ตอนที่ 519 ฉันเริ่มชอบที่นี่แล้ว (ฟรี)
(วันนี้ตอนเดียวนะครับ ติดงานกับธุรจนแปลไม่ทันสองตอน พรุ่งนี้ก็ยังยุ่งๆ อยู่ เพราะงั้น จะกลับมาชดเชยให้ในวันจันทร์นะครับ ขออภัยผู้อ่านทุกท่านด้วย)
“...”
ลั่วจาเมื่อได้ยินสิ่งที่ฮู่เตียนพูดก็มุมปากกระตุกเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังพูดคุยกับจิ้งจอกเฒ่าอยู่
ฮู่เตียนยิ้มออกมาอย่างงดงามและถามต่อ
“แล้วไม่สนใจฟังข้อเสนอจากทางฝั่งนี้ก่อนงั้นหรอ เพื่อพี่ลั่วจาจะสนใจ”
“หากเข้าร่วมกับเมืองเต่าทมิฬ เรารับประกันได้เลยว่าจะไม่ขาดปัจจัยในการใช้ชีวิตเลย ทั้งที่อยู่ เสื้อผ้า อาหาร และน้ำที่ใช้เท่าไหร่ก็ได้”
ฮู่เตียนเริ่มอธิบายที่ละอย่างอย่างช้าๆ
“....”
เมื่อได้ยินหัวใจของลั่วจาก็พองโตด้วยความตื่นเต้น
ก่อนที่เธอจะถามกลับไป
“ถ้าเกิดฉันสนใจขึ้นมา พาฉันไปชมเขตเมืองชั้นในได้ไหม”
ในคำพูดของฮู่เตียนมีหลายอย่างที่เธอยังไม่เชื่อ และต้องพิสูทธ์ด้วยตาของตัวเอง
อย่างน้อยๆ เธอต้องมั่นใจว่าเมืองเต่าทมิฬจะรับการมาของคลื่นภูติจันทรุปราคาได้ และทำให้เมืองแห่งอนาคตเกรงกลัว
เธอเป็นผู้ทรยศของเมืองแห่งอนาคต และต้องการหาที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ ทำให้เธอต้องตรวจสอบให้แน่ใจในหลายแง่มุม
หากว่าสุดท้ายแล้ว สถานที่แห่งนี้ปลอดภัยจริงๆ เธอจะตั้งถิ่นฐานและศึกษายุทธภัณฑ์วิญญาณต่อไป
ฮู่เตียนยิ้มน้อยๆ และพยักหน้าตอบ
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“พี่ฮู่เตียนฉันขอไปด้วยได้ไหม”
หลี่เสี่ยวกู่ยกมือขึ้นขอไปด้วย
“ได้งั้นเราไปกันเถอะ”
ฮู่เตียนลุกและเดินนำออกไปจากหอสมบัติ
ลั่วจายังแปลกใจอยู่เลยด้วยซ้ำและบ่นพึมพำเบาๆ
“มันปุบปับเกินไปไหมนะ…”
ทั้งสองเดินตามฮู่เตียนออกไปและไปยังป้อมเว่ยฉาย
สิบนาทีต่อมา ทั้งสามก็ผ่านประตูป้อมเว่ยฉายเข้ามาสู่เขตเมืองชั้นในของเมืองเต่าทมิฬ
ภาพที่เห็นคือต้นไม้เขียวเต็มสองข้างถนน และยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ลอยมาตามลม
นัยน์ตาของลั่วจาเบิกกว้างเล็กน้อย นี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นต้นไม้ที่มีสีเขียวแบบนี้ เธออึ้งจนแน่นิ่งไปพักหนึ่ง
หลี่เสี่ยวกู่เข้าไปจับมือของลั่วจาและพูดขึ้น
“พี่ลั่วจา ต้นไม้ที่นี่ยังไม่เยอะเท่ากับพื้นที่เนินสูง ที่นั้นสวยกว่านี้แและมีต้นไม้มากกว่านี้อีก แล้วพี่จะต้องอึ้งกว่านี้แน่”
“ใช่..แค่นี้มันก็น่าตกใจมากพอแแล้ว”
ลั่วจาสูดลมหายใจเข้าและประหลาดใจกับความหรูหราของเมืองเต่าทมิฬ
แววตาของฮู่เตียนมองการแสดงออกของลั่วจาอย่างลับๆ แต่ก็ไม่ได้แปลกอะไร คนที่ได้เข้าสู่เขตเมืองชั้นในครั้งแรกก็แสดงสีหน้าแบบนี้ทุกคน
“ไปกันต่อเถอะ”
ฮู่เตียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมีเสน่ห์
ทั้งสามเดินต่อไปอย่างช้าๆ และเที่ยวชมเมืองกว่าครึ่งชั่วโมง
ลั่วจามองทุกอย่างด้วยความประหลาดใจปนสนใจ สิ่งที่เธอเห็นคือถนนที่สะอาดสะอ้าน ใบหน้าของชาวเมืองก็ดูมีความสุขยิ้มแย้มตลอดเวลา อีกทั้งยังมีสิ่งที่เรียกว่าจักรยานเต็มไปหมด
ทั้งหมดนี้แสดงให้เธอเข้าใจถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองเต่าทมิฬ
“ทั้งหมดนี้คือแค่เมืองชั้นใน ประชากรเกือบทั้งหมดอาศัยอยู่ในพื้นทีนี่”
ฮู่เตียนแนะนำสถานที่
ลั่วจาพยักหน้าช้าๆ และมองทุกอย่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“งั้นต่อไปฉันจะพาไปเดินชมตลาด”
ฮู่เตียนเดินไปทางลานจัตุรัสอย่างช้าๆ
“ตลาด!”
แววตาของหลี่เสี่ยวกู่เป็นประกายเธอรีบดึงแขนลั่วจาให้ตามไปทันที
ยี่สิบนาทีต่อมาทั้งสามก็เดินมาถึงบริเวณตลาดซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านมากกว่าส่วนอื่น
“ที่นี่คนเยอะมาก”
หลี่เสี่ยวกู่เปิดปากอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจและมองไปรอบๆ
“แอปเปิ้ลจ้า แอปเปิ้ลลูกละ 1 ทมิฬเท่านั้น”
แม่ค้าขายของตะโกนขึ้นจนได้ดึงดูดความสนใจจากทั้งสาม
“ผลไม้ที่นี่ราคาถูกมาก”
หลี่เสี่ยวกู่อุทาน
เธอเคยซื้อผลไม้ที่ถนนการค้าซึ่งหนึ่งลูกใช้ผลึกสัตว์อสูรชั้นต้นระดับทั่วไป 5 ก้อน แต่ที่นี่ขายแค่ 1 ทมิฬเท่านั้น
ลั่วจามองฮู่เตียนด้วยแววตาของความประหลาดใจ และถามอย่างสงสัย
“ที่นี่ขายผลไม้ราคานี้ตลอดงั้นหรอ”
“ใช่ และจะยิ่งถูกกว่านี้ในอนาคต”
ฮู่เตียนตอบอย่างสบายๆ
เธอพอจะจำได้ว่ามู่เหลียงได้ขยายพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น ซึ่งทำให้ผลไม้ถูกปลูกเยอะขึ้นไปด้วย
มันคือส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูระบบนิเวศของมู่เหลียง แต่อีกเหตุผลคือมู่เหลียงเตรียมที่จะแปรรูปผลไม้ให้กลายเป็นเหล้า น้ำส้มสายชู ผลไม้แช่อิ่ม และผลไม้กระป๋อง
ฮู่เตียนได้อ่านแผนงานของมู่เหลียงแล้ว ชื่อของแผนนั้นคือ แผนพัฒนาเมืองเต่าทมิฬ
แม้ว่าจะมีหลายอย่างที่เธอไม่เข้าใจก็ตาม แต่เธอก็พอจะเข้าใจบางแผนงานได้
“แค่นี้ก็ถูกมากแล้วนะ”
หลี่เสี่ยวกู่พูดอย่างตกใจ
“แต่มู่เหลียงไม่คิดแบบนั้น”
ฮู่เตียนยักไหล่ ก่อนที่เธอจะพาทั้งสองเดินชมตลาด ทำให้ทั้งคู่ได้พบเห็นสินค้าน่าสนใจหลายอย่างในราคาที่ถูก
“นั้นก็ถูก นั้นก็ไม่แพง ฉันอยากซื้อทั้งหมดเลย…”
หลี่เสี่ยวกู่พูดออกมาตลอดทางและมองทุกอย่างด้วยความตื่นเต้น
ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสามก็เดินออกมาจากตลาด
“ตลาดเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมมาก…ฉันล่ะอยากอยู่ที่นี่จริงๆ”
หลี่เสี่ยวกู่พูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจ
ลั่วจาพยักหน้าช้าๆ อย่างเห็นด้วย เธอยอมรับจริงๆ เลยว่าสถานที่แห่งนี้มันน่าดึงดูดมาก
แกร็งๆ
เสียงระฆังดังขึ้น 16 ครั้ง
ฮู่เตียนชะงักเล็กน้อยและหันไปมอง
“นี้ 16 นาฬิกาแล้วงั้นหรอ”
หลังจากนั้นก็หันไปทางสองสาวและพูดต่อ
“งั้นต่อไปฉันจะพาไปชมพื้นที่การเกษตร
หลี่เสี่ยวกู่พูดอย่างตื่นเต้น
“ไปๆ”
ฮู่เตียนพูดต่อด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“งั้นไปกันเถอะ มันก็เย็นมากแล้ว และเวลาอีกนานกว่าจะไปถึง”
“ไปกันเลย”
หลี่เสี่ยวกู่ตอบลากเสียง
ทั้งสามเดินทางไปยังพื้นที่การเกษตรทันที
ครั้งนี้พวกเธอใช้เวลาเดินอยู่ชั่วโมงหนึ่งกว่าจะมาถึงเพราะพื้นที่เมืองกับพื้นที่การเกษตรอยู่ไกลกันมากขึ้น
เมื่อเข้าสู่พื้นที่การเกษตร ทั้งสองก็เห็นพื้นที่สีเขียวสุดลูกหูลูกตา
ลั่วจาสูดหายใจเข้าลึกๆ และรู้สึกใจหายกับความอุดมสมบูรณ์ของเมืองเต่าทมิฬ
“ว้าวมี ต้นไม้ผักเต็มไปหมดเลย”
หลี่เสี่ยวกู่ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
“พื้นที่นี้แค่หนึ่งในสี่ของพื้นที่ทั้งหมดเท่านั้น”
ฮู่เตียนพูดเบาๆ
“นี่แค่หนึ่งในสี่งั้นหรอ?”
สีหน้าลั่วจาถึงกับตื่นตกใจ
“ลองไปเดินชมรอบๆ ข้างหน้านั้นจะเป็นทุ่งข้าวโพด และด้านข้างจะเป็นมันเทศ”
ฮู่เตียนเดินนำทางและแนะนำสถานที่
ลั่วจาพยายามไม่แสดงออกว่าตัวเองนั้นตื่นเต้น และจูงมือหลี่เสี่ยวกู่เดินตามฮู่เตียนไป
ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยพืชผักยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกสบายใจ
หลังจากเดินได้สิบนาที ทั้งสองก็เริ่มเห็นต้นที่มีสีเขียวแต้มจุดแดงเหลืองมากขึ้น
มันคือมะเขือเทศที่เริ่มสุกงอมแล้ว
มะเขือเทศได้ผลผลิตทุกวัน ถ้าวันนี้มีผลสีเหลืองพรุ่งนี้มันจะกลายเป็นสีแดง
มันเป็นผลจากอาณาเขตแสงดาว
แม้ว่าการปลูกมะเขือเทศจะน้อยลงแต่ด้วยจำนวนของผลผลิตตอนนี้ก็เพียงพอที่จะเลี้ยงคนทั้งเมืองและวางขายในถนนการค้าแล้ว
“มีแปลงทุ่งข้าวด้านหน้าด้วย อยากไปดูไหม”
ฮู่เตียนมองไปทางลั่วจาและถาม
“ได้”
ลั่วจาพยักหน้า
เธออยากรู้จักเมืองเต่าทมิฬให้มากที่สุด
ระหว่างนั้นหลี่เสี่ยวกู่แอบเด็ดมะเขือเทศออกมาลูกหนึ่ง ก่อนที่จะถูมันกับเสื้อและกัดเข้าไป
“ชุ่มฉ่ำสุดๆ”
ก่อนที่เธอจะกินมะเมือเทศจนหมดลูก
ฮู่เตียนมองและไม่ว่าอะไรเพียงส่ายหัวและอมยิ้ม
ไม่นานทั้งสามก็เดินมาถึงแปลงข้าวโพดที่ลำต้นสูงกว่าคนเสียอีก
“ข้าวโพดเต็มไปหมดเลย”
หลี่เสี่ยวกู่กระโดดเพื่อจะมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นแปลงข้าวโพดทั้งหมดได้
การปลูกข้าวโพดคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นจากทั้งหมด ซึ่งเท่ากับมันเทศ
ซึ่งสัดส่วนการปลูกข้าวสาลีอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็น
“ผักอีกชนิดงั้นหรอ”
ลั่วจาแอบตกใจ
ฮู่เตียนเริ่มพูดชักชวนขึ้น
“ที่นี้รู้จักเมืองเต่าทมิฬมากขึ้นรึยัง….หากสนใจสามารถตามฉันมาพบท่านเจ้าเมืองได้…สนใจไหม”
“ตกลง”
ลั่วจาคิดเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้าตอบอย่างมั่นใจ
เมืองเต่าทมิฬนั้นมีแรงดึงดูดอย่างมาก มากกว่าที่เธอจินตนาการไว้เสียอีก
และตอนนี้เธอยอมรับได้เต็มปากแล้วว่าเธออยากอยู่ที่นี่แล้ว