็เริ่มเคลื่อนไหว และมันว่ายทวนในกระแสวังวนพลังปราณอย่างต่อเนื่อง
ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
กรร!
ทันทีที่ท้องฟ้าย่ำรุ่งสาง เสียงคำรามของมังกรที่เสมือนจริง ก็แผดดังมาจากตันเถียนของหลัวเฉิง