บทที่ 128 ใครสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้
ในโลกภายนอกมีคำกล่าวอยู่ว่า ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพ ซึ่งภายในสำนักแห่งนี้ ยิ่งสะท้อนให้เห็นความหมายของมันชัดเจนขึ้น
ความแข็งแกร่งที่มากกว่า ย่อมได้พักอยู่ในสถานที่ดีกว่า
“เอาล่ะ ห้องว่างเหล่านี้ขนาดใหญ่พอจะให้พวกเจ้าอาศัยอยู่อย่างสบาย เจ้าสามารถเลือกห้องได้อย่างอิสระตามระดับพลังยุทธ์ของตนเอง”
ชายหนุ่มร่างสูงชื่อหลี่ฮุ่ยประกาศและกล่าวเสริมว่า
“ใครในพวกเจ้ามีนามว่าหลัวเฉิง”
“เขา!”
หลายคนชี้ไปที่หลัวเฉิงอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ เกือบทุกคนนั้นล้วนรู้จักเขาแล้ว
หลี่ฮุ่ยพยักหน้าเล็กน้อยแล้ว แล้วกล่าววาจาฉะฉานกับหลัวเฉิง “เจ้าไปอาศัยอยู่ที่นั่น”
หลี่ฮุ่ยชี้ไปยังกระท่อมไม้ไผ่ ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
หลัวเฉิงขมวดคิ้ว
เนื่องจาก ตัวเขาอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม ดังนั้นเขาควรจะได้เลือกห้องในเรือนพักศิษย์อย่างอิสระมิใช่หรือ!
เขาจะบ่มเพาะพลังยุทธ์ได้อย่างไรหากพักอยู่ในกระท่อมไม้ไผ่ จึงรีบเอ่ยถามทันที
“ที่นั่นไว้สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นหลอมกายามิใช่หรือ แต่ข้าอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสามแล้ว ไยจึงต้องไปพักที่กระท่อมไม้ไผ่กันเล่า”
หลี่ฮุ่ยเหยียดยิ้มเย็นชา กล่าวว่า “สำหรับคนทั่วไปนั้นใช่ แต่เจ้าคิดว่าคนไร้ค่าที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมาเช่นเจ้า สมควรจะได้พักอยู่ในห้องดีๆ งั้นหรือ?”
“เจ้ามันก็แค่ขยะเท่านั้น สำหรับวิญญาณยุทธ์ที่ไร้ดาว มีกระท่อมให้เจ้าหลบลมฝนในสำนักซวนหยวนแห่งนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไยจึงเรื่องมากอีกเล่า”
ใบหน้าของหลัวเฉิงมืดลง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ใครสั่งให้เจ้าทำเช่นนี้”
เนื่องจากเขาและอีกฝ่าย เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันครั้งแรก ดังนั้นจึงไม่อาจเป็นไปได้เลยที่เขาจะถูกเพ่งเล็งโดยเจตนาเยี่ยงนี้!
หลี่ฮุ่ยผงะตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นยกมุมปากยิ้มกล่าวว่า “ไม่มีใครสั่งข้าทั้งนั้น ทำไม หรือว่าเจ้าไม่พอใจ ไฉนไม่ลองคุกเข่าขอร้องข้าดู บางทีข้าอาจจะใจดียอมเปลี่ยนห้องให้เจ้าก็เป็นได้”
หลัวเฉิงหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วกล่าวเสียงแข็ง
“ข้าจำได้ว่าสำนักมีกฏอยู่ข้อหนึ่ง หากมีความแค้นเป็นการส่วนตัวก็สามารถท้าประลองกับฝ่ายตรงข้ามได้ และผู้พ่ายแพ้จะต้องสูญเสียตำแหน่งหน้าที่ของตน…”
“โอ้? เจ้าจะบอกว่าต้องการท้าประลองกับข้างั้นหรือ? ขยะเช่นเจ้าน่ะหรือจะแทนที่ข้า ทุกคนได้ยินชัดหรือไม่ ว่าขยะผู้นี้ต้องการท้าประลองกับข้า!”
หลี่ฮุ่ยคล้ายดังว่าได้ยินเรื่องตลกครั้งใหญ่ เขาชี้ไปทางหลัวเฉิงและหัวเราะออกมาเต็มเสียง
คนอื่นๆ ที่เห็นเหตุการณ์ก็ต่างส่ายศีรษะ
แม้ทั้งคู่จะอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสามเหมือนกัน แต่หลี่ฮุ่ยก็อยู่ในสำนักซวนหยวนมาเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว และพลังยุทธ์ที่แท้จริงของเขานั้น ไม่อาจเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสามทั่วไปอย่างแน่นอน!
หลัวเฉิงจ้องหลี่ฮุ่ยด้วยแววตาเย็นชา “ทำไม หรือว่าเจ้าไม่กล้า”
ใบหน้าของหลี่ฮุ่ยมืดลงแล้วตะคอกเสียงแข็งกร้าว “ข้าไม่กล้างั้นหรือ ไยข้าจะไม่กล้า! เพียงแค่เอาชนะคนไร้ค่าเยี่ยงเจ้า แค่มือเดียวก็เกินพอ! เพียงแต่ว่า วันนี้มันสายเกินไปที่จะรบกวนผู้อาวุโส พรุ่งนี้เจ้าสามารถท้าประลองกับข้าเมื่อไหร่ก็ได้!”
“ดี!”
หลัวเฉิงไม่กล่าวสิ่งใดอีก เขาหันหลังแล้วเดินตรงไปยังกระท่อมไม้ไผ่ทันที
“คนไร้ค่ากล้าท้าประลองกับศิษย์พี่หลี่ด้วยเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้น่ะหรือ ช่างไม่รู้จักประมาณตน”
“ใช่แล้ว หลัวเฉิงคนนี้ประเมินความสามารถของตนเองสูงไป เขาควรได้รับบทเรียนเสียบ้าง!”
ทันทีที่หลัวเฉิงจากไป เหล่าศิษย์บำรุงสำนักก็ต่างพากันสรรเสริญหลี่ฮุ่ย แล้วแสดงความยินดีต่อเขา
หลี่ฮุ่ยลำพองใจมาก จากนั้นกล่าวด้วยสีหน้ามาดมั่น “พวกเจ้ารอดูได้เลย หากวันพรุ่งนี้เขากล้าท้าประลองกับข้าจริงๆ ข้าจะทุบตีเขาให้หน้าบวมเป็นหัวหมู! สอนให้รู้ว่ากฎคืออะไร!”
หลัวเฉิงเข้าไปในกระท่อมไม้ไผ่ แล้วเลือกเตียงที่อยู่ตรงมุมห้อง
นอกจากฟูกนอนแล้ว ยังมีอาภรณ์ของลูกศิษย์บำรุงสำนักวางไว้อีกสองชุด ขวดหยกลายคราม และหนังสือวางบนเตียงเล่มหนึ่ง
ในขวดหยกมีโอสถเลือดลมสามเม็ด
โอสถเลือดลมเป็นโอสถวิญญาณที่หาได้ง่ายสุด ซึ่งมันสามารถช่วยผู้ฝึกยุทธ์ฟื้นฟูลมปราณ เสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย และสามารถใช้มันหลอมกายาได้
หลัวเฉิงเก็บขวดหยกออกแล้วเปิดหน้าหนังสืออ่าน
หนังสือเล่มนี้มีอักษรเขียนอยู่บนปกว่า บันทึกซวนหยวน
สามหน้าแรกเป็นส่วนหนึ่งของวิชาบ่มเพาะปราณที่เรียกว่า เคล็ดวิชาหยกวิสุทธิ์ ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาระดับสามดาว
สิ่งนี้ทำให้หลัวเฉิงรู้สึกมีโทสะเล็กน้อย
เคล็ดวิชาที่มอบให้กับศิษย์บำรุงสำนักฝึกฝนนั้น เปรียบได้กับเคล็ดวิชาของตระกูลทั่วไป ด้วยสิ่งนี้ยังสมควรเรียกตนว่าเป็นสามสำนักหลักอยู่งั้นหรือ ช่างเป็นการกระทำที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีผู้อื่นยิ่งนัก
หลัวเฉิงเริ่มอ่านมันต่อและพบว่า แม้วิชาหยกวิสุทธิ์นี้จะเป็นเคล็ดวิชาระดับสามดาว แต่หากเทียบกับวิชามังกรแท้ ซึ่งเป็นเพียงขั้นหนึ่งของเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์ที่เขาฝึกฝนอยู่ มันก็เป็นเพียงเคล็ดวิชาไร้ค่าที่ไม่ควรกล่าวถึงแม้แต่น้อย...