(ฟรี) บทที่ 90 (ฟรี)
(ฟรี) บทที่ 90 (ฟรี)
ได้พลังใหม่มา หยางอี้อี้ตื่นเต้นยินดีมาก ระหว่างทางเดินกระโดดโลดเต้นคุยกับอู๋เทียนไม่หยุดปาก
หัวข้อสนทนาส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวการผจญภัยของเธอ เช่น ตอนที่เพิ่งเปลี่ยนอาชีพเป็นนักรบคลั่ง ก็ร่วมมือกับเพื่อนร่วมทีมฆ่าหมีตัวใหญ่ ฆ่าฝูงหมี ฆ่าฝูงเสือ และต่อสู้กับสัตว์อสูร
หลังจากพ้นช่วงเลเวลต่ำๆ การต่อสู้ที่รุ่งโรจน์และน่าภาคภูมิใจที่สุดของเธอ ก็คือการฆ่านักรบออร์คด้วยตัวคนเดียว ใช้พละกำลังอันดุร้ายที่สุด ผ่าร่างของนักรบออร์คเป็นสองท่อนด้วยขวานเล่มเดียว!
อู๋เทียนฟังเงียบๆ บางครั้งก็ช่วยเสริม คอยเอาใจเธอ
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นอู๋เทียนก็ได้รู้ข้อมูลบางอย่าง นั่นคือการที่มู่หวงเออร์กับหยางอี้อี้มารวมกลุ่มกัน มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ดูเหมือนว่าตอนที่มู่หวงเออร์เลือกเพื่อนร่วมทีม เธอได้ให้ค่าตอบแทนสูง ขณะที่หยางอี้อี้อยากจะหาเงินเยอะๆ ก็เลยไปสมัครเข้าร่วมทีมของมู่หวงเออร์
ผลปรากฏว่า ตอนทดสอบความแข็งแกร่ง มู่หวงเออร์เห็นหยางอี้อี้ ก็เลือกเธอทันที
ต่อมา หลังจากร่วมมือกันผ่านภารกิจหลายต่อหลายครั้ง ความสัมพันธ์ของทั้งสองสาวก็ค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้น กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ตอนแรก หยางอี้อี้นึกว่ามู่หวงเออร์แค่ชอบเธอ แต่มู่หวงเออร์จะโง่ขนาดนั้นเหรอ?
ยังไม่ลืมนะว่า ตอนเดินทางข้ามโลกไปยังมิติเมืองลาวาใต้พิภพ ตอนที่ฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างอารยธรรมครั้งนั้น พวกเธอก็ได้ข้อมูลมา
มู่หวงเออร์เป็นผู้สืบทอด "ดวงใจแห่งฟินิกซ์" อันนี้พอเข้าใจได้ เพราะมู่หวงเออร์เกิดในตระกูลใหญ่ ตระกูลที่มีอำนาจถึงขั้นสามารถเข้ายึดครองโลกต่างมิติใบหนึ่งได้ เป็นอะไรที่ทรงพลังและลึกลับมาก
อย่างไรก็ตาม หยางอี้อี้ซึ่งเป็นคนธรรมดาสามัญกลับครอบครอง "กายนักบุญ" รูปแบบหนึ่ง โดยที่กระทั่งเธอเองก็ไม่เคยรู้ตัว
ตอนอยู่กันสองคนกับอู๋เทียน หยางอี้อี้เคยโทรถามมู่หวงเออร์ถึงเรื่องนี้ แต่อีกฝ่ายไม่สามารถอธิบายอย่างละเอียดได้ เพียงแค่เตือนหยางอี้อี้ว่า อย่าไปบอกเรื่องนี้กับคนอื่น แต่ขณะเดียวกันก็เอ่ยปากยอมรับตรงๆ ว่าที่เธอเข้าใกล้หยางอี้อี้ ก็เพราะอยากจะผูกสัมพันธ์ที่ดีกับหยางอี้อี้ ดึงผู้ครอบครองกายนักบุญ มาเป็นพวก
"กายนักบุญกระหายเลือด งั้นเหรอ....." อู๋เทียนพึมพำด้วยดวงตาเป็นประกาย
…
"โรงฝึกยุทธเจินโหยว"
ที่นี่คือโรงฝึกยุทธสมัยใหม่และมีขนาดใหญ่ กว้างขวางโอ่อ่า
โรงฝึกยุทธแห่งนี้มีพื้นที่มากถึงสี่พันตารางเมตร รวมถึงพื้นที่พักอาศัย พื้นที่ฝึกฝน และพื้นที่ประลอง เป็นต้น
ตอนนี้ ในพื้นที่ประลองของโรงฝึกยุทธ มีคนมากมายมารวมตัวกัน แต่ละคนมีสีหน้าตื่นเต้น
“สู้ๆ! สู้ๆ! ต่อยมัน!”
"คุณชายอู๋ ออกแรงหน่อย!"
"คุณชายเจิ้ง ฆ่ามันให้ตาย!"
"กระทืบมัน!"
เสียงดังเซ็งแซ่ในพื้นที่ประลอง
ขณะเดียวกัน
ในลานประลองกลางพื้นที่ประลอง ก็มีเด็กหนุ่มสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่
คนหนึ่งเป็นนักรบ อีกคนเป็นนักฆ่า
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด ปลดปล่อยทักษะวูบวาบตระการตา ดู "สนุก" กันมาก
ถูกต้อง พวกเขากำลังสนุก!
“อ่อนแอ ... เด็กรุ่นเยาว์แต่ละคนนับวันแย่ลงเรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คงสู้กับนักผจญภัยอาวุโส ไม่ได้”
ในพื้นที่ประลอง
จูหลิงขมวดคิ้ว สีหน้าไม่พอใจ
ข้างๆ เธอ
หญิงสาวชุดกี่เพ้าแสนสวยคนหนึ่งยิ้ม พูดเบาๆว่า "จูหลิง เธอดูถูกพวกเขาก็ไม่น่าแปลก แต่อย่าลืมสิว่าพวกเขาไม่ใช่นักเรียนของเธอนะ จะโมโหไปทำไม"
"หึ!"
จูหลิงพูดอย่างจนใจ "ก็ไม่ทำไม แค่พอเห็นพวกเขา ฉันก็นึกถึงนักเรียนในห้องที่ฉันสอน เลยรู้สึกไม่พอใจ!"
"ในห้องที่ยังไม่ได้ปลุกพลัง แต่ละคนก็ไม่มีความทะเยอทะยาน ทั้งแอบมีแฟน ทั้งขี้เกียจ ไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ"
"ส่วนในห้องที่ปลุกพลังแล้ว พวกเด็กๆก็เอาแต่รวมกลุ่มกัน ทึกทักกันเอาเอง นึกว่าตัวเองเป็นผู้แข็งแกร่ง ตั้งชมรมมาข่มกันกัน ฉันล่ะปวดหัว" จูหลิงลูบหน้าผาก รู้สึกหดหู่
เมื่อได้ยินเช่นนั้น
หญิงสาวชุดกี่เพ้าก็หัวเราะ เสน่ห์ของเธอดึงดูดให้ชายหนุ่มรอบข้างกลืนน้ำลาย
ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือไป๋เซี่ยนเซี่ยน
"จูหลิง เธอก็ลองไปสั่งสอนพวกเขาซะหน่อยสิ? ถ้าเธอต่อยพวกเขาแค่ซักหมัดสองหมัด รับรองต่อให้เป็นตาแก่ครูใหญ่นั่นคงไม่กล้าว่าเธอหรอก"
"อย่าพูดถึงไอ้ตาแก่ลามกนั่นเลย ถ้าเขากล้ามาว่าฉัน ฉันนี่แหละจะต่อยหัวมันจนระเบิด! ให้วิญญาณมันหนีไปไหนไม่ได้เลยคอยดู!" จูหลิงพูดอย่างโมโห แต่สุดท้ายก็ส่ายหัว "ก็ทำได้แค่พูดแหละ ฉันเดิมพันกับที่บ้านไว้ ว่าจะตั้งใจเป็นครูที่ดี ไม่ทำอะไรตามอำเภอใจ"
“โอเคจ๊ะ โอเค สู้ๆนะ ท่านวีรบุรุษ อืม...... ไม่สิ ควรเรียกว่าอาจารย์นักบุญ อาจารย์นักบุญจูในอนาคต!” ไป๋เซี่ยนเซี่ยนเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ เอ่ยปากแซว
จูหลิงทำตาขวางใส่เธอ แต่ก็ไม่ได้โกรธอะไร
ในตอนนั้นเอง จูหลิงก็เหมือนเห็นอะไรบางอย่าง เธอขมวดคิ้วหรี่ตา "นั่นอู๋เทียนที่เป็นนักบวชนี่ อาชีพนักบวช มาทำอะไรที่โรงฝึกยุทธ?"
"หืม!?" ไป๋เซี่ยนเซี่ยนได้ยินชื่อที่คุ้นเคยก็รีบหันไปมอง แล้วก็พบว่าเป็นคนๆเดียวกันจริงๆ! อีกฝ่ายกำลังเดินมากับสาวสวยคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เธอเคยสืบเรื่องของอู๋เทียนมาก่อน พอเห็นหยางอี้อี้ก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นพี่สาว จึงไม่เกิดอาการตื่นตระหนกใดๆ
"เขาเป็นนักเรียนของเธอเหรอ"
"ใช่ คนที่อยู่ข้างๆ คือพี่สาวเขา ฉันก็เคยสอน เป็นอัจฉริยะนักรบคลั่งชื่อหยางอี้อี้"
"เมื่อครึ่งปีก่อน หยางอี้อี้ก็ได้รับการคุ้มครองจากเคุณหนูมู่หวงเออร์ ในอนาคตคงได้กลายเป็นนักรบอารักขาของตระกูลมู่"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋เซี่ยนเซี่ยนก็ครุ่นคิด มุมปากยกขึ้น "จูหลิง เธอว่าพวกเขามาทำอะไรที่โรงฝึกยุทธ?"