ตอนที่แล้วตอนที่ 13 : โครงกระดูกเลเวลเจ็ด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 : หน่วย

ตอนที่ 14 : จดหมายตอบรับ


ตอนที่ 14 : จดหมายตอบรับ

ซอมบี้ 5-6 ตัวกรูกันเข้ามา

แต่สิ่งที่พวกมันต้องพบเจอก็คือมีดทำครัวที่ถูกสาดลงมา

ซอมบี้พวกนี้ล้มลงทันทีและไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาได้อีก

ประตูบันไดถูกปิดอีกครั้ง และกั้นภายในออกจากโลกภายนอก

หวู่เหิงเดินออกมาจากแนวหน้าของโครงกระดูก และเริ่มใช้ทักษะการจัดการโครงกระดูก ทำให้มีโครงกระดูกลุกขึ้นมา 6 ตัว

เขาติดตั้งมีดทำครัวให้กับซอมบี้เหล่านี้ มองท้องฟ้า และพบว่ามันเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว

วันทั้งวันได้หมดไปกับเรื่องที่สมาคมนักผจญภัย

ส่วนการจัดการกับพวกซอมบี้ในตอนนี้ก็คงจะเสี่ยงไปหน่อย ดังนั้นมันคงจะดีกว่าที่จะรอให้ถึงพรุ่งนี้ก่อน

เขากลับไปที่เมืองหินดำ กินข้าว ฝึกใช้หอก และเข้านอนทันที

...

เช้าวันต่อมา หวู่เหิงตื่นแต่เช้า เพราะชีวิตที่ไม่มีเกมให้เล่นทำให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก

หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว เขาก็ตรงไปที่สมาคมนักผจญภัยทันที

ในตอนเช้า มันมีคนอยู่ที่นี่ไม่มากเท่าไร

หวู่เหิงเดินไปที่เคาน์เตอร์และถาม “ช่วยตรวจสอบให้หน่อยได้ไหมว่าคำขอของข้าดำเนินการเรียบร้อยแล้วรึยัง?”

“ช่วยนำตั๋วคำขอมาให้ข้าตรวจสอบด้วยเจ้าค่ะ”

หวู่เหิงยื่นตั๋วให้กับเจ้าหน้าที่ และอีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นหลังจากตรวจสอบดูแล้ว

“คำขอของท่านดำเนินการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ และท่านต้องชำระค่าบริการเพิ่มอีก 15 เหรียญเงิน 32 เหรียญทองแดง”

ในที่สุดมันก็เสร็จสักที

แต่ราคาของมันก็สูงเอาเรื่องเลย

เงิน 15 เหรียญเงินเพียงพอที่จะใช้ซื้อดาบเหล็กทั่วไปได้ 3 เล่มเลยทีเดียว

แต่เขาก็ไม่ลังเลและยื่นเงินให้อีกฝ่ายทันที จากนั้นยาถอนพิษพร้อมกับรายงานการทดสอบก็ได้ถูกยื่นกลับมาให้กับเขา

[ยาถอนพิษแบบทำขึ้นเอง]

[รายละเอียด: ยาถอนพิษที่ใช้สำหรับการถอนพิษบางอย่าง]

หวู่เหิงเก็บยาถอนพิษและรีบกลับไปที่บ้านของเขา

ณ โลกซอมบี้

เมื่อหวู่เหิงมาถึงชั้นดาดฟ้าแล้ว เขาก็หยิบเอายาถอนพิษและรายงานออกมาตรวจสอบ

หวู่เหิงไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุในโลกใบนี้

แต่ความสามารถของยาเล่นแร่แปรธาตุนั้นก็มีความน่าอัศจรรย์อยู่หลายประการ แม้แต่ในโลกสมัยใหม่ที่มีเทคโนโลยีอันก้าวหน้าก็ยังไม่มียาที่น่ามหัศจรรย์เช่นนั้นอยู่เลย

ถ้าไม่ใช่เพราะโลกสมัยใหม่ได้กลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว การตั้งบริษัทขายยาขึ้นมาก็คงจะทำเงินได้มากมายมหาศาลแล้ว

นอกจากยาถอนพิษแล้ว มันก็ยังมีกระดาษรายงานอยู่ด้วย

รายงานนี้บันทึกผลการทดสอบแกนศพและวัตถุดิบที่ใช้เพื่อการเตรียมยาถอนพิษ

ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ก็คือคำขอของหวู่เหิงนั่นเอง

การทดสอบแสดงให้เห็นพิษต่อระบบประสาท พิษจากศพ และสารพิษอื่นๆ อีกหลายชนิด และข้อเสนอแนะก็คือการใช้แกนศพเป็นวัตถุดิบในการเล่นแร่แปรธาตุกับไม่แนะนำให้กินมันเข้าไปตรงๆ

ส่วนวัตถุดิบสำหรับใช้ในการถอนพิษ ชื่อของพวกมันซับซ้อนเกินไปและเขาก็จำไม่ได้สักชื่อเลย

หลังจากเหลือบมอบดูแล้ว เขาก็เก็บมันไป

เขาหยิบเอาแกนศพที่เหลือออกมา และวางยาถอนพิษไว้ข้างๆ

เขาเก็บแกนศพนี้ไว้กับตัวหลายวันแล้ว โชคดีที่มันยังไม่ส่งกลิ่นเหม็นออกมา

มิฉะนั้นเงินที่เขาได้ใช้ไปก็คงจะสูญเปล่าไปแล้ว

หลังจากฆ่าเชื้อด้วยไวน์ขาวแล้ว เขาก็กลืนมันเข้าไปในทันทีโดยไม่ลังเล

ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร

[ความทนทาน+2 ความแข็งแกร่ง+1 ความว่องไว+2]

เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น

แต่ก่อนที่หวู่เหิงจะทันได้ดีใจนั้น ความรู้สึกแสบร้อนก็เริ่มแพร่กระจายจากหน้าท้องของเขาไปทั่วร่างกาย

เส้นเลือดของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงอมเขียวและปรากฏบนแขนและคอของเขา ในขณะที่ความรู้สึกแสบร้อนกลายเป็นความเจ็บปวดอันแสนสาหัส

“บ้าเอ้ย! มันมีพิษจริงๆ ด้วย”

ป๊อก!

เขาเปิดขวดยาถอนพิษและกลืนมันลงไปในทันที

หลังจากกลืนยาถอนพิษลงไปแล้ว ความเจ็บปวดก็บรรเทาลงมันที และเส้นเลือดสีม่วงอมเขียวของเขาก็ค่อยๆ จางหายไปด้วย

ไม่นานนัก พวกมันก็หายไปจนหมด

หลังจากผ่านไปประมาณ 5-6 นาที หวู่เหิงที่กำลังนอนอยู่บนพื้นก็พ่นลมหายใจออกมา

ฟู้ว~!

“โชคดีที่มียาถอนพิษนี้ ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะตายไปแล้วก็ได้”

เมื่อความเจ็บปวดหายไปจนหมด และจิตใจของเขาก็ชัดเจนขึ้นมา เขาก็รู้สึกได้ถึงความยินดีในทันที

ด้วยค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นมาถึง 5 หน่วย มันจึงทำให้ค่าสถานะของเขากลายเป็นดังนี้

[ค่าสถานะ: ความแข็งแกร่ง 10, ความว่องไว 13, ความทนทาน 15, สติปัญญา 16, การรับรู้ 10, เสน่ห์ 13]

แม้ว่าค่าสถานะที่ถูกเพิ่มขึ้นมาจะเป็นความแข็งแกร่ง ความว่องไว และความทนทาน แต่ค่าสถานะเหล่านี้ก็ได้ส่งผลต่อสมรรถภาพของเขาโดยตรง และการมีค่าสถานะที่สูงขึ้นก็ย่อมเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน

มันไม่ใช่แค่ค่าสติปัญญาเท่านั้นที่จะประโยชน์กับเหล่านักเวท

หลังจากรู้สึกตื่นเต้นอยู่พักหนึ่งแล้ว เขาก็สงบใจลงมาได้

เขาหยิบเอาสูตรยาออกมาและประเมินมันอีกครั้ง

“มันเป็นไปได้ที่ข้าจะต้องใช้แกนหมอกอีกและต้องเพิ่มค่าสถานะของข้าด้วยวิธีนี้…”

หากการคาดเดานี้ถูกต้อง ค่าสถานะของเขาก็คงจะเพิ่มขึ้นได้อย่างไม่มีขีดจำกัด

แม้ว่าการเลื่อนเลเวลจะไม่ได้เพิ่มค่าสถานะของเขาเท่าไร แต่เขาก็ยังสามารถเพิ่มค่าสถานะของเขาได้ผ่านการใช้งานแกนศพ

ทั้งสองสามารถชดเชยซึ่งกันและกันได้

หลังจากพักอยู่สักพักและพบว่าร่างกายของเขาไม่มีความผิดปกติอะไรแล้ว เขาก็ลุกขึ้นอีกครั้งและเริ่มการเลื่อนระดับของวันนี้ภายใต้การบัญชาการเหล่าโครงกระดูก

ด้วยเวลาที่ผ่านไปทั้งคืน มันก็มีซอมบี้เร่ร่อนปรากฏขึ้นอีก 3 ตัว

เขาเปิดประตูบันไดและออกคำสั่ง “โจมตี”

อึดใจต่อมา พวกโครงกระดูกก็กรูกันออกไป

พวกมันพุ่งเข้าหาซอมบี้ที่อยู่ทางด้านนอก

ซอมบี้พวกนั้นล้มลง และก่อนที่พวกมันจะทันได้ลุกขึ้น พวกมันก็ถูกบดขยี้โดยมีดทำครัวจำนวนนับไม่ถ้วนไปแล้ว

การต่อสู้ที่นี่ยังได้ดึงดูดความสนใจของซอมบี้ที่อยู่ใกล้ๆ เข้ามาด้วย

พวกมันพุ่งเข้ามาจากบันไดที่เปิดอยู่และด้านหลังของอาคาร

“โจมตี!” หวู่เหิงเองก็ก้าวออกมาจากโถงทางเดินและตะโกนสั่งการ

เหล่านักรบโครงกระดูกชูอาวุธขึ้นพร้อมกัน และพุ่งเข้าหาเหล่าซอมบี้ในทันที

มันมีเสียงคำรามและเสียงสับดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กระจกอาคารด้านหน้าแตกเป็นชิ้นๆ และซอมบี้ก็ตกลงมาจากหน้าต่างด้านบน

ตัวที่ตกลงมาจากชั้นที่สูงหน่อยก็ร่างแหลกเหลวในทันที ส่วนตัวที่อยู่ชั้นที่ต่ำลงมาก็แข้งขาหักและคลานไปตามพื้น

“เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”

ซอมบี้กรูกันออกมาจากทุกทิศทางและพุ่งเข้ามาหากองทัพโครงกระดูก

แม้ว่าพวกโครงกระดูกจะพอรับมือได้ แต่มันก็ยังตึงมืออยู่ดี

สุนัขโครงกระดูกกระโจนออกไปจากกลุ่มโครงกระดูก กระแทกซอมบี้ 1-2 ตัวให้ล้มลง กัดคอของพวกมัน และสะบัดหัวของมันอย่างรุนแรง

เมื่อซอมบี้ตัวอื่นกรูกันเข้ามา มันก็กระโจนกลับไปยังแนวหลังของพวกโครงกระดูก และไม่ลืมที่จะกระดิกเอวของมันด้วยราวกับมันต้องการที่จะเยาะเย้ยอีกฝ่าย

หวู่เหิงยืนอยู่ในแนวหลังของพวกโครงกระดูก และเฝ้าสังเกตสถานการณ์ในขณะที่เขาปลดปล่อยทักษะการควบคุมโครงกระดูกออกมาเพื่อทดสอบโครงกระดูกที่เสียหายไป

เหล่าซอมบี้เริ่มลดจำนวนลงเรื่อยๆ และสุดท้ายมันก็เหลือซอมบี้เพียงไม่กี่ตัวและซอมบี้ที่ขาหักจากการกระโดดลงมาจากอาคารซึ่งกำลังคลานมาทางนี้

“ไปจัดการซอมบี้พิการพวกนั้นซะ” หวู่เหิงสั่งการสุนัขโครงกระดูก

สุนัขโครงกระดูกกระดิกหางของมัน กระโจนออกไปหาซอมบี้กลุ่มนั้น และจัดการสังหารซอมบี้ที่กำลังคลานอยู่ทีละตัว

ในไม่ช้า พื้นด้านล่างก็เต็มไปด้วยศพของซอมบี้กว่า 40 ร่าง

กองทัพโครงกระดูกได้ขนร่างของพวกมันไปกองรวมกันเอาไว้ และหวู่เหิงก็เริ่มปลดปล่อยทักษะการควบคุมโครงกระดูกทันที

เขาอัญเชิญพวกมันออกมานิดหน่อยและพักอยู่สักพักเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้พลังวิญญาณมากเกินไป

เขาไม่อยากจะรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว

ท้องฟ้าเริ่มมืดลงอีกครั้ง

เขามองดูร่างที่เหลือที่ยังไม่ถูกแปรสภาพ และสุดท้ายเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะใช้เวลาทั้งคืนเพื่อแปรสภาพพวกมัน

เขาจะใจร้อนไม่ได้ มันต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป

...

หลังจากกลับมาที่เมืองหินดำแล้ว หวู่เหิงก็ไปทานมื้อเย็นที่โรงเตี๊ยม

ในระหว่างทาง เขาก็ได้ยินข้อมูลบางอย่างจากการพูดคุยกันของแขกในโรงเตี๊ยม

มันมีทั้งข้อมูลว่าซ่องมีส่วนลดอะไรบ้าง โรงตีเหล็กขึ้นราคาจากการขาดแคลนแร่ และอื่นๆ

นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับเขาในการทำความเข้าใจโลกนี้

การถามคนอื่นอาจจะดึงดูดความสนใจได้ และการฟังคนอื่นคุยกันนั้นก็ทำให้เขาได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์เป็นจำนวนมากเช่นกัน

หลังจากกินและดื่มเพียงพอแล้ว เขาก็ได้เดินกลับไปยังที่พัก

เขาพึงพอใจมาก

“ช่างพลิกผันอะไรเช่นนี้!”

สิ่งดีๆ เกิดขึ้นติดต่อกันในสองวันนี้ ทำให้เขารู้สึกโชคดีมาก

ทุกอย่างเริ่มราบรื่นขึ้นและอนาคตก็สดใสขึ้น

“ต้องคอยเพิ่มค่าสถานะและเพิ่มจำนวนโครงกระดูกขึ้นเรื่อยๆ” หวู่เหิงย้ำกับตัวเอง

เขารีบเดินกลับไปยังที่พัก

อย่างไรก็ตาม ในทันทีที่เขาเลี้ยวเข้าไปในซอยที่เขาอาศัยอยู่ เขาก็กระทืบเท้าในทันใด

เขารีบถอยออกไปนอกซอยและเปิดซองปืน

มันมีร่างสามร่างยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านของเขา

พวกเขาประกอบไปด้วยผู้ชาย 1 คน ผู้หญิง 1 คน และอีกคนที่อยู่ในชุดคลุมสีดำซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

พวกอาชญากรต้องการมาแก้แค้นงั้นเหรอ? มันยังไม่มืดเลยนะ!

หวู่เหิงตื่นตัวขึ้นมา

คนทั้งสามเองก็รับรู้ได้ถึงเสียงที่เกิดขึ้น และหนึ่งในนั้นก็กล่าวว่า “หวู่เหิงเหรอ?”

“ใช่แล้ว มีอะไรรึเปล่า?”

“การรับรองจากสำนักงานใหญ่ถูกส่งกลับมาแล้ว และหัวหน้าก็ได้บอกให้นำมันมาให้กับเจ้า พร้อมกับโครงกระดูกของเจ้าด้วย”

ในขณะที่เขาพูด หนึ่งในนั้นก็ปลดผ้าคลุมศีรษะของร่างที่อยู่ทางด้านหลัง เผยให้เห็นนักรบโครงกระดูกที่มีเพลิงวิญญาณเรืองแสงอยู่ในม่านตาของมัน

รอยเล็กน้อยบนกระดูกขากรรไกรล่างพิสูจน์ได้ว่าเป็นอาชญากรที่หวู่เหิงได้สังหารไป

“ข้าขออภัยด้วย เชิญเข้ามาก่อนละกัน” หวู่เหิงขอโทษขอโพย เขาก้าวไปเปิดประตูและเชิญพวกเขาเข้าไปข้างใน

ชายผู้นี้น่าจะอยู่ในวัยสี่สิบ มีผมสีน้ำตาลหวีไปด้านหลัง เขามีใบหน้าที่เคร่งขรึมและจริงจัง สวมชุดเกราะสีเงิน และมีดาบยาวห้อยอยู่ที่เอว ส่วนที่ตำแหน่งหน้าอกด้านขวาของชุดเกราะก็มีสัญลักษณ์ของสมาคมอยู่

ส่วนอีกคนเป็นหญิงสาวที่มีผมสีบลอนด์ ใบหน้าคมและงดงาม ตัวสูง สวมชุดเกราะหนังสีน้ำตาลและกางเกงหนังรัดรูป ขาของเธอยาวเรียวมากเลยทีเดียว

เธอให้ความรู้สึกถึงความฉลาดและความสามารถ

ในทันทีที่เธอเข้ามาในห้อง เธอก็กวาดสายตามองดูทุกอย่างทันที

“นั่งก่อนสิ” หวู่เหิงส่งสัญญาณให้ทั้งสองนั่งลง จากนั้นเขาก็เปิดขวดชาเย็น และรินให้ทั้งสอง

หลังจากที่เขาเองก็นั่งลงแล้ว ในที่สุดชายคนนั้นก็หยิบบางสิ่งออกมา

เขาวางพวกมันทีละอันบนโต๊ะไม้และกล่าวว่า “ชื่อของข้าคือออทรัค ข้าคือหัวหน้าหน่วยที่สี่ที่ประจำการอยู่ในเมืองหินดำ ส่วนนี่ก็คาวิน่า”

หญิงสาวพยักหน้า

“ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ”

ชายวัยกลางคนหยิบของต่างๆ ออกมาวางไว้บนโต๊ะทีละชิ้นและกล่าวว่า “นี่คือจดหมายรับรองจากสมาคมและชุดเกราะของเจ้า ดูแลพวกมันให้ดีล่ะ ชุดเกราะนี้ถือว่าเป็นสวัสดิการ เจ้าไม่จำเป็นต้องสวมมันก็ได้”

มันมีสวัสดิการเป็นชุดเกราะด้วย เยี่ยมจริงๆ

ออทรัคพูดต่อ “ตามการแบ่งกำลังพลของสมาคมนักผจญภัยสาขาเมืองหินดำ เจ้าก็ถือว่าเป็นสมาชิกของหน่วยที่สี่แล้ว”

หวู่เหิงเข้าใจแล้วว่าคนพวกนี้มาทำไม

กลายเป็นว่ามันมีการแบ่งหน่วยที่เขาต้องอยู่เอาไว้แล้ว

“ขอรับ งั้นหน่วยของพวกเราก็มีกันแค่ 3 คนงั้นเหรอ?” หวู่เหิงถามด้วยความสงสัย

“แต่ละหน่วยจะมีคนระหว่าง 3-5 คน และหน่วยของพวกเราก็เป็นหน่วยใหม่ ดังนั้นพวกเราจึงมีสมาชิกแค่ 3 คนเท่านั้น”

หน่วยต่างๆ ของสมาคมนักผจญภัยจะมีหน้าที่ในการทำภารกิจต่างๆ และช่วยเหลือทหารประจำเมือง

สมาชิกของแต่ละหน่วยไม่ได้มีคนมากเท่ากับหน่วยทหาร

เพราะถ้ามีคนในหน่วยมากเกินไป มันก็อาจจะทำให้เกิดการต่อต้านจากคนในพื้นที่ได้

ออทรัคพูดต่อ “นอกจากนี้พวกเรายังมีภารกิจในวันพรุ่งนี้ด้วย พวกเราจะออกเดินทางในช่วยเจ้าตรู่ ไปเจอกันที่ประตูเมืองทิศตะวันตกละกัน อย่าสายล่ะ”

หวู่เหิงตกใจ “เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด