ตอนที่แล้วบทที่ 69: มากมาย (8)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 71: มากมาย (10)

บทที่ 70: มากมาย (9)


[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]

[ลงแบบราคาถูกแค่ใน my-novel  แต่จะลงช้ากว่าThai-novel 100 ตอน]

[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]

บทที่ 70: มากมาย (9)

ภายในห้องทำงานของ JML Entertainment เงียบกริบไปชั่วขณะหลังจากที่ฮวาลินพูดจบ ความเงียบนี้กินเวลานานประมาณ 10 วินาที

“เดี๋ยว... เดี๋ยวก่อน ใจเย็น ๆ”

คนแรกที่ทำลายความเงียบคือ CEO ของ JML Entertainment เขาซึ่งปกติแล้วจะมีท่าทางสงบนิ่ง ถอดเสื้อสูทออกขณะที่จ้องมองฮวาลินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา

“นี่ ฮวาลิน เธอพูดว่าเธออยากจะเล่นละครสั้นจริง ๆ เหรอ?”

ในขณะที่เขาถาม ฮวาลินก็พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมา

“ใช่ค่ะ ถูกต้องแล้ว”

“แล้วเธอจะยอมทิ้งหนังฟอร์มยักษ์และข้อเสนออื่น ๆ เพื่อไปเล่นละครสั้น 4 ตอนที่เขียนโดยนักเขียนหน้าใหม่เนี่ยนะ?”

“ทำไมต้องตัด Netflix ออกไปด้วยล่ะคะ?”

“อ๊าก ไม่! นั่นไม่ใช่ประเด็น! นี่มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ”

“ท่านประธาน!”

ท่านประธานดูเหมือนจะเป็นลม เขาเอามือกดหน้าผากตัวเอง ผู้จัดการร่างอวบจึงรีบเข้าไปประคองเขา

“ผู้จัดการลี ทำไมคุณไม่ห้ามเธอไว้ล่ะ?”

“เอ่อ...ท่านครับ คือว่า...”

ณ จุดนี้ ฮวาลินพูดแทรกขึ้นมา

“ผู้จัดการลีพยายามห้ามฉันหลายครั้งแล้วค่ะ เขาบอกฉันว่าอย่าคิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นเลิกโทษเขาได้แล้วค่ะ”

“นี่! ฮวาลิน! พูดให้รู้เรื่องหน่อยสิ! ทำไมจู่ ๆ ถึงอยากเล่นละครสั้น? ถึงแม้ว่าจะเป็นของ Netflix ก็เถอะ! แต่เธอคิดว่าเธออยู่ในระดับที่จะเล่นแค่ละครสั้นหรือไงกัน?”

“การรับโปรเจกต์มันต้องมีลำดับขั้นด้วยเหรอคะ? แล้วฮเยยอนล่ะ? เธอเป็นถึงศิลปินระดับท็อปของเกาหลี แต่เธอก็ยังเล่นหนังสั้นได้เลย”

“แต่นั่นมัน...”

“แล้วคุณท่านประธานก็เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ถ้าศิลปินมีความหลงใหล ผลงานก็จะออกมาดี คุณบอกให้ฉันทำในสิ่งที่ฉันหลงใหลโดยไม่ต้องกังวลเรื่องขนาดของโปรเจกต์นิ”

“อ๊าก...แต่การเล่นละครสั้น ๆ นี่มันสุดโต่งเกินไปแล้ว”

ท่านประธานกดขมับตัวเองราวกับว่าเขากำลังปวดหัว ฮวาลินเลียริมฝีปากของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะแน่วแน่มาก

“ยังไงก็ตาม ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันสนใจเรื่อง ‘เพื่อนชาย’ และฉันก็อยากจะพักผ่อนบ้าง”

“พักผ่อน?”

“ค่ะ พูดตามตรง โปรโมตอัลบั้มล่าสุดของพวกเรามันก็หนักหน่วงเอาเรื่องอยู่ใช่ไหมล่ะคะ? คุณก็รู้ใช่ไหมคะ? ว่าพวกเรามีกี่ตารางงานในหนึ่งวัน? แล้วพวกเราก็ต้องบินไปญี่ปุ่นตอนกลางคืนและกลับมาเกาหลีในวันถัดไปเพื่อทำงานต่อ การแสดง รายการวาไรตี้ วิทยุ โฆษณา ถ่ายแบบ ยูทูป และอื่น ๆ อีกมากมาย”

ฮวาลินพูดถึงตารางงานที่โหดร้ายพร้อมกับกอดอก

“แต่ฉันหรือสมาชิกคนไหนบ่นออกมาบ้างไหมล่ะคะ? ไม่มีเลย พวกเราอดทนเพราะแฟนคลับและบริษัทสนับสนุนพวกเรา แล้วฉันจะพักผ่อนสบาย ๆ ในช่วงทำกิจกรรมเดี่ยวบ้างไม่ได้เหรอคะ?”

ท่านประธานพูดไม่ออก ทุกสิ่งที่เธอพูดล้วนเป็นความจริง เขาถอนหายใจยาว ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะยอมแพ้ที่จะโน้มน้าวเธอแล้ว

“ก็ได้ ทำตามใจเธอเถอะ ใครจะไปเปลี่ยนใจเธอได้ล่ะ?”

“แล้วก็ช่วยลดตารางงานของสมาชิกคนอื่น ๆ ด้วยนะคะ ฉันขอในฐานะหัวหน้าวง”

“ได้”

ท่านประธานเสยผมของเขาไปด้านหลังแล้วถามผู้จัดการร่างอวบที่อยู่ทางขวาของเขาด้วยน้ำเสียงที่พ่ายแพ้เล็กน้อย

“แล้วเรื่องราวมันเป็นยังไง? ละครสั้นนี่มันเกี่ยวกับเรื่องอะไร?”

“ครับ? อ๋อ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะปล่อยละครสั้นที่พวกเขาคัดเลือกจากการประกวดเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ชื่อเทศกาลว่า ‘เทศกาลละครสั้น’ มั้งครับ? ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีอะไรสรุปแน่นอนเลยครับ”

“งั้นก็ยังอยู่ในช่วงวางแผนก่อนการผลิตสินะ”

“ครับ พวกเขาวางแผนที่จะเปิดตัวประมาณห้าเรื่องครับ”

ท่านประธานหันไปหาฮวาลินอีกครั้งหลังจากฟังคำอธิบาย

“ทำไมเธอถึงสนใจละครสั้นเรื่องนี้ล่ะ?”

“ก็แค่...บทมันสนุกดีค่ะ สำหรับละครสั้นแล้ว เนื้อเรื่องมันค่อนข้างละเอียด แม้ว่าจะเขียนโดยนักเขียนหน้าใหม่ แต่ก็ไม่มีส่วนไหนที่ดูขัดตาเลยค่ะ มันเป็นแนวรอมคอม แต่ตัวละครก็มีมิติ”

“...เธอคิดว่ามันจะดังเหรอ? ละครสั้นน่ะมันก็มีขีดจำกัดของความสำเร็จอยู่ต่ำมากเลยนะ”

“ไม่รู้สิคะ แต่มันเป็นของ Netflix และถ้าโปรโมตดี ๆ คนดูทั่วไปก็คงสามารถมาดูได้อย่างรวดเร็วและเข้าถึงอารมณ์ได้ง่ายแหละค่ะ”

ฮวาลินตอบกลับอย่างใจเย็น ในขณะที่ความกังวลของท่านประธานดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น

“ผู้จัดการลี สมมติว่าฮวาลินเล่นละครสั้นเรื่องนี้ พวกเขาตัดสินใจเลือกนักแสดงคนอื่นหรือยัง? ในเมื่อมันเป็นละครสั้น ๆ ก็น่าจะเป็นนักแสดงที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงใช่ไหม?”

“ผมไม่แน่ใจเกี่ยวกับละครสั้นเรื่องอื่น ๆ นะครับ แต่สำหรับเรื่องนี้ พระเอกค่อนข้างดีเลยครับ”

“จริงเหรอ? ใครล่ะ?”

“พึ่งคอนเฟิร์มไปวันนี้เองครับ คังวูจินครับ”

“คังวูจิน?”

ท่านประธานลูบคางของเขา

“คังวูจินจาก ‘ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาเสเพล’ น่ะเหรอ? ตอนนี้เขากำลังมาแรงเลยนะ เขาอยู่สังกัดของชเวซองกุนด้วยสิ”

“ใช่ครับ ตอนที่ผมไปถึงที่ประชุม เขาก็กำลังคุยกับผู้กำกับทั่วไปอยู่แล้วครับ”

“โอ้ ตอนนี้เขากำลังฮอตเลยนะ หืม แต่เขาก็คงบ้าพอกับฮวาลินของเรานี่แหละ”

“อะไรนะคะ? ท่านประธาน ฉันอยู่ตรงนี้นะคะ”

“ทำไมดาราดาวรุ่งอย่างเขาถึงอยากเล่นละครสั้น ๆ ล่ะ? เขาน่าจะได้เล่นละครหรือหนังฟอร์มยักษ์ได้สบาย ๆ เลยนะ”

“คนคนนั้น...หมายถึง นักแสดงคนนั้นดูเหมือนจะไม่สนใจขนาดของโปรเจกต์เท่าไหร่ครับ”

“ฮวาลิน เธอคิดว่าคังวูจินโอเคไหม? เขาเป็นยังไงบ้างตอนที่เธอเห็นเขา?”

“ก็...ก็โอเคค่ะ ไม่มีอะไรพิเศษ”

ฮวาลินตอบกลับราวกับว่ามันไม่มีอะไร แต่ถึงกระนั้น ท่านประธานก็ลูบคางของเขาอย่างครุ่นคิด

“จริงเหรอ? หืม ถ้าคังวูจินเป็นนักแสดงร่วม...มันอาจจะดีก็ได้ ถ้าพวกเขาเล่นไพ่ถูกใบก็ดี การแสดงของเขาโดดเด่นมากเลยนะ ว่าแต่ฮวาลิน เธอรู้จักคังวูจินมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า?”

“ไม่รู้จักค่ะ”

ณ จุดนี้ ผู้บริหารร่างอวบก็พูดขึ้นมาขณะมองไปที่ฮวาลิน

“แต่เราควรจะตัดฉากจูบนั้นออกไหมครับ? ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าอยากให้ตัดออก”

ฮวาลินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

“ฉันเคยพูดแบบนั้นด้วยเหรอคะ?”

วันรุ่งขึ้น วันอาทิตย์ที่ 31 ที่ซุนชอน

ฉากภาพยนตร์ที่ดูเหมือนหมู่บ้านเก่าในซุนชอน มีบ้านและอาคารเก่า ๆ ในตอนนี้กำลังคึกคักไปด้วยการถ่ายทำภาพยนตร์

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า ‘พ่อค้ายาเสพติด’

ถึงแม้ว่าฉากหลังของ ‘พ่อค้ายาเสพติด’ ซึ่งคังวูจินเพิ่งเข้าร่วมจะถ่ายในปูซาน แต่บางฉากก็ถ่ายทำในฉากซุนชอน ซึ่งก็พยายามตกแต่งให้คล้ายกับปูซาน

ในตอนนี้เอง...

“ทีมสตั๊นท์!! ผู้กำกับเรียกพวกนาย!”

“ใครก็ได้ช่วยตรวจสอบรถคันนี้หน่อยได้ไหม? มันสตาร์ทไม่ติด”

“ผู้กำกับ! ช่วยตรวจสอบตำแหน่งของอุปกรณ์ประกอบฉากหน่อย!”

สถานที่ถ่ายทำคึกคักเหมือนกองถ่ายหนังทั่วไป ท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหมด ผู้กำกับคิมโดฮีที่รับหน้าที่ดูแล ‘พ่อค้ายาเสพติด’ เป็นคนที่ยุ่งที่สุด

“ผู้กำกับฝ่ายศิลป์! เราช่วยตรวจสอบอุปกรณ์ประกอบฉากด้วยกันได้ไหม? ผู้กำกับฝ่ายศิลป์!! มาทางนี้!”

ในเวลานี้เอง

“ผู้กำกับดูฮึดขึ้นมากเลยนะ”

นักแสดงกลุ่มหนึ่งที่ถือบทอยู่ในมือมารวมตัวกันที่มุมหนึ่งของฉาก ทว่าสีหน้าของพวกเขาดูเป็นกังวลเล็กน้อย

“เป็นเรื่องดีที่หลังจากเกิดอุบัติเหตุกับโอจุนอู ทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อยดี อาจเพราะเรื่องคังวูจินกระมัง”

“อ๊ะ อีกประมาณสิบวันคังวูจินก็จะเข้าร่วมการถ่ายทำแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“อืม... เป็นเรื่องดีที่ทุกอย่างได้ข้อสรุปแล้ว แต่พอคิดถึงเรื่องคุณจุนอู มันก็รู้สึกผิดยังไงชอบกล ค่อนข้างน่าหดหู่นิดหน่อยแฮะ”

นักแสดงกำลังพูดถึงนักแสดงโอจุนอูที่ประสบอุบัติเหตุและคังวูจินที่มาแทนเขา

“แต่มันจะโอเคจริง ๆ เหรอ?”

“หมายความว่าไง? โอ้ คังวูจินน่ะเหรอ? ถ้าเขาโอเคกับมัน ก็ไม่น่ามีปัญหาหรอก”

“มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่คนที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังยอมรับบทที่เป็นตัวแทนคนอื่นแบบนี้? ปกติแล้วนักแสดงมักจะปฏิเสธบทแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”

“ก็แล้วแต่คนนะ แต่ฉันกังวลมากกว่าว่านักแสดงหน้าใหม่จะรับมือกับบทนี้ได้หรือเปล่า”

สำหรับนักแสดงที่ถ่ายทำไปแล้วมากกว่าครึ่งเรื่อง นี่เป็นเรื่องที่น่ากังวลพอสมควร

“จริง บทนี้ไม่ง่ายเลย มันท้าทายมาก”

“ฉันรู้สึกว่าการตัดสินใจมันเร่งรีบไปหน่อย ไม่ว่าจะมองยังไง การเลือกนักแสดงหน้าใหม่ที่เคยแสดงมาแค่เรื่องเดียว...”

“สถานการณ์มันก็เป็นแบบนี้แหละ จากมุมมองของผู้กำกับ เขาก็คงลำบากใจ แต่เมื่อพิจารณาจากบทที่ส่งมอบไปแล้วและเหลือเวลาอีกแค่สองสัปดาห์กว่า ๆ มันอาจจะเป็นตารางงานที่แน่นสำหรับคังวูจินพอสมควร”

“แต่เขาแสดงเก่งไม่ใช่เหรอ? ฉันดู ‘ผู้เชี่ยวชาญนิติจิตวิทยาเสเพล’ นะ เขาเล่นเป็นรองหัวหน้าพัคได้ดีมากเลย”

นักแสดงส่วนใหญ่เห็นด้วย

“ฉันก็ดูเหมือนกัน สไตล์การแสดงของเขาเป็นเอกลักษณ์มาก แต่คำถามที่แท้จริงคือเขาจะรับมือกับเรื่องนี้ได้ไหมในเวลาแค่สองสัปดาห์ ปกติแล้วนักแสดงหน้าใหม่ทำไม่ได้หรอก ตอนเขาถ่ายทำ ‘นิติจิตวิทยาเสเพล’ คงน่าจะมีเวลาเหลือเฟือใช่ไหมล่ะ?”

“ใช่...คุณจุนอูก็เตรียมตัวมาซักพักแล้วเหมือนกัน”

“แต่สื่อก็ยกย่องว่าคังวูจินเป็นอัจฉริยะไม่ใช่เหรอ?”

“แต่ละอัจฉริยะก็มีจุดเด่นของตัวเองแหละ แค่อ่านและวิเคราะห์บทก็ปาไปอาทิตย์นึงแล้ว...ไม่รู้เลยว่าคุณภาพจะเป็นยังไง”

“มันคงจะยุ่งยากแน่ถ้าการแสดงออกมาครึ่ง ๆ กลาง ๆ”

ความกังวลทวีความรุนแรงมากขึ้นในหมู่นักแสดงที่ยังไม่เคยร่วมงานกับคังวูจิน

“แล้วจะมานั่งถกกันตรงนี้ทำไม? เดี๋ยวก็ได้เห็นเองแหละว่าเขาแสดงเป็นยังไง”

ในเวลานี้ ในรถตู้ของคังวูจิน

ตั้งแต่เช้าวูจินก็อยู่ในรถตู้เพื่อเดินทางไปบริษัท ทว่า…

“เฮ้อ รถติดมากเลย”

อย่างที่ชเวซองกุนที่นั่งอยู่ข้างคนขับพูด ถนนติดมาก ทำให้ตอนเช้าเป็นอะไรที่เหมือนนรก คังวูจินยังคงนิ่งเงียบด้วยสีหน้าที่ดูเหนื่อยหน่าย

เขาเพิ่งจะเล่น SNS และวางโทรศัพท์ลง จากนั้นเขาก็มองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นการจราจรที่ติดขัดอย่างหนัก เขาคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักพัก

“หืม... หรือว่าฉันควรใช้เวลาว่างนี้ไปกับการอ่านบทดี?”

คังวูจินหันไปมองบทหนังและบทละครต่าง ๆ ที่วางซ้อนกันอยู่ทางด้านขวาของที่นั่ง

มันกองเป็นตั้ง ๆ

ทั้งหมดเป็นโปรเจกต์ที่วูจินกำลังจะเข้าร่วม เมื่อเร็ว ๆ นี้วูจินไม่มีเวลาอ่านบทพวกนี้ที่บ้าน ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่เขาได้โอกาส เขาจะอ่านมันและฝึกฝนการอ่านบทบาทในมิติว่างเปล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

‘เริ่มจากเรื่องที่กำลังจะถ่ายทำเร็ว ๆ นี้ก่อนแล้วกัน’

ในไม่ช้า วูจินก็หยิบบทที่อยู่บนสุดของกองขึ้นมา มันเป็นบทภาพยนตร์เรื่อง ‘พ่อค้ายาเสพติด’ ที่มีกำหนดจะถ่ายทำในอีกไม่ถึงสิบวันข้างหน้า วูจินใช้นิ้วชี้กดลงบนสี่เหลี่ยมสีดำที่อยู่ข้าง ๆ บท

ทันใดนั้น สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไป

ไม่ทันไร วูจินก็ไม่ได้อยู่ในรถอีกต่อไป แต่กลับมายืนอยู่ในความว่างเปล่าที่มืดสนิท

วูจินเลือกสี่เหลี่ยมสีขาวของ ‘พ่อค้ายาเสพติด’

-[คุณได้เลือกบทภาพยนตร์ (ชื่อเรื่อง: พ่อค้ายาเสพติด)]

-[แสดงรายชื่อตัวละครที่สามารถอ่าน (สัมผัสประสบการณ์) ได้]

-[A: จองซองฮุน, B: ชเวจุนโฮ, C: คิมฮยอนซู...G: อีซังมัน]

อีซังมัน ตัวละครที่วูจินจะได้สัมผัสประสบการณ์ (อ่าน) คือ ‘อีซังมัน’

“มันไม่เหมือนกับเรื่องพวกฆาตกรรมหรืออะไรทำนองนั้นหรอกมั้ง”

บทบาทนั้นเกี่ยวข้องแค่กับอาการติดยาเสพติด วูจินคิดพลางค่อย ๆ เลื่อนนิ้วและเลือกอีซังมัน ในไม่ช้า เสียงผู้หญิงหุ่นยนต์ที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นในมิติว่างเปล่า

[“‘G: อีซังมัน’ กำลังเตรียมการอ่าน······”]

วูจินหายใจเข้าเบา ๆ

[“…การเตรียมการเสร็จสมบูรณ์ นี่คือบทภาพยนตร์หรือบทที่มีความสมบูรณ์สูงมาก สามารถอ่านได้ 100% เริ่มการอ่าน”]

สีเทากว้างใหญ่กลืนกินเขา

เขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิบนผิวหนังของเขา

ไม่ร้อนไม่หนาว กำลังพอดี ในไม่ช้าโลกสีเทาทั้งหมดก็เริ่มจางหายไป มุมมองของวูจินเปลี่ยนไปยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เสียงที่เขาได้ยินนั้นชัดเจน แต่ก็ไม่คุ้นหู

-ฟิ้ววว

ภายในรถ วูจินนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถยนต์สุดหรูหรา มองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนตกหนักจนน้ำไหลลงมาตามกระจก กลิ่นบุหรี่ที่คุ้นเคยลอยมาแตะจมูกของวูจิน

กลิ่นฉุนและไม่น่าพึงพอใจ แต่วูจินในตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาและปกติ

“...”

วูจินมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ แล้วจึงหันไปมองที่เบาะหน้า ทั้งคนขับและผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหน้าสวมสูทขนาดใหญ่กว่าตัวเล็กน้อย วูจินพูดสั้น ๆ กับชายที่นั่งข้างคนขับ

“บุหรี่”

เสียงของเขาแหบแห้ง หนักแน่นและกดดัน แต่ก็ฟังดูง่วงซึมเล็กน้อย ชายที่นั่งข้างคนขับตอบกลับทันทีพร้อมกับก้มศีรษะเล็กน้อย

“ครับ พี่”

เขารีบยื่นบุหรี่ให้ วูจินสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากเอาบุหรี่เข้าปาก จากนั้นก็พ่นควันสีขาวออกมา

“ฮู่ววว”

มันรู้สึกดี แม้ว่าวูจินจะไม่สูบบุหรี่ แต่ในขณะนั้น การสูบบุหรี่กลับให้ความรู้สึกธรรมดาและปกติ ความรู้สึกและสภาพแวดล้อมที่ท่วมท้นบังคับให้เขาเป็นเช่นนั้น อารมณ์และความคิดของอีซังมันได้ไหลเวียนไปทั่วทุกเส้นเลือดในร่างกายของวูจินทีละน้อย

ทุกเซลล์ในร่างกายของเขาเปลี่ยนไป

เป็นเรื่องธรรมดาที่ตอนนี้คังวูจินจะกลายเป็น อีซังมัน หัวหน้าแก๊งใหญ่ในปูซาน

อีซังมันเป็นคนพูดน้อย แต่นัยน์ตาของเขาดุดันและเฉียบคม ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์ ทำให้อุปนิสัยธรรมชาติที่รุนแรงของเขาโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เขาเป็นคนเงียบขรึมและพิถีพิถัน แต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับหนักแน่นและลึกซึ้ง

มันคือเสน่ห์เหมือนสัตว์ป่าที่ดุร้าย

ภายในรถเงียบสงัด มีเพียงเสียงฝนตกหนักกระทบรถเท่านั้นที่ได้ยิน ความเย็นและความชื้นเล็กน้อยซึมเข้ามาในอากาศ ควันบุหรี่ค่อย ๆ เต็มรถ ในไม่ช้า วูจินก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิด

“ฟู่”

วูจินสูบบุหรี่จนถึงก้นกรองแล้วโยนมันออกไปนอกหน้าต่าง ทันใดนั้นน้ำฝนก็กระเซ็นใส่แขนเสื้อสูทของเขา

“…”

เขารู้สึกหงุดหงิด ด้วยเหตุผลบางอย่างมันรู้สึกไม่สบายยิ่ง จากนั้นแขนของเขาก็เริ่มคัน ไม่ว่าเขาจะเกาเท่าไหร่ อาการคันก็ไม่หายไป ในไม่ช้า จุดสีดำก็เริ่มบดบังการมองเห็นของวูจิน จุดสีดำเคลื่อนขึ้นมาจากด้านล่างจนเต็มครึ่งหนึ่งของสายตาเขา

แมลง? หรือภาพหลอน?

ในขณะที่คนอื่นอาจจะตื่นตระหนก แต่วูจินก็กระพริบตาอย่างไร้อารมณ์ ราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับภาพนั้น เมื่อเขาทำเช่นนั้น จุดสีดำก็หายไปราวกับว่ามันไม่เคยมีอยู่จริง อย่างไรก็ตาม...

-ครืดด

คังวูจินเกาแขนขวาและแขนซ้ายของเขาอย่างเงียบ ๆ ทันทีที่จุดดำหายไป อาการคันก็เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้ทำให้เขาโล่งใจ ยิ่งเกามากเท่าไร อาการคันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

ความรู้สึกสกปรกเปลี่ยนเป็นความโกรธในตัวของวูจิน จากนั้นเขาก็พึมพำวลีภาษาญี่ปุ่นออกมา

“ฉันต้องรีบฉีดมันแล้ว”

วูจินเริ่มวิตกกังวลมากขึ้น ทันทีที่เขาเปล่งเสียงว่าต้องการฉีดอะไรบางอย่าง สมองของเขาก็มุ่งความสนใจไปที่ความคิดเดียว ฉีดไอ้สารบ้า ๆ นั่นเข้าไปในแขนของฉันซะ

และจะได้เป็นอิสระเสียที

เหมือนห้วงเหวลึกหรือหมอกก็ไม่ปาน ทันทีที่ความปรารถนาที่จะเป็นอิสระเกิดขึ้น ความโกรธของวูจินก็เปลี่ยนเป็นความเดือดดาล เขาคล้ายอยากกินมัน ขาของเขาสั่นและมือของเขาก็สั่น เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้

ในตอนนั้น

“พี่ เป็นอะไรหรือเปล่า?”

ชายที่นั่งข้างคนขับถาม วูจินจ้องมองเขาด้วยสายตาที่รุนแรง คังวูจินทำให้ชายคนนั้นสะดุ้งด้วยความเงียบ ราวกับว่าเขาตีอีกฝ่ายด้วยกระบอง ชายคนนั้นสะดุ้งเมื่อรู้ว่าตนเผลอทำผิดพลาด

จากนั้นวูจินก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“ฉันดูเหมือนคนโง่ในสายตาแกหรือไง?”

“อะ- ไม่อย่างนั้นแน่นอนครับ พี่แค่ดูไม่ค่อยสบายน่ะ”

“แล้วแกเห็นอะไร?”

“ค-คือว่า...”

“อยากให้ควักลูกตาของแกออกมากินหรือไง?”

“ผม...ขอโทษครับ”

ทันทีที่เสียงขอโทษของชายคนนั้นหลุดออกจากริมฝีปากของเขา รถก็จอดอยู่หน้าอาคาร คนขับรถรีบลงจากรถและเปิดประตูข้างหลัง วูจินออกจากรถอย่างไม่ใส่ใจ

-ฟิ้ววว

สภาพแวดล้อมรอบข้างมืดสนิท มีเพียงแสงสีส้มเป็นหย่อม ๆ ที่กะพริบเป็นครั้งคราว วูจินสังเกตเห็นแสงไฟถนนเรียงรายเป็นทางส่องสว่าง มีรถจอดอยู่สี่คันและชายชุดสูทก็ยืนเรียงแถวกัน

วูจินมองพวกเขาอย่างรวดเร็วและหันไปทางประตูทางเข้าอาคาร

“พี่ครับ! ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย! ผมต้องเสียสติไปแน่ ๆ! ได้โปรดเถอะครับ พี่!”

ชายคนหนึ่งใบหน้าเปื้อนเลือด คุกเข่าลงอ้อนวอน เขากำลังมองไปที่วูจิน อย่างไรก็ตาม วูจินดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบจากคำวิงวอนสุดเสียงของชายคนนั้น

-ชู่ววว

ฝนตกหนักมากจนเปียกถึงข้อเท้าของเขา และเสียงฝนกระทบร่มทำให้ได้ยินยาก ณ จุดนี้ไม่มีร่องรอยของความอบอุ่นบนใบหน้าที่แข็งกร้าวของวูจิน ชายที่คุกเข่าอยู่เป็นเพียงอุปสรรคขวางทางเขา

ดังนั้น

“······”

คังวูจินที่เฝ้ามองชายที่ตัวสั่นเทาอย่างเงียบ ๆ ได้พูดกับลูกน้องคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบและไม่สนใจสิ่งใด

“กำจัดมันซะ”

วูจินสั่งลูกน้องคนหนึ่งของเขาอย่างเย็นชา

มันเป็นคำสั่ง คำสั่งให้เอามันออกไปให้พ้นสายตาเขา เพื่อที่จะจับมันใส่ถัง ปิดฝาให้สนิท แล้วโยนมันทิ้งลงทะเล ในไม่ช้า ชายผู้เปื้อนเลือดก็ถูกลากตัวไปโดยชายชุดสูทหลายคน แม้ว่าเขาจะพยายามกรีดร้องครั้งสุดท้าย

“พี่ครับ!!! ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย! ผมสัญญาว่าผมจะทำตัวให้ดีขึ้น! ปล่อยผมไป! ปล่อยผมไปเถอะ!!!”

แต่คังวูจินได้เข้าไปในอาคารแล้ว ลูกน้องของเขาไม่ได้ตามเข้าไป ทีละก้าว เสียงฝีเท้าที่ชัดเจนของเขาก็ดังสะท้อนไปทั่วอาคารที่เงียบสงบ ฝีเท้าเร็วขึ้น วูจินเริ่มก้าวสองก้าว แล้วสามก้าวในคราวเดียว

การก้าวเดินของเขาเร่งรีบและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

อำนาจที่เขาแสดงออกมาเมื่อครู่นี้ไม่มีให้เห็นอีกต่อไป เขาเริ่มวิ่งราวกับหมดหวัง คล้ายต้องการปลดปล่อยตัวเองให้หลุดพ้น ในที่สุดวูจินก็มาถึงห้องทำงานที่กว้างขวางซึ่งเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง ซึ่งในตอนนั้นเอง วูจิน...

-ปัง!

รีบเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานและหยิบเครื่องมือออกมาหลายอย่าง เขารีบถอดเสื้อสูทออกและรีบม้วนแขนเสื้อขึ้นอย่างลวก ๆ

“ฮึบ- ฮู่”

ลมหายใจของเขาหนักขึ้นขณะที่เขาพันอะไรบางอย่างไว้รอบแขนอย่างแน่นหนาและทำท่าทางแปลก ๆ ใบหน้าของวูจินเต็มไปด้วยความโล่งอก มันดูแข็งกร้าวแต่ก็อ่อนโยน

ทันใดนั้น ฟ้าแลบก็แวบวาบไปทั่วหน้าต่างที่เปียกโชกด้วยสายฝน ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้อง

ท่ามกลางเสียงคำราม วูจินนั่งสบาย ๆ บนโซฟาที่หรูหรา มองขึ้นไปบนเพดาน

“เหอะ ๆ ๆ”

เสียงหัวเราะของเขาผสมกับเสียงฟ้าร้อง สร้างบรรยากาศที่แปลกประหลาดและน่าขนลุกจนเต็มห้อง

*****

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด