ตอนที่ 14 : จดหมายตอบรับ
ตอนที่ 14 : จดหมายตอบรับ
ซอมบี้ 5-6 ตัวกรูกันเข้ามา
แต่สิ่งที่พวกมันต้องพบเจอก็คือมีดทำครัวที่ถูกสาดลงมา
ซอมบี้พวกนี้ล้มลงทันทีและไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาได้อีก
ประตูบันไดถูกปิดอีกครั้ง และกั้นภายในออกจากโลกภายนอก
หวู่เหิงเดินออกมาจากแนวหน้าของโครงกระดูก และเริ่มใช้ทักษะการจัดการโครงกระดูก ทำให้มีโครงกระดูกลุกขึ้นมา 6 ตัว
เขาติดตั้งมีดทำครัวให้กับซอมบี้เหล่านี้ มองท้องฟ้า และพบว่ามันเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว
วันทั้งวันได้หมดไปกับเรื่องที่สมาคมนักผจญภัย
ส่วนการจัดการกับพวกซอมบี้ในตอนนี้ก็คงจะเสี่ยงไปหน่อย ดังนั้นมันคงจะดีกว่าที่จะรอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อน
เขากลับไปที่เมืองหินดำ กินข้าว ฝึกใช้หอก และเข้านอนทันที
...
เช้าวันต่อมา หวู่เหิงตื่นแต่เช้า เพราะชีวิตที่ไม่มีเกมให้เล่นทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว เขาก็ตรงไปที่สมาคมนักผจญภัยทันที
ในตอนเช้า มันมีคนอยู่ที่นี่ไม่มากเท่าไร
หวู่เหิงเดินไปที่เคาน์เตอร์และถาม “ช่วยตรวจสอบให้หน่อยได้ไหมว่าคำขอของข้าดำเนินการเรียบร้อยแล้วรึยัง?”
“ช่วยนำตั๋วคำขอมาให้ข้าตรวจสอบด้วยเจ้าค่ะ”
หวู่เหิงยื่นตั๋วให้กับเจ้าหน้าที่ และอีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นหลังจากตรวจสอบดูแล้ว
“คำขอของท่านดำเนินการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ และท่านต้องชำระค่าบริการเพิ่มอีก 15 เหรียญเงิน 32 เหรียญทองแดง”
ในที่สุดมันก็เสร็จสักที
แต่ราคาของมันก็สูงเอาเรื่องเลย
เงิน 15 เหรียญเงินเพียงพอที่จะใช้ซื้อดาบเหล็กทั่วไปได้ 3 เล่มเลยทีเดียว
แต่เขาก็ไม่ลังเลและยื่นเงินให้อีกฝ่ายทันที จากนั้นยาถอนพิษพร้อมกับรายงานการทดสอบก็ได้ถูกยื่นกลับมาให้กับเขา
[ยาถอนพิษแบบทำขึ้นเอง]
[รายละเอียด: ยาถอนพิษที่ใช้สำหรับการถอนพิษบางอย่าง]
หวู่เหิงเก็บยาถอนพิษและรีบกลับไปที่บ้านของเขา
ณ โลกซอมบี้
เมื่อหวู่เหิงมาถึงชั้นดาดฟ้าแล้ว เขาก็หยิบเอายาถอนพิษและรายงานออกมาตรวจสอบ
หวู่เหิงไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุในโลกใบนี้
แต่ความสามารถของยาเล่นแร่แปรธาตุนั้นก็มีความน่าอัศจรรย์อยู่หลายประการ แม้แต่ในโลกสมัยใหม่ที่มีเทคโนโลยีอันก้าวหน้าก็ยังไม่มียาที่น่ามหัศจรรย์เช่นนั้นอยู่เลย
ถ้าไม่ใช่เพราะโลกสมัยใหม่ได้กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว การตั้งบริษัทขายยาขึ้นมาก็คงจะทำเงินได้มากมายมหาศาลแล้ว
นอกจากยาถอนพิษแล้ว มันก็ยังมีกระดาษรายงานอยู่ด้วย
รายงานนี้บันทึกผลการทดสอบแกนศพและวัตถุดิบที่ใช้เพื่อการเตรียมยาถอนพิษ
ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ก็คือคำขอของหวู่เหิงนั่นเอง
การทดสอบแสดงให้เห็นพิษต่อระบบประสาท พิษจากศพ และสารพิษอื่นๆ อีกหลายชนิด และข้อเสนอแนะก็คือการใช้แกนศพเป็นวัตถุดิบในการเล่นแร่แปรธาตุกับไม่แนะนำให้กินมันเข้าไปตรงๆ
ส่วนวัตถุดิบสำหรับใช้ในการถอนพิษ ชื่อของพวกมันซับซ้อนเกินไปและเขาก็จำไม่ได้สักชื่อเลย
หลังจากเหลือบมอบดูแล้ว เขาก็เก็บมันไป
เขาหยิบเอาแกนศพที่เหลือออกมา และวางยาถอนพิษไว้ข้างๆ
เขาเก็บแกนศพนี้ไว้กับตัวหลายวันแล้ว โชคดีที่มันยังไม่ส่งกลิ่นเหม็นออกมา
มิฉะนั้นเงินที่เขาได้ใช้ไปก็คงจะสูญเปล่าไปแล้ว
หลังจากฆ่าเชื้อด้วยไวน์ขาวแล้ว เขาก็กลืนมันเข้าไปในทันทีโดยไม่ลังเล
ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
[ความทนทาน+2 ความแข็งแกร่ง+1 ความว่องไว+2]
เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น
แต่ก่อนที่หวู่เหิงจะทันได้ดีใจนั้น ความรู้สึกแสบร้อนก็เริ่มแพร่กระจายจากหน้าท้องของเขาไปทั่วร่างกาย
เส้นเลือดของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงอมเขียวและปรากฏบนแขนและคอของเขา ในขณะที่ความรู้สึกแสบร้อนกลายเป็นความเจ็บปวดอันแสนสาหัส
“บ้าเอ้ย! มันมีพิษจริงๆ ด้วย”
ป๊อก!
เขาเปิดขวดยาถอนพิษและกลืนมันลงไปในทันที
หลังจากกลืนยาถอนพิษลงไปแล้ว ความเจ็บปวดก็บรรเทาลงมันที และเส้นเลือดสีม่วงอมเขียวของเขาก็ค่อยๆ จางหายไปด้วย
ไม่นานนัก พวกมันก็หายไปจนหมด
หลังจากผ่านไปประมาณ 5-6 นาที หวู่เหิงที่กำลังนอนอยู่บนพื้นก็พ่นลมหายใจออกมา
ฟู้ว~!
“โชคดีที่มียาถอนพิษนี้ ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะตายไปแล้วก็ได้”
เมื่อความเจ็บปวดหายไปจนหมด และจิตใจของเขาก็ชัดเจนขึ้นมา เขาก็รู้สึกได้ถึงความยินดีในทันที
ด้วยค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นมาถึง 5 หน่วย มันจึงทำให้ค่าสถานะของเขากลายเป็นดังนี้
[ค่าสถานะ: ความแข็งแกร่ง 10, ความว่องไว 13, ความทนทาน 15, สติปัญญา 16, การรับรู้ 10, เสน่ห์ 13]
แม้ว่าค่าสถานะที่ถูกเพิ่มขึ้นมาจะเป็นความแข็งแกร่ง ความว่องไว และความทนทาน แต่ค่าสถานะเหล่านี้ก็ได้ส่งผลต่อสมรรถภาพของเขาโดยตรง และการมีค่าสถานะที่สูงขึ้นก็ย่อมเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน
มันไม่ใช่แค่ค่าสติปัญญาเท่านั้นที่จะประโยชน์กับเหล่านักเวท
หลังจากรู้สึกตื่นเต้นอยู่พักหนึ่งแล้ว เขาก็สงบใจลงมาได้
เขาหยิบเอาสูตรยาออกมาและประเมินมันอีกครั้ง
“มันเป็นไปได้ที่ข้าจะต้องใช้แกนหมอกอีกและต้องเพิ่มค่าสถานะของข้าด้วยวิธีนี้…”
หากการคาดเดานี้ถูกต้อง ค่าสถานะของเขาก็คงจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
แม้ว่าการเลื่อนเลเวลจะไม่ได้เพิ่มค่าสถานะของเขาเท่าไร แต่เขาก็ยังสามารถเพิ่มค่าสถานะของเขาได้ผ่านการใช้งานแกนศพ
ทั้งสองสามารถชดเชยซึ่งกันและกันได้
หลังจากพักอยู่สักพักและพบว่าร่างกายของเขาไม่มีความผิดปกติอะไรแล้ว เขาก็ลุกขึ้นอีกครั้งและเริ่มการเลื่อนระดับของวันนี้ภายใต้การบัญชาการเหล่าโครงกระดูก
ด้วยเวลาที่ผ่านไปทั้งคืน มันก็มีซอมบี้เร่ร่อนปรากฏขึ้นอีก 3 ตัว
เขาเปิดประตูบันไดและออกคำสั่ง “โจมตี”
อึดใจต่อมา พวกโครงกระดูกก็กรูกันออกไป
พวกมันพุ่งเข้าหาซอมบี้ที่อยู่ทางด้านนอก
ซอมบี้พวกนั้นล้มลง และก่อนที่พวกมันจะทันได้ลุกขึ้น พวกมันก็ถูกบดขยี้โดยมีดทำครัวจำนวนนับไม่ถ้วนไปแล้ว
การต่อสู้ที่นี่ยังได้ดึงดูดความสนใจของซอมบี้ที่อยู่ใกล้ๆ เข้ามาด้วย
พวกมันพุ่งเข้ามาจากบันไดที่เปิดอยู่และด้านหลังของอาคาร
“โจมตี!” หวู่เหิงเองก็ก้าวออกมาจากโถงทางเดินและตะโกนสั่งการ
เหล่านักรบโครงกระดูกชูอาวุธขึ้นพร้อมกัน และพุ่งเข้าหาเหล่าซอมบี้ในทันที
มันมีเสียงคำรามและเสียงสับดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กระจกอาคารด้านหน้าแตกเป็นชิ้นๆ และซอมบี้ก็ตกลงมาจากหน้าต่างด้านบน
ตัวที่ตกลงมาจากชั้นที่สูงหน่อยก็ร่างแหลกเหลวในทันที ส่วนตัวที่อยู่ชั้นที่ต่ำลงมาก็แข้งขาหักและคลานไปตามพื้น
“เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
ซอมบี้กรูกันออกมาจากทุกทิศทางและพุ่งเข้ามาหากองทัพโครงกระดูก
แม้ว่าพวกโครงกระดูกจะพอรับมือได้ แต่มันก็ยังตึงมืออยู่ดี
สุนัขโครงกระดูกกระโจนออกไปจากกลุ่มโครงกระดูก กระแทกซอมบี้ 1-2 ตัวให้ล้มลง กัดคอของพวกมัน และสะบัดหัวของมันอย่างรุนแรง
เมื่อซอมบี้ตัวอื่นกรูกันเข้ามา มันก็กระโจนกลับไปยังแนวหลังของพวกโครงกระดูก และไม่ลืมที่จะกระดิกเอวของมันด้วยราวกับมันต้องการที่จะเยาะเย้ยอีกฝ่าย
หวู่เหิงยืนอยู่ในแนวหลังของพวกโครงกระดูก และเฝ้าสังเกตสถานการณ์ในขณะที่เขาปลดปล่อยทักษะการควบคุมโครงกระดูกออกมาเพื่อทดสอบโครงกระดูกที่เสียหายไป
เหล่าซอมบี้เริ่มลดจำนวนลงเรื่อยๆ และสุดท้ายมันก็เหลือซอมบี้เพียงไม่กี่ตัวและซอมบี้ที่ขาหักจากการกระโดดลงมาจากอาคารซึ่งกำลังคลานมาทางนี้
“ไปจัดการซอมบี้พิการพวกนั้นซะ” หวู่เหิงสั่งการสุนัขโครงกระดูก
สุนัขโครงกระดูกกระดิกหางของมัน กระโจนออกไปหาซอมบี้กลุ่มนั้น และจัดการสังหารซอมบี้ที่กำลังคลานอยู่ทีละตัว
ในไม่ช้า พื้นด้านล่างก็เต็มไปด้วยศพของซอมบี้กว่า 40 ร่าง
กองทัพโครงกระดูกได้ขนร่างของพวกมันไปกองรวมกันเอาไว้ และหวู่เหิงก็เริ่มปลดปล่อยทักษะการควบคุมโครงกระดูกทันที
เขาอัญเชิญพวกมันออกมานิดหน่อยและพักอยู่สักพักเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลังวิญญาณมากเกินไป
เขาไม่อยากจะรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว
ท้องฟ้าเริ่มมืดลงอีกครั้ง
เขามองดูร่างที่เหลือที่ยังไม่ถูกแปรสภาพ และสุดท้ายเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะใช้เวลาทั้งคืนเพื่อแปรสภาพพวกมัน
เขาจะใจร้อนไม่ได้ มันต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
...
หลังจากกลับมาที่เมืองหินดำแล้ว หวู่เหิงก็ไปทานมื้อเย็นที่โรงเตี๊ยม
ในระหว่างทาง เขาก็ได้ยินข้อมูลบางอย่างจากการพูดคุยกันของแขกในโรงเตี๊ยม
มันมีทั้งข้อมูลว่าซ่องมีส่วนลดอะไรบ้าง โรงตีเหล็กขึ้นราคาจากการขาดแคลนแร่ และอื่นๆ
นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับเขาในการทำความเข้าใจโลกนี้
การถามคนอื่นอาจจะดึงดูดความสนใจได้ และการฟังคนอื่นคุยกันนั้นก็ทำให้เขาได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เป็นจำนวนมากเช่นกัน
หลังจากกินและดื่มเพียงพอแล้ว เขาก็ได้เดินกลับไปยังที่พัก
เขาพึงพอใจมาก
“ช่างพลิกผันอะไรเช่นนี้!”
สิ่งดีๆ เกิดขึ้นติดต่อกันในสองวันนี้ ทำให้เขารู้สึกโชคดีมาก
ทุกอย่างเริ่มราบรื่นขึ้นและอนาคตก็สดใสขึ้น
“ต้องคอยเพิ่มค่าสถานะและเพิ่มจำนวนโครงกระดูกขึ้นเรื่อยๆ” หวู่เหิงย้ำกับตัวเอง
เขารีบเดินกลับไปยังที่พัก
อย่างไรก็ตาม ในทันทีที่เขาเลี้ยวเข้าไปในซอยที่เขาอาศัยอยู่ เขาก็กระทืบเท้าในทันใด
เขารีบถอยออกไปนอกซอยและเปิดซองปืน
มันมีร่างสามร่างยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเขา
พวกเขาประกอบไปด้วยผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน และอีกคนที่อยู่ในชุดคลุมสีดำซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
พวกอาชญากรต้องการมาแก้แค้นงั้นเหรอ? มันยังไม่มืดเลยนะ!
หวู่เหิงตื่นตัวขึ้นมา
คนทั้งสามเองก็รับรู้ได้ถึงเสียงที่เกิดขึ้น และหนึ่งในนั้นก็กล่าวว่า “หวู่เหิงเหรอ?”
“ใช่แล้ว มีอะไรรึเปล่า?”
“การรับรองจากสำนักงานใหญ่ถูกส่งกลับมาแล้ว และหัวหน้าก็ได้บอกให้นำมันมาให้กับเจ้า พร้อมกับโครงกระดูกของเจ้าด้วย”
ในขณะที่เขาพูด หนึ่งในนั้นก็ปลดผ้าคลุมศีรษะของร่างที่อยู่ทางด้านหลัง เผยให้เห็นนักรบโครงกระดูกที่มีเพลิงวิญญาณเรืองแสงอยู่ในม่านตาของมัน
รอยเล็กน้อยบนกระดูกขากรรไกรล่างพิสูจน์ได้ว่าเป็นอาชญากรที่หวู่เหิงได้สังหารไป
“ข้าขออภัยด้วย เชิญเข้ามาก่อนละกัน” หวู่เหิงขอโทษขอโพย เขาก้าวไปเปิดประตูและเชิญพวกเขาเข้าไปข้างใน
ชายผู้นี้น่าจะอยู่ในวัยสี่สิบ มีผมสีน้ำตาลหวีไปด้านหลัง เขามีใบหน้าที่เคร่งขรึมและจริงจัง สวมชุดเกราะสีเงิน และมีดาบยาวห้อยอยู่ที่เอว ส่วนที่ตำแหน่งหน้าอกด้านขวาของชุดเกราะก็มีสัญลักษณ์ของสมาคมอยู่
ส่วนอีกคนเป็นหญิงสาวที่มีผมสีบลอนด์ ใบหน้าคมและงดงาม ตัวสูง สวมชุดเกราะหนังสีน้ำตาลและกางเกงหนังรัดรูป ขาของเธอยาวเรียวมากเลยทีเดียว
เธอให้ความรู้สึกถึงความฉลาดและความสามารถ
ในทันทีที่เธอเข้ามาในห้อง เธอก็กวาดสายตามองดูทุกอย่างทันที
“นั่งก่อนสิ” หวู่เหิงส่งสัญญาณให้ทั้งสองนั่งลง จากนั้นเขาก็เปิดขวดชาเย็น และรินให้ทั้งสอง
หลังจากที่เขาเองก็นั่งลงแล้ว ในที่สุดชายคนนั้นก็หยิบบางสิ่งออกมา
เขาวางพวกมันทีละอันบนโต๊ะไม้และกล่าวว่า “ชื่อของข้าคือออทรัค ข้าคือหัวหน้าหน่วยที่สี่ที่ประจำการอยู่ในเมืองหินดำ ส่วนนี่ก็คาวิน่า”
หญิงสาวพยักหน้า
“ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ”
ชายวัยกลางคนหยิบของต่างๆ ออกมาวางไว้บนโต๊ะทีละชิ้นและกล่าวว่า “นี่คือจดหมายรับรองจากสมาคมและชุดเกราะของเจ้า ดูแลพวกมันให้ดีล่ะ ชุดเกราะนี้ถือว่าเป็นสวัสดิการ เจ้าไม่จำเป็นต้องสวมมันก็ได้”
มันมีสวัสดิการเป็นชุดเกราะด้วย เยี่ยมจริงๆ
ออทรัคพูดต่อ “ตามการแบ่งกำลังพลของสมาคมนักผจญภัยสาขาเมืองหินดำ เจ้าก็ถือว่าเป็นสมาชิกของหน่วยที่สี่แล้ว”
หวู่เหิงเข้าใจแล้วว่าคนพวกนี้มาทำไม
กลายเป็นว่ามันมีการแบ่งหน่วยที่เขาต้องอยู่เอาไว้แล้ว
“ขอรับ งั้นหน่วยของพวกเราก็มีกันแค่ 3 คนงั้นเหรอ?” หวู่เหิงถามด้วยความสงสัย
“แต่ละหน่วยจะมีคนระหว่าง 3-5 คน และหน่วยของพวกเราก็เป็นหน่วยใหม่ ดังนั้นพวกเราจึงมีสมาชิกแค่ 3 คนเท่านั้น”
หน่วยต่างๆ ของสมาคมนักผจญภัยจะมีหน้าที่ในการทำภารกิจต่างๆ และช่วยเหลือทหารประจำเมือง
สมาชิกของแต่ละหน่วยไม่ได้มีคนมากเท่ากับหน่วยทหาร
เพราะถ้ามีคนในหน่วยมากเกินไป มันก็อาจจะทำให้เกิดการต่อต้านจากคนในพื้นที่ได้
ออทรัคพูดต่อ “นอกจากนี้พวกเรายังมีภารกิจในวันพรุ่งนี้ด้วย พวกเราจะออกเดินทางในช่วยเจ้าตรู่ ไปเจอกันที่ประตูเมืองทิศตะวันตกละกัน อย่าสายล่ะ”
หวู่เหิงตกใจ “เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”