เรื่องราวอีกด้านหนึ่ง - เบื้องหลัง (2-1)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<เรื่องราวอีกด้านหนึ่ง - เบื้องหลัง>
ตอนที่ 2 (1)
****
"ฉันรู้แล้ว! "ฉันรู้แล้ว!"
ตรอกหลังอันมืดมิดในเมือง
ออลก้าตะโกนด้วยความโมโหขณะจุดกองไฟ
“มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว!”
ในไม่ช้า ทั่วทั้งเมืองก็ตกอยู่ในความมืด
ที่เขตชายแดน ไม่มีความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืน เพราะด้วยเวทย์มนตร์ลึกลับ ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จะขึ้นพร้อมๆกัน
“โอ้ ฉันไม่รู้ด้วยแล้ว!”
อึก อึก อึก
เธอดื่มของเหลวในแก้ว
ของเหลวสีทองที่เธอดื่มนั้นมันคือเบียร์
“พี่ออลก้า ไม่เป็นไรนะคะ?”
“อ่า ใครเห็นเข้าคงคิดว่าฉันเสียสติไปแล้ว ฉันสบายดี สบายดี”
ออลก้าเช็ดออดฟองกจากปากของเธอ
เบียร์
ในวัลฮัลลามันแพงมาก
เธอต้องใช้เงินเก็บทั้งหมดเพื่อซื้อเบียร์เพียงไม่กี่แก้ว
“ถ้ามีเงินซื้อเบียร์สักแก้ว ก็คงจะเช่าห้องพักได้…”
“โอ้ย หนวกหู! งั้นเธอก็ดื่มด้วยสิ ใช้เงินให้หมดไปเลย!”
“บ้าไปแล้ว งั้นวันนี้ก็ต้องนอนข้างถนนอีกแล้วเหรอ?”
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ พี่ออลก้ากำลังเศร้า”
"ฉันรู้แล้ว"
ออลก้ากล่าว
มีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันที่จัตุรัสกลางเมือง
เธอไม่สามารถแสดงออกว่ารู้จักเขาต่อหน้าคนอื่นได้
‘และแววตาคู่นั้น...’
มันเป็นแววตาที่ใช้มองคนแปลกหน้า
ออลก้ารู้สึกเหมือนท้องของเธอกำลังเดือด
'มันแตกต่างไปจากเมื่อก่อน …มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว'
ตอนที่เราอยู่ที่ทาวน์เนีย เราเป็นเพื่อนที่ต่อสู้ในสนามรบมาด้วยกัน แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป
เธอเป็นเพียงเศษขยะที่ไม่มีใครสนใจในวัลฮัลลา
ส่วนผู้ชายคนนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นราชา
‘นี่ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดไว้’
ตอนที่เธอเป็นนักเวทย์ประจำราชสำนัก
ทุกคนต่างยกย่องความสามารถของเธอ
พวกขุนนางมากมายต่างก้มหัวให้เธอเพื่อขอพลังเวทย์มนตร์ แต่ที่นี่เธอเป็นเพียงคนต่ำต้อย
‘นี่มันอะไรกัน?’
สถานที่แห่งนี้แปลกเกิดไป
เหล่าผู้แข็งแกร่งจากโมเบียสต่างมารวมตัวกันที่นี่
พวกเขาล้วนเป็นคนที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะและเป็นอัจฉริยะในบ้านเกิดของตน
'พรสวรรค์ของเธอยังไม่เพียงพอเหรอ?'
เธอไม่ต้องการที่จะจินตนาการถึงอะไรเเล้ว
ไม่หรอก ไม่มีทาง ที่นี่มันแปลกประหลาดเกินไปต่างหาก โลกใบนี้มันไม่ยุติธรรมและไม่ให้โอกาสเธอแสดงความเก่งออกมาเลย!
“ใช่! ถ้าจะเป็นราชาแล้วล่ะก็ ต้องทำให้ที่นี่มันดีขึ้นสิ! โลกที่พวกมาถึงก่อนได้ทุกอย่าง พวกที่มาทีหลังอย่างฉันก็ไม่มีโอกาสอะไรเลย!”
ให้โอกาสเธอบ้างสิ!
ออลก้าดื่มเบียร์จนหมดแก้วแล้วโบกแขนไปมา
“ยัยแม่มดนี้ดูได้เลย”
“ฮึ่ม นายเองก็เหมือนกัน พวกเราทุกคนก็เหมือนกัน! ฝุ่น! หนอน! ตัวอ่อน! พวกเราเป็นแค่เศษขยะ!”
เธอหันไปมองชายกระโปรงของเธอ
แม้จะใช้เวทมนตร์ทำให้มันสะอาดมาแล้วแต่มันก็ยังสกปรกอยู่ดี
ตอนนี้มันสกปรกมาก ออลก้ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะร้องไห้เหมือนเห็นสภาพของตัวเอง
“ยังไงก็เถอะ มันถึงเวลาแล้ว”
เจนน่าเกาแก้มของเธอ
“เวลาอะไร?! ฮะ? อนาคตอันมืดมิดกำลังจะมาถึงเหรอ? ฉันจะต้องกลายเป็นขอทานข้างถนนเหรอ! ฉันไม่เอา ฉันไม่เอา!”
“เมาหรือเปล่าเนี่ย?”
“แค่ก! แค่ก!”
ออลก้าไอหลายครั้ง
ความรู้สึกแสบร้อนพุ่งขึ้นมาจากข้างใน
“ให้ตายเถอะ นายกำลังคิดว่าฉันเป็นตัวตลกสินะ มันไม่ได้แล้ว ไม่ได้แล้ว ฉันต้องพิสูจน์ความสามารถของฉัน…”
“ฉันก็หวังว่าจะเห็นอะไรแบบนั้น”
“หึ! ฉันทำได้ นายคิดว่าเฉันป็นใคร? ฉัน...”
“สร่างเมาก่อนเถอะ”
“อะไรนะ นายดูถูกฉันเหรอ? อาการเมาค้างสามารถกำจัดได้ทันทีด้วยเวทย์มนตร์ ฉัน…หืม?”
ออลก้ารี่ตาแล้วมองไปด้านข้าง
มีใครบางคนยืนอยู่
เจ้าของเสียงนั้นสวมเสื้อคลุมสีดำยาวคลุมทั้งตัว
“อ้าวพี่มาแล้วเหรอ?”
เจนน่าโบกมือให้คนแปลกหน้าที่สวมเสื้อคลุม
“มาช้าจังเลยนะรุ่นพี่ ดูสภาพยัยนักเวทย์คนนี้สิ น่าสมเพชสิ้นดี”
“หืม?”
“ช่างเถอะ ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว”
ไม่ได้คาดหวังอะไร?
ออลก้ากระพริบตาปริบๆ
คนแปลกหน้าถอดเสื้อคลุมออก
ดวงตาอันเป็นเอกลักษณ์และผมสีดำของเขาถูกเปิดเผยออกมา
"นั้น!"
ออลก้าสำรอกเบียร์ที่เหลืออยู่ในปากออกมา
“นาย นาย...”
“อะไร สภาพนั้นน่ะ?”
“ปะ เปล่า...”
ฮาน อิสรัต
“ยังแอบดื่มเหล้าก่อนถึงเวลานัดหมายอีกเหรอ?”
“ไม่ เวลานัดหมายอะไร? พูดเรื่องอะไร...”
ทันใดนั้นออลก้าก็หันกลับมามองที่เจนน่า
เจนน่ายิ้มอย่างสงบ
“เอ่อ ฉันลืมบอกไปเลย”
“ห่ะ?”
“พี่ออลก้าหนีออกมาก่อนเลยไม่รู้ใช่ไหมคะ? หลังงานฉลองนั้นมีคนมาส่งข้อความค่ะ บอกว่าคืนนี้ให้มาเจอกับพี่เขา”
“…”
“อ๊ะ ฉันกะจะบอกอยู่แล้ว แต่หาจังหวะไม่ได้เลย”
ความเงียบครอบงำบรรยากาศ
"อะแฮ่ม"
ออลก้ากระแอมสองสามครั้งแล้ววางแก้วเบียร์ลง
หลังจากปัดฝุ่นบนชุดของเธอออกแล้ว เธอก็ลุกขึ้นยืน
และเริ่มสำรวจเสื้อผ้าของเธอว่ามีรอยยับตรงไหนไหม
“...ทำอะไรน่ะ?”
เวคิสเอียงศีรษะของเขา
ออลก้จัดผมที่ยุ่งเหยิงของเธอ จากนั้นก็หยิบพัดออกมาบังปากแล้วหัวเราะ
“โอ้ โฮะๆๆ...”
เสียงหัวเราะที่ฟังดูฝืนๆ
ฮานมองดูออลก้าแล้วหัวเราะ
“มันผ่านมานานแล้วนะออลก้า”
“นาย…”
“ไม่คิดเลยว่าเธอจะมาที่นี่”
“กะ ก็เรื่องของฉันสิ! ไม่เกี่ยวกับคนอื่น”
"ก็ใช่ ไม่ว่าเธออยากจะทำอะไรก็เรื่องขอเธอ”
ฮานไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบที่ฉูดฉาดเหมือนตอนกลางวัน แต่เขากลับสวมชุดลำลองสีทึมๆแทน
แล้วเขาก็พูดขึ้นมา
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
“อะไร?”
“เรื่องตอนนั้นฉันขอโทษ ฉันเสียใจมากจริงๆ”
ดวงตาของออลก้าเบิกกว้างมากจนดูเหมือนจะหลุดออกมา
“ฉันทำพลาดที่ปล่อยให้เธอตายตรงนั้น ถ้าเจอกันอีก ฉันอยากจะขอโทษเธอสำหรับเรื่องนั้น”
“เอ่อ เอ่อ...”
ขอโทษเหรอ?
คนๆ นี้เนี่ยนะ?
ออลก้าขยับปากของเธอเหมือนปลาคาร์พฮุบอากาศ
“แล้ว คำตอบล่ะ?”
“ห๊ะ เอ๋?”
“ถ้าขอโทษ ก็ต้องมีคนรับคำขอโทษสิ ไม่ใช่เหรอ?”
“เอ๋ เอ๋?”
“พี่ออลก้า”
เจนน่าใช้ศอกสะกิดสีข้างของออลก้า
ทันใดนั้นออลก้าสะดุ้งแล้วได้สติ
พรึ้บ!
เธอคลี่พัดออกแล้วหัวเราะ
“หึ หึ! ได้สิ นายนี้มารยาทดีมากเลยนะ ฉันจะรับคำขอโทษนั้นไว้”
“ดี งั้นเรื่องวันนั้นก็จบแล้ว”
“หา? จบแล้วเหรอ?”
“ฉันขอโทษและเธอก็รับคำขอโทษแล้ว จบ”
“จบแค่นั้นเหรอ?”
“จบแค่นั้นแหละ”
อะไรกัน
ทำไมรู้สึกเหมือนพ่ายแพ้
ออลก้าตัวแข็งทื่อพร้อมกับพัดของเธอ
“พี่ชายนานๆ ทีเราจะได้เจอกัน พี่สบายดีไหมคะ?”
“ก็เรื่อยๆ”
“สบายดีหรือไม่สบายดีกันแน่คะ?”
“ไม่รู้สิ”
เจนน่าและฮานทักทายกัน
แม้ว่าจะไม่ได้เจอกันนานมาก แต่ทั้งสองก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือเคอะเขินต่อกัน
“ฉันรู้ว่ายังไงพวกนายจะมาที่นี่แน่ๆ”
ดวงตาของฮานหันไปมองที่เวคิส
จู่ๆ เวคิสก็พูดขึ้น
“ขอโทษนะรุ่นพี่ที่ทำให้ผิดหวัง”
“หืม”
ฮานหลับตาลง
“แต่ ฉันจะไม่ขอโทษที่พวกนายต้องมาอยู่ที่นี่แบบนี้หรอก”
“รู้ครับ”
“ถ้ารู้แล้วก็ดี ฉันสอนพวกเธอไปจนเบื่อแล้ว วิถีแห่งทาวน์เนียน่ะ”
“ถ้าไม่พอใจก็จงแข็งแกร่งขึ้น … แบบนั้นไหมครับ?”
เวคิสตอบด้วยรอยยิ้ม
ฮานลืมตาขึ้นมาช้าๆ
“แต่ดูเหมือนว่าจะมีปัญหากับความเท่าเทียมกันของโอกาสนะ”
ฮานลูบคางราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“การจัดการกับผู้มาใหม่ยังไม่ดีพอ พอน้ำนิ่งมากๆก็อาจจะเน่าเสีย ฉันต้องปรับระบบใหม่ทั้งหมด”
“งั้น พวกเราก็จะมีโอกาสใช่ไหมคะ?”
“จะเป็นแบบนั้นแหละ และฉันจะชวนพวกเธอเป็นคนแรก”
“พวกเราก็จะแข็งแกร่งขึ้นได้ใช่ไหมคะ?”
ดวงตาของเจนน่าเป็นประกาย
ฮานยิ้ม
“ขึ้นอยู่กับพวกเธอแล้ว รู้ใช่ไหมว่าช่วงเวลาที่ต้องคอยติดตามฉันมันแล้ว ฉันไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วยล่ะนะพวกเธอต้องทำเอง”
“รู้แล้วค่ะ พวกเราต้องทำเองให้ได้ใช่ไหมคะ?!”
“ใช่”
ฮานพูดต่อ
“นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันจะมาเจอพวกเธอแบบนี้”
"ครั้งสุดท้ายเหรอ?"
ออลก้าตกใจและถามขึ้น
"ทำไมล่ะ?"
“ไม่สิ ครั้งสุดท้ายมัน…”
“อะไร จะให้มาเจอกันเดือนละครั้งเหมือนชมรมสังสรรค์งั้นเหรอ? นี่มันงานเลี้ยงรุ่นเหรอไง?”
เจนน่าอธิบายให้ออลก้าฟังเพิ่ม
“วันนี้พี่ชายต้องฝ่าฝืนหลายอย่างกว่าจะมาเจอเราได้ คงไม่ง่ายเลยใช่ไหมคะ? ถ้าพี่ชายเป็นคนสำคัญที่นี่ การพบปะกับใครแต่ละคนก็ต้องระวังมากๆ”
การจะเจอใครไม่ใช่เรื่องง่าย
กล่าวคือ หากราชาแห่งวัลฮัลลาไปพบกับเหล่าฮีโร่ที่ไม่มีพลังหรือความสามารถ มันอาจทำให้เกิดปัญหาความไม่เท่าเทียมกันได้
“เพราะงั้นฉันถึงบอกไง ว่าการมาเจอพวกเธอแบบนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย”
“ถ้างั้น...”
“ฉันจะให้โอกาสพวกเธอ”
ฮานมองไปที่ทั้งสามคนแล้วพูด
“ขึ้นมาให้ถึงที่ที่ฉันอยู่ จนไม่ต้องมาเจอกันแบบหลบๆซ่อนๆ ไม่ช้าพวกเธอก็จะได้รับโอกาสนั้น”
“ทำไมรุ่นพี่มาช้าจัง เพิ่งจะให้เราเริ่มเหรอ?”
“ก็ฉันงานยุ่ง”
“เยี่ยมเลย งั้นก็เริ่มกันเลยใช่ไหมคะ?!”
ทั้งสองคนเห็นพ้องต้องกัน
ออลก้าจ้องไปที่คนทั้งสามอย่างว่างเปล่า