ตอนที่ 410
ตอนที่ 410
“คนเหล่านี้กำลังทำอะไรอยู่?” เยว่ชิงหลี่ถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้สิ ฟังดูเหมือนมีหมอดูที่แม่นมากอยู่ พวกเขาน่าจะรอดูดวง”
เต๋าซุน ยิ้มและพูดว่า "เจ้าอยากไปดูไหม?"
“ไปสิขอรับ ข้าก็อยากให้เขาดูดวงให้ข้าเหมือนกันว่าใครคือศัตรูของข้า ” เยว่ชิงหลี่พูดอย่างจริงจัง
เต๋าซุน ส่ายหัวและยิ้ม และพา เยว่ชิงหลี่ ไปที่แผงขายของ
มีผู้คนจำนวนมากเข้าคิวที่หน้าแผงลอย แต่พวกเขาทั้งหมดเข้าคิวอย่างเป็นระเบียบและไม่มีใครกล้าแซงแถว
เต๋าซุนมองด้วยความสนใจ
แล้วเขาก็เห็นว่าเจ้าของแผงนี้เป็นชายวัยกลางคน
ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมหยาบเรียบง่าย
เสื้อคลุมยังมีรอยเล็กๆ อยู่ด้วย
ข้างๆ มีธงดำยาวเขียนข้อความเน้นอยู่หลายคำ
“หยินหยาง ห้าธาตุ, สวรรค์, นรก, ท้องฟ้า, ผืนดิน และฮวงจุ้ย”
ด้านบนมีตัวอักษรสีขาวขนาดใหญ่มากสามตัว
“ความลับสวรรค์!”
เต๋าซุนดูมันอย่างสนใจและเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างหน้าชายวัยกลางคน
ชายคนนั้นหลับตาและนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างมั่นคงราวกับภูเขา
เขาถามอีกฝ่าย "เจ้าต้องการรู้อะไร"
เสียงของเขาแหบแห้งราวกับถูกบีบออกจากลำคอ
“อาจารย์ ข้าต้องการคำนวณโชคลาภในชีวิตแต่งงานของข้า” ผู้หญิงคนนั้นถามด้วยสีหน้าจริงจังเล็กน้อยและยิ้ม
“เมื่อไหร่ข้าจะได้เจอสามีที่ข้ารักหรือ”
ชายวัยกลางคนเงียบไปครู่หนึ่งและผนึกมือของเขา
นิ้วหัวแม่มือซ้ายของเขานับช่วงไล่ไปตามนิ้วเริ่มจากนิ้วชี้ ในขณะที่มือขวาให้ทำรูปจีบ
“วันเกิดของเจ้า” ชายคนนั้นถามอย่างเรียบๆ
ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างละเอียด หลังจากนั้นไม่นานชายวัยกลางคนก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
เต๋าซุน มองไปที่ดวงตาคู่นั้น มันสดใสและลึกล้ำ
ความประทับใจที่รู้สึกได้จากดวงตาเหล่านี้ตั้งแต่แวบแรกก็คือ มันสดใสราวกับว่าไม่มีอะไรที่ไม่สามารถมองเห็นได้
แต่เมื่อเจ้าดูอีกครั้ง เจ้าจะพบว่ามันดูเหมือนกับผ่านเรื่องราวมามากมายนับไม่ถ้วน และเจ้าสามารถตีความความหมายนับไม่ถ้วนได้ตามต้องการ
ดวงตาเหล่านั้นจะมองตรงไปที่หัวใจของเจ้า ราวกับว่าพวกมันมีพลังเวทย์มนตร์ที่ไม่อาจจินตนาการได้และสามารถเจาะเข้าไปในหัวใจของเจ้า
ชายวัยกลางคนลืมตาขึ้นแล้วพูดเบา ๆ "ไม่มีใครในโลกนี้สมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน"
ผู้หญิงคนนั้นสะดุ้งเล็กน้อย และนางก็ตอบสนองทันที
สามีคนโปรดในหัวของนางนั้นเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะจินตนาการ
แล้วจะมีคนในโลกที่เต็มไปด้วยข้อดีและไม่มีข้อบกพร่องเช่นนั้นได้อย่างไร?
“แล้วเมื่อไหร่ข้าจะได้เจอสามีดีๆหรือ”
ผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนคำถามและถามต่อไปอย่างไม่เต็มใจ
นางเปลี่ยนอุดมคติของนางไปสู่แค่การหาสามีให้ได้…!
ชายวัยกลางคนหยุดชั่วคราวเล็กน้อยแล้วพูดว่า: "เมื่อเจ้ากลับไป เจ้าจะต้องอ่านหนังสือสี่ห้าเล่ม ฝึกเล่นดนตรี หมากรุก ตัวอักษรและวาดภาพ
เมื่อทำตามที่ข้าบอกไว้ อีกสามปีเจ้าจะได้พบมันในสามปี ‘’
เมื่อได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคน เต๋าซุน ก็หัวเราะเบา ๆ จากด้านข้าง
ผู้ชายคนนี้น่าสนใจทีเดียว!
ข้อกำหนดที่เขาบอกผู้หญิงคนนั้นคือให้นางทำตัวเองให้มีค่ามากขึ้นภายในสามปี
ถึงตอนนั้นไม่ว่ายังไงก็ต้องมีคนชมชอบนางไม่ใช่รึ ?
อีกอย่าง ในโลกนี้ กิ่งทองมักต้องคู่กับใบหยก มีเพียงวาสนาเท่ากันเท่านั้นที่จะอยู่ร่วมกันได้
ถ้าเจ้าอยากให้คนรอบตัวเป็นผู้มากดี เจ้าก็ต้องทำตัวเองให้ดีพอเสียก่อน
หลายๆคนก็มักจะคิดฝันถึงคนที่สูงส่งกว่าอยู่เสมอ
แต่ถ้าเจ้าไม่ทำให้ตัวให้ดีพอๆกับพวกเขา มีหรือที่พวกเขาจะสนใจเจ้า หรือไม่ก็มีหรือที่เจ้าจะคู่ควรอยู่กับเขา ?
-
ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย คงจะเป็นเพราะความละอายใจ
ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นเดินจากไป ผู้คนที่อยู่แถวข้างๆนางก็ถามคำถามทีละคนเช่นกัน
พวกเขาถามคำถามเกี่ยวกับอะไรก็ได้ และคำตอบของชายวัยกลางคนก็น่าสนใจอยู่เสมอ มันผสมกันกับความจริงทางโลกบางอย่างด้วย
มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจและมักจะโดนใจเจ้าของคำถามได้ดีทีเดียว คำตอบของเขาจะช่วยให้เจ้าเข้าใจข้อบกพร่องและทิศทางที่เจ้าควรพยายามต่อไป
เยว่ชิงหลี่มองไปที่ เต๋าซุน แล้วถามว่า "ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าเขาสามารถทำนายโชคชะตาได้จริงหรือไม่"
“เรื่องแบบนี้ ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม เจ้าก็อย่าได้หมกมุ่นกับมันมากเกินไป” เต๋าซุน ตอบด้วยรอยยิ้ม
เนื่องจากมีคนเข้าแถวน้อยลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็มาถึงตาเยว่ชิงหลี่
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้า
ชายวัยกลางคนยิ้มด้วยความสนใจและพูดว่า "เผ่าปีศาจสามตารึ?"
เยว่ชิงลี่พยักหน้า
ชายวัยกลางคนหลับตาลงเล็กน้อยและเงียบไปครู่หนึ่ง
ในที่สุดเขาก็ลืมตา ส่ายหัวแล้วถอนหายใจ: "ช่างเป็นหายนะที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!"
“ท่านทราบหรือไม่” เยว่ชิงหลี่ถามด้วยความตกใจ
เจ้ารู้ไหมว่าเยว่ชิงหลี่นั้นแค่นั่งอยู่กับที่และยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย
“ข้าทำได้เพียงแค่มองดูจากมุมมองหนึ่งเท่านั้น หมอกหนาเกินไป และข้ามองเห็นได้ไม่ชัดเจน” ชายวัยกลางคนตอบอย่างสงบ
“ข้าหวังว่าท่านจะสามารถช่วยข้าตามหาศัตรูของข้าได้” เยว่ชิงหลี่กล่าวอย่างกระตือรือร้น
“ ความอยุติธรรมถูกชดใช้แล้วมิใช่รึ” ชายวัยกลางคนพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“แต่มันจะดีกว่าถ้าตัดรากตัดโคนและป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก” เต๋าซุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก” ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้นมอง เต๋าซุน และพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“อะไร ? เจ้าจะบอกว่าตัวเองไม่เคยมือเปื้อนเลือดรึไง ?” เต๋าซุนถามด้วยน้ำเสียงตลกๆ
“ข้าฆ่าทุกคนที่สมควรถูกฆ่า” ชายวัยกลางคนตอบพร้อมกับหลับตาลงเล็กน้อย
“แล้วอะไรคือเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงต้องฆ่า ทำไมข้าถึงไม่ควรฆ่า?” เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใครกันที่มีคุณสมบัติพอจะตัดสินความดีและความชั่ว ชีวิตและความตายของผู้อื่นอย่างแท้จริง?”
หลังจากได้ยินคำพูดของ เต๋าซุน ชายวัยกลางคนก็เงียบไปสักพัก
ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมาถามว่า “เจ้าอยากดูดวงไหม?”
“เอาสิ เจ้าช่วยดูดวงให้ข้าที” เต๋าซุน นั่งข้างเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าอยากรู้อะไร” ชายวัยกลางคนถาม
“คำนวณชะตากรรมของข้า” เต๋าซุน ตอบ
“วันเกิด” ชายวัยกลางคนยังคงถามต่อ
จากนั้นเขาก็เห็นชายวัยกลางคนยังคงทำท่าทางเหมือนที่เขาเคยทำก่อนหน้านี้
คราวนี้เขาหลับตาและนั่งสมาธิเป็นเวลานาน
บางครั้งเขาก็ขมวดคิ้ว และบางครั้งเขาก็ผ่อนคลายคิ้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เห็นเขาค่อยๆลืมตาขึ้น
เขามอง เต๋าซุน อย่างลึกซึ้งและพูดว่า "เจ้าเกิดมาพร้อมกับพลังวิเศษที่คนธรรมดาไม่สามารถจินตนาการได้
ชีวิตของเจ้าสมควรประสบความสำเร็จบ้างเพราะความเหนือกว่าในชาติกำเนิดของเจ้า
แต่น่าเสียดายที่เจ้าเย่อหยิ่งและสร้างปัญหามากเกินไป
เจ้าจะไม่ได้อะไรเลยไปตลอดชีวิตและจะตายด้วยความเสียใจและไม่เต็มใจในที่สุด ‘’
เมื่อได้ยินคำพูดของชายวัยกลางคน เต๋าซุนก็เงียบเล็กน้อย
สิ่งที่ชายวัยกลางคนคนนี้พูดคือทุกสิ่งที่เขาเคยประสบในชีวิตที่แล้วจริงๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้กลับมาใหม่ในชีวิตนี้อีกครั้ง และไม่เคยพบไข่มุกโกลาหลมาก่อน เขาก็คงไม่อาจเปลี่ยนชะตาที่ว่าได้
บางทีนั่นอาจจะเป็นชีวิตที่ล้มเหลวสำหรับเขาจริงๆ
“แล้วข้าจะเปลี่ยนโชคชะตาของข้าได้อย่างไร” เต๋าซุนถามต่อ
“ชะตากรรมได้รับการตัดสินแล้ว” ชายวัยกลางคนกล่าวพร้อมส่ายหัว
“ใครเป็นคนตัดสินใจ หนทางแห่งสวรรค์หรือสายน้ำแห่งโชคชะตา” เต๋าซุนยังคงถามต่อ
ชายวัยกลางคนเงียบไปสักพักและไม่ตอบ เขาเพียงชี้ไปที่ทิศทางหนึ่ง
“พวกเจ้าสองคนมาจากหุบเขาเทียนจีสินะ” เต๋าซุน กล่าวพร้อมกับมองไปที่ชายวัยกลางคน
“ตอนนี้เราได้ออกจากหุบเขาแล้ว …. เอาล่ะ เรื่องความลับสวรรค์ของเจ้า ข้าคงต้องขอจบไว้เพียงเท่านี้ ” ชายวัยกลางคนกล่าวพร้อมส่ายหัว
เต๋าซุนยิ้ม เขาหันกลับมาและตบไหล่เยว่ชิงลี่แล้วพูดว่า "ไปเถอะ ถึงเวลาที่เราต้องไปแล้ว"
“แต่ท่านอาจารย์ ข้ายังไม่รู้เลยว่าใครเป็นศัตรูของข้า” เยว่ชิงหลี่พูดอย่างลังเล
“เขาไม่บอกเจ้าหรอก” เต๋าซุนส่ายหัวเล็กน้อย