บทที่ 125 ความสัมพันธ์
ในที่สุดบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแรงกดดันก็สงบลง
แต่เมื่อเห็นว่าหลัวเฉิงกลายเป็นศิษย์บำรุงสำนัก ทุกคนที่เข้าร่วมการทดสอบครั้งนี้ ก็ต่างโห่ร้องด้วยความไม่พอใจ
นั่นก็เพราะว่า ไฉนคนไร้ค่าที่ปลุกวิญญาณยุทธ์ขยะขึ้นมา กลับสามารถเข้าสู่สำนักซวนหยวนได้กัน
บ้างก็ริษยา บางคนก็แสดงความประหลาดใจ แต่ส่วนใหญ่ล้วนดูถูกเหยียดหยาม!
ใครก็ตามที่มีแววตาเฉียบแหลมจะเห็นว่า ที่หลัวเฉิงสามารถเข้าร่วมกับสำนักซวนหยวนได้ก็เป็นเพราะป้ายหยกนั้น
หลินหานคงยิ่งไม่เต็มใจกว่าใครทั้งมวล แต่เขาก็มิกล้ากล่าวเลยค้านแต่อย่างใด เขาจ้องยังหลัวเฉิงด้วยสายตาอาฆาตมาดร้ายพลางกำหมัดกระชับแน่น
เนื่องจาก แผนที่วางไว้เพื่อล้างแค้นแทนวงศ์ตระกูลใกล้บรรลุแล้ว แต่ในเสี้ยวลมหายใจสุดท้าย มันกลับล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า!
ลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่ยืนเคียงอยู่ใกล้ๆ พวกเขาได้เห็นท่าทางเช่นนั้นของหลินหานคง จึงกล่าวว่า
“ศิษย์น้องหลินไม่ต้องกังวลไป ที่เขาเข้าร่วมสำนักได้มิใช่เรื่องเลวร้าย เพราะนั่นมิเท่ากับว่าเขาอยู่ในกำมือเจ้าหรอกหรือ ในอนาคตย่อมมีโอกาสอีกมากที่จะสังหารเขา”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของหลินหานคงก็เบิกกว้างเปล่งประกายขึ้นอีกครั้ง
ฉินหยวนเฟิงที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ก็มีความคิดเฉกเช่นเดียวกันมิผิดเพี้ยน
เมื่อมองหลัวเฉิงจากทางด้านหลัง ฉินหยวนเฟิงก็กัดฟันตะคอกในลำคออย่างเย็นชา “เจ้าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบได้เพียงสองสามวันเท่านั้น แล้วข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่า การเข้าสู่สำนักซวนหยวนเป็นจุดเริ่มต้นฝันร้ายของเจ้า!”
หลัวเฉิงเดินเข้าไปหาถัวป้าเลี่ยแล้วกล่าวขอบคุณ “เมื่อครู่นี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก หากเจ้าต้องการให้ช่วยเหลืออะไรในอนาคต ก็ขอเพียงเอ่ยบอกเท่านั้น”
หลัวเฉิงเองก็ไม่คิดเลยว่า ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้ายเช่นนั้น แต่ถัวป้าเลี่ยกลับยืนหยัดแล้วออกตัวแทนเขา
ถัวป้าเลี่ยแย้มยิ้มออกกว้างอย่างร่าเริงพลางกล่าวว่า “เจ้าไม่ต้องคิดมาก ข้าแค่ทนไม่ไหวเท่านั้น พวกเขาไม่ต่างอันใดจากขยะไร้ค่า ตามความคิดข้าพวกเขาล้วนไม่อาจเทียบเจ้าได้แม้แต่น้อย!”
ตามความเห็นของถัวป้าเลี่ย ความเข้าใจของหลัวเฉิงที่ไปถึงขั้นหัวใจกระบี่เพียงอย่างเดียวนั้น ก็ถือว่ามีความสามารถสูงกว่าหลินหานคงและคนอื่นๆ จนพวกเขามิอาจเทียบได้
ครั้นสังเกตเห็นป้ายหยกในมือของหลัวเฉิง ถัวป้าเลี่ยจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย “ป้ายหยกนี้คืออะไร? มันมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดางั้นหรือ?”
หลิงซูหลันซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ไม่ห่างนักกล่าวว่า “นี่คือสัญลักษณ์ศิษย์หลักของสำนักซวนหยวน อวิ๋นเหมิงลี่ ในสำนักซวนหยวนแห่งนี้ นางเป็นผู้มีแนวโน้มมากสุดที่จะกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของสำนัก และตัวตนของนางนั้นไม่ธรรมดา หลัวเฉิงเจ้ามีความสัมพันธ์อันใดกับอวิ๋นเหมิงลี่งั้นหรือ”
หลิงซูหลันมองหลัวเฉิงด้วยดวงตาที่แสดงถึงความจริงจัง
“ข้าเพิ่งเคยพบนางเพียงสองครั้งเท่านั้น”
หลัวเฉิงกล่าวตามความจริง
“เพิ่งเจอกันสองครั้ง...”
ดวงตาของหลิงซูหลันเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เท่าที่เขารู้ ลักษณะนิสัยของอวิ๋นเหมิงลี่ นางมักจะใช้ชีวิตอย่างสันโดษ
แต่เนื่องจากหลัวเฉิงแสดงป้ายหยกประจำตัวของอวิ๋นเหมิงลี่ออกมา หลิงซูหลันจึงคิดว่าหลัวเฉิง และอวิ๋นเหมิงลี่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่านั้น
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสเฉินซวนก็เริ่มประกาศแนวทางการทดสอบต่อไป
ทั่วทั้งหุบเขาที่เต็มไปด้วยเสียงสนทนามากมาย ก็ชะงักขาดเงียบสงัดลงกะทันหัน
นอกเหนือจากการทดสอบในหุบเขาเหลียนซินแล้ว ยังเหลือการทดสอบอีกสองครั้งในการเข้าสู่สำนักซวนหยวน
การทดสอบที่สองคือระดับวิญญาณยุทธ์ เฉพาะผู้ที่มีวิญญาณยุทธ์ระดับสามดาวขึ้นไปเท่านั้น จึงจะสามารถเข้าสู่การทดสอบที่สามได้
การทดสอบที่สามคือการทดสอบความสามารถของแต่ละบุคคล ซึ่งต้องสามารถเข้าใจวรยุทธระดับหนึ่งดาวภายในเวลาครึ่งชั่วยาม แล้วใช้วรยุทธที่ได้เรียนรู้มาต่อสู้กับสัตว์อสูร และดูการใช้วรยุทธต่อสู้จริงว่าสามารถพัฒนาบุคคลนี้ไปได้อีกหรือไม่
การทดสอบที่สาม เน้นในเรื่องความเพียรทางจิตของผู้ฝึกยุทธ์ แม้พรสวรรค์ในวิญญาณยุทธ์จะสำคัญมากก็ตาม แต่ความเข้าใจวรยุทธก็สำคัญไม่แพ้กันนัก!
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่วิญญาณยุทธ์อยู่ในระดับสามดาวขึ้นไป ต่อให้ล้มเหลวในด่านการทดสอบที่สาม ก็ยังสามารถเป็นศิษย์บำรุงสำนักซวนหยวนได้อยู่ดี
เท่านี้ก็เห็นได้แล้วว่า สำนักซวนหยวนให้ความสำคัญต่อระดับวิญญาณยุทธ์มากขนาดไหน
อาจกล่าวได้ว่า ระดับของวิญญาณยุทธ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญสุดในการทดสอบทั้งหมดก็ไม่ผิด
หลัวเฉิงไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในการทดสอบเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงเฝ้ามองความตื่นเต้นนี้จากด้านข้างของสนามทดสอบ
ในไม่ช้า การทดสอบที่สองก็เริ่มขึ้น
ม่านสีฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในหุบเขา พร้อมกับการสั่นสะเทือนที่รุนแรง
ใครก็ตามที่สัมผัสกับม่านแสงสีฟ้า จะต้องปลดปล่อยวิญญาณยึดของตนอย่างไม่อาจควบคุมได้
ทันใดนั้น แสงสว่างและกลิ่นอายทุกประเภทก็สาดส่องทั่วหุบเขา ด้วยวิญญาณยุทธ์ที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากแต่ละคน
วิญญาณยุทธ์เหล่านี้ล้วนแปลกประหลาดพิสดารนัก
ส่วนใหญ่เป็นวิญญาณยุทธ์ประเภทสัตว์ เช่น พยัคฆ์ หมาป่าอสูร งูหลาม เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีวิญญาณยุทธ์ที่แปลกประหลาดอีกมากมาย เช่น กระบี่ หอก ดาบและทวน บุปผา ต้นไม้ ภูเขา แม่น้ำ และดวงดาว...