ตอนที่แล้วบทที่ 8
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 10

บทที่ 9


กลับถึงบ้าน อู่หลานก็ซักไซ้เรื่องเงินก้อนนี้อย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ ซ่งถานรายงานทีไร เส้นเลือดที่หน้าผากของเธอก็เต้นตามไปด้วยทุกรอบ เต้นจนซ่งถานใจคอไม่ดี จะขอเงินทำอะไรก็ดูติดขัดเก้ๆ กังๆ ไปเสียหมด

ตอนนี้ ต้องรีบใช้กลยุทธ์ถัดไปปิดฉากแม่เธอ "แม่ หนูอยากเลี้ยงหมูสักสองสามตัว…ได้ไหม"

ตอนนี้ราคาหมูขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่ว่าราคาเท่าไหร่ หมูตามบ้านนอกอย่างหยุนเฉิงก็ไม่เคยขายไม่ออก ตามหลักแล้ว เลี้ยงหมูก็เหมาะสมดี

"กี่ตัว"

อู่หลานฮึดฮัด เหมือนคิดว่าลูกสาวตนเองไม่เคยจับงานใหญ่ "ตอนนี้หมูแพง ลูกหมูก็แพง ตัวละตั้งหลายร้อย กลับมาบ้านก็ต้องก่อเตาทำอาหารให้หมูกินอีก แถมตอนนี้หนาวก็ต้องซื้อรำข้าวโพด”

โอ๊ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่หมูหิวก็ร้องแล้ว หมูสองสามตัวก็ร้องดังระงมไปทั่ว ต้องคอยสร้างคอกหมูอีก แค่เฉพาะทำงานในไร่ก็ยุ่งเป็นระวิงมือไม้ใช้ไม่พอแล้ว ซ่งถานเป็นแบบนี้เสมอ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ทันเดินก็คิดจะบิน ในสายตาของอู่หลาน มันไม่น่าเชื่อถือเลย

"อีกอย่าง ทรัพย์สินล้นฟ้าล้วนไม่นับสิ่งมีขน ถ้าหมูเกิดป่วยขึ้นมา..."

แต่ซ่งถานอยากกินเหลือเกิน ช่วงนี้เธอสามารถฝึกฝนลมปราณได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เพิ่มคุณภาพอาหารก็เสริมรสชาติหมูให้อร่อยราวบินขึ้นสวรรค์ เธอพูดว่า "แม่ หมูที่เลี้ยงเอง ปลอดภัยแถมยังอร่อย หมูที่ซื้อจากข้างนอก มันไม่หอมเหมือนเราเลี้ยงเองตั้งแต่เล็กๆ อีกอย่างหมูแพงขนาดนี้ เลี้ยงเองก็ยังขายได้อีกนะ"

"พอฆ่าหมูแล้ว ก็ตุ๋นหมู ทำกากหมูทอด แล้วเอาไปตุ๋นกับกะหล่ำปลี ห่อเกี๊ยว อร่อยจะตาย"

นั่นสิ หมูสดๆ อร่อยจะตาย ในฐานะที่เลี้ยงหมูมาหลายปี แต่เพิ่งเลิกเลี้ยงไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซ่งซานเฉินก็อดอยากลิ้มรสกินบ้างไม่ได้เช่นกัน ตอนนี้ลืมคำปฏิเสธของตัวเองไปหมดแล้ว แถมยังพูดสมทบด้วย

"ใช่ๆ ลองเลี้ยงสักตัวไหม..." ซ่งเฉียวที่กำลังดูเปปป้าพิกในมือถืออยู่ ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที "แม่ แม่เป็นแม่หมูของผม"

"พี่สาว ผมอยู่กับเปปป้าได้ไหม"

อู่หลานรีบหายใจเข้าลึกๆ โอ้โห ลูกชายคนโง่คนนี้ ช่างน่าเป็นห่วงจริงๆ เมื่อคิดว่าในอนาคตจะต้องใช้เงินเลี้ยงดูลูกชายเป็นจำนวนมาก แต่ในปีนี้ราคาหมูก็แพงหูฉี่จริงๆ เธอจึงกัดฟันเลือก

"เลี้ยง! "

"หมู่บ้านไม่อนุญาตให้เลี้ยงหมูหน้าบ้าน อย่างมากก็สร้างคอกหมูไว้หลังบ้านเราเงียบๆ บ้านเราเลยทางแยกเข้ามาถึงจะมองเห็น ไม่ได้ทำให้เสียทัศนียภาพมาก แค่คอกหมูจะเล็กหน่อยเลี้ยงได้มากสุดก็คงสักสองตัว"

เป็นไปได้ยังไง!

จะทำคอกหมูในชนบทเป็นลานเล็กๆ สี่เหลี่ยม มีหลังคาคลุมมุมหนึ่ง และมีบ่อสำหรับใส่ของเสีย พื้นที่เพียงแค่นี้ให้หมูเดินเล่นก็นับว่าอึดอัดพอควรแล้ว แต่นี่บ้านของพวกเขาเป็นบ้านชั้นเดียว หน้าต่างห้องนอนหันเข้าหาภูเขาหลังบ้าน ถ้าสร้างคอกหมูตรงนั้น กลิ่นคง…สุดยอด!

ซ่งถานรีบพูดขึ้น "หาลวดตาข่ายอะไรก็ได้มากั้นพื้นที่เนินเขาหลังบ้านเถอะค่ะ แบ่งพื้นที่ให้กว้างหน่อย เลี้ยงหมูหลายๆ ตัว ปล่อยให้วิ่งเล่นบนภูเขาได้เลย"

หมูบ้านไม่มีอำนาจการจัดสรร มายุ่งเกี่ยววุ่นวายกับเรื่องภายในครัวเรือนมากขนาดนั้นหรอก จริงๆ แค่กั้นรั้วไว้ก็พอแล้ว และเนินเขาก็ใหญ่พอให้พวกมันวิ่งเล่นได้

"และเนินเขาก็อยู่ใกล้ๆ เองแม่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราก็ได้ยิน"

คราวนี้แม้แต่ซ่งซานเฉินก็ยังมองซ่งถานด้วยสายตาที่คิดไม่ถึง ยายลูกบ้า! ใครเขาเลี้ยงหมูแบบนี้กัน

หมูขาววิ่งเล่นเต็มเนินเขา ไม่ต้องพูดถึงว่าจะหกล้มหรือเปล่า แค่เรื่องงู แมลง หนู อะไรพวกนี้ แล้วหมูที่วิ่งเล่นเต็มภูเขาจะไปอ้วนได้ยังไง! หมูขาวเติบโตเร็ว อ้วน เนื้อหนา ไขมันเยอะ ปัจจุบันเนื้อที่เรากินส่วนใหญ่ก็คือหมูประเภทนี้ทั้งนั้น

"ไม่เอาหมูขาว เอาหมูดำดีกว่า ถึงจะซุกซนหน่อย แต่เนื้อก็เยอะกว่าและแพงกว่า แถมยังอร่อยกว่าด้วย”

หมูดำมีนิสัยดุร้าย ชอบเคลื่อนไหว เติบโตช้า แต่เนื้อแน่นและหอมกว่า

ยังไม่ทันจะคัดค้าน แต่ซ่งถานก็คว้ามืออู่หลานไว้

"แม่ ให้หนูลองเถอะ หนูมีแผนในหัวจริงๆ " แล้วก็มองไปที่ซ่งซานเฉิน "พ่อ ตั้งแต่เด็กจนโต หนูเชื่อฟังพ่อทุกอย่าง ครั้งนี้ครั้งเดียว ฟังหนูบ้างได้ไหม"

จากนั้นความเงียบก็แผ่ซ่านไปทั่วบ้าน

ครู่ใหญ่ ซ่งเฉียวก็พูดเบาๆ "ฟังผมได้ไหม"

ซ่งถานเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา แม้กระทั่งอู่หลานก็โกรธจนหัวเราะ "ได้ ลืมไปว่าฉันเลี้ยงเจ้านายตั้งสองคน! ฟังคำสั่งเจ้านายทุกอย่างแล้วจ้ะ! " หันหลังกลับไปด้วยความกระวัดกระเวียด "แม่จะโทรไปถามว่าปีนี้ราคาเท่าไหร่! เหล่าซ่ง ไปจัดการที่ด้านหลังภูเขาซะ! "

เธอเดินจากไป ซ่งซานเฉินจึงเสริม "ถานถาน เลี้ยงหมูบนภูเขา หนูต้องเลี้ยงสุนัขเพิ่มสักสองตัวนะ ไม่มีใครเฝ้าไม่ได้"

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หมู่บ้านข้างๆ ยังมีเรื่องทะเลาะกันเพราะฟักทอง จากนั้นคนก็วางยาพิษหมูของเพื่อนบ้านเพื่อแก้แค้น ตายไปตั้งหลายตัว ไม่ใช่แค่ป้องกันพวกอีเห็นและสุนัขป่าเท่านั้น แต่ยังป้องกันคนด้วย อย่าคิดว่าในหมู่บ้านจะมีแต่ความสงบสุข เมื่อหลายปีก่อนกะหล่ำปลีที่ทุกคนในหมู่บ้านปลูกก็ยังมีคนแอบขโมยไป การเลี้ยงสุนัขก็เพื่อให้พวกเขาได้ยินเสียงลมพัดหญ้าไหวในขณะที่อยู่บ้าน จะได้ปลอดภัย

ซ่งถานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงถามขึ้น "พ่อ มีสุนัขแล้ว เลี้ยงหมูบนภูเขาแล้ว จะเลี้ยงไก่เป็ดเพิ่มอีกหน่อยไหม? "

เป็ดแยกเป็นฝูงหนึ่ง ปล่อยให้พวกมันไปเล่นที่คูน้ำด้านหน้าทุกวัน ก็ไม่ต้องเสียเวลาอะไรมากนัก...มั้ง ซ่งถานคิดในใจ ในเมื่อยากลำบากนักกว่าจะโน้มน้าวพ่อกับแม่ได้ ถ้าไม่ทำให้สำเร็จในคราวเดียว ต่อไปก็จะลำบาก

ซ่งซานเฉิน “!!!”

ยังไม่ทันจะได้เริ่มเลี้ยงหมูเลย ทำไมถึงมีไก่มีเป็ดเพิ่มมาอีกแล้ว?

ซ่งซานเฉินนึกถึงค่าใช้จ่ายของลูกสาวในวันนี้ บุหรี่ตราไดฮัวราคาสิบหยวนก็ยังรู้สึกว่าแพง ฮึดฮัดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถอนหายใจ "ลูกโตแล้ว อยากทำอะไรก็ทำเถอะตอนที่เรายังทำงานไหว แม้จะขาดทุนก็ยังเลี้ยงหนูได้"

"แต่มีข้อแม้ข้อหนึ่ง เงินของหนูเอง บวกกับเงินหกหมื่นที่พ่อกับแม่จะให้ หนูห้ามยืมเงิน! ห้ามยืมแม้แต่หยวนเดียว! "

พูดจบก็ถอนหายใจอีกครั้ง "ไม่งั้นพ่อกลัวถ้าหนูขาดทุน พ่อคงจะไม่มีเงินแม้แต่ซื้อบุหรี่สูบ"

ซ่งถานจึงเถียงกลับ "งั้นหนูก็ลำบากเหมือนกัน ไม่งั้นพ่อก็เลิกสูบบุหรี่เถอะ เดือนหนึ่งประหยัดได้ร้อยสองร้อย ปีหนึ่งก็ได้สองพันหยวนแน่ะ"

เธอไม่อยากให้ซ่งซานเฉินสูบบุหรี่มานานแล้ว แต่เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สำเร็จ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เธอเห็นคุณปู่สูบบุหรี่มาทั้งชีวิต จนไปหาหมอก็ตรวจพบว่าปอดไม่ดีแล้ว แต่สุดท้ายถามว่าเลิกสูบหรือไม่

ก็ไม่!

เขาต้องการบุหรี่มากกว่าชีวิตของตัวเองเสียอีก!

พ่อของเธอก็เช่นกัน

ซ่งซานเฉินเป็นห่วงลูกสาว แต่ก็...

เขาพูดเบาๆ "พ่อสูบวันละครึ่งซอง บางครั้งทำงานเหนื่อยมาก สูบก็เพื่อผ่อนคลายเองลูกสาว..."

เมื่อเขาพูดแบบนี้ ซ่งถานก็ไม่มีทางเลือก นอกจากอย่างน้อยพ่อก็ต้องลดบุหรี่ลงให้ได้ ซ่งถานคิดไปคิดมา "พ่อ งั้นพ่อก็ประหยัดหน่อย สามวันซองนึงก็พอ แบบนี้เดือนละร้อยหยวน กำลังดี! " เรื่องอื่นก็ว่ากันไปเถอะ แต่เรื่องนี้ยอมไม่ได้

ซ่งซานเฉินลืมตาขึ้น "อะไรกำลังดี พ่อยังต้องให้หนูเลี้ยงงั้นเหรอ ดูคุณปู่สิ ตอนนี้เพื่อประหยัดเงิน ยังสูบบุหรี่มวนอยู่เลย! ทำไมไม่บอกว่าอันตรายกว่ากัน"

ซ่งถานคิดในใจว่าพ่อกับคุณปู่ก็สูสีกันทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่มวนหรือบุหรี่ซอง มันจะเป็นของดีได้ยังไง เธอจดเรื่องนี้ไว้ในใจ แล้วก็ไปรื้อหาขนมของว่างที่ซื้อมาจากในเมือง

"หนูจะไปหาปู่กับย่านะคะ เฉียวเฉียว ไปกับพี่นะ"

ซ่งซานเฉินพยักหน้า "ไปเถอะ เดี๋ยวนี้พวกเขาก็ไม่ค่อยมีเรี่ยวมีแรงแล้ว... แก่แล้ว" จากนั้นก็สั่งเสีย "ถ้าปู่กับย่าให้ขนมเฉียวเฉียว ลูกต้องคอยดูนะ รับได้ แต่อย่ากิน! "

เฉียวเฉียวได้ยินคำว่า "ขนม" ก็เงยหน้าขึ้น "ผมอยากกิน..."

"ไม่ได้! " ซ่งซานเฉินปฏิเสธทันที "ของที่ย่าลูกซ่อนไว้ที่บ้านเยอะแยะไปหมด บางปีก็กินของใหม่ บางปีก็กินของเก่า ของที่ให้หนูคราวที่แล้วก็หมดอายุมาครึ่งปีแล้ว กินไม่ได้! "

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด