บทที่ 123 พูดจากลับกลอกลิ้นสองแฉก!
หลัวเฉิงพยุงร่างกายของเขาให้มั่นคง และรู้สึกถึงเลือดที่กำลังสั่นไหวอยู่ในอก จากนั้นมองฉินต้าวหยวนด้วยดวงตาเย็นเยียบ
แม้จะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดชายผู้นั้นจึงลงมือทำร้ายเขา แต่เจตนานั้นมุ่งเป้ามาที่เขาอย่างชัดเจน!
แววตาและอากัปกิริยาที่เย่อหยิ่งนั้น ประหนึ่งมองเพียงมดปลวกที่อยู่บนพื้น ซึ่งนั่นทำให้หลัวเฉิงโกรธเกรี้ยวเช่นเดียวกัน
จีหยวนเฮ่าก็ทำสีหน้าแบบนี้เหมือนกันในตอนนั้น!
“หลินหานคง พาตัวเขาออกไป!”
ฉินต้าวหยวนตะคอกเสียงเย็นชา
“ขอรับ!”
หลินหานคงและบรรดาศิษย์ฝ่ายนอกทุกคนต่างลุกขึ้น เพื่อขับไล่หลัวเฉิงให้ออกไปจากที่นี่
“เชิญ!”
เมื่อมองหลัวเฉิง ดวงตาของหลินหานคงก็ส่องประกายแสงเยือกเย็น
หากสามารถพาหลัวเฉิงออกจากสำนักซวนหยวนได้ เขาก็สามารถขอให้บรรดาศิษย์พี่ช่วยสังหารหลัวเฉิงได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้เรื่องทุกอย่างก็จะจบ!
“ช้าก่อน!”
หลัวเฉิงตะคอกอย่างเต็มเสียง ขณะดวงตาจ้องยังฉินต้าวหยวน
“ผู้ที่รับผิดชอบในการทดสอบนี้คือผู้อาวุโสเฉินซวน! ข้าผ่านหุบเขาเหลียนซินได้เป็นคนแรกทั้งยังทำลายสถิติอีก จึงได้รับอนุญาตจากผู้อาวุโสเฉินซวนให้ผ่านการทดสอบแล้ว แต่ท่านกลับจะไล่ข้าไปด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว หรือแท้จริงแล้วสำนักซวนหยวนเป็นพวกกลับกรอกคำพูดวาจาไร้น้ำหนักกัน?”
“ไอ้ขยะ! กล้าดีอย่างไรมาโต้ตอบข้า!”
ฉินต้าวหยวนขมวดคิ้วด้วยความโกรธ ดวงตาลุกโชนดุจเปลวไฟแผดเผา แล้วตะโกนบอกหลินหานคงและคนอื่นๆ “รีบพาเขาออกไปเดี๋ยวนี้ หากเขาขัดขืน ก็ลงโทษอย่างรุนแรงตามเห็นสมควร!!”
“ฉินต้าวหยวน ผู้รับผิดชอบในการทดสอบนี้คือข้าไม่ใช่เจ้า”
ผู้อาวุโสเฉินซวนที่เงียบงันมานานจนถึงตอนนี้ เปิดปากแผดเสียงขึ้นทันที
ฉินต้าวหยวนขมวดคิ้ว กล่าวว่า “ผู้อาวุโสเฉิน ท่านต้องการจะรับคนไร้ค่านี้เข้าสำนักซวนหยวนเราจริงหรือ?”
ผู้อาวุโสเฉินซวนไม่ได้กล่าวสิ่งใด แต่สืบเท้าเข้าหาหลัวเฉิงและเพ่งสายตาพินิจวิญญาณยุทธ์ของหลัวเฉิงอย่างละเอียด
เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง คิ้วของผู้อาวุโสเฉินซวนก็ขมวดมากขึ้น
หลินหานคง กล่าวขึ้นในเวลาที่ประจวบเหมาะ “ผู้อาวุโสเฉินซวน ท่านไม่จำเป็นต้องมองให้เปลืองสายตา ก่อนหน้านี้ในเมืองฉีซาน ศิษย์พี่จินหมินได้ตรวจสอบอย่างละเอียดมาแล้ว และพบว่า เขาเป็นวิญญาณยุทธ์ที่ไม่ถือกำเนิดจริงๆ ทั้งยังไร้ดาวแม้เพียงดวง”
“ยิ่งกว่านั้น หลัวเฉิงคนนี้ยังมีนิสัยใจคอคับแคบหยิ่งผยอง และไม่ให้ความเคารพต่อศิษย์พี่จินหมินแม้แต่น้อย หากศิษย์พี่จินหมินไร้เมตตา คนไร้ค่าผู้นี้ก็คงไม่อาจมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ได้”
หลินหานคงกล่าววาจาสำบัดสำนวน โดยชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า หลัวเฉิงผู้นี้ได้ทำให้จินหมินขุ่นเคือง
ฉินต้าวหยวนก็ตามน้ำกล่าวเสริมว่า “ผู้อาวุโสเฉินซวน ตามกฎของสำนักซวนหยวนเรา แม้แต่ศิษย์บำรุงสำนัก อย่างน้อยก็ต้องมีวิญญาณยุทธ์ระดับสามดาวขึ้นไป”
“หากหลัวเฉิงผู้นี้ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่สำนักซวนหยวนเราจริงๆ เกรงว่าจะทำให้สำนักหมอกหยกและสำนักเมฆาอัสนีหัวเราะเยาะเราเป็นแน่ ที่แย่กว่าพวกเขาอาจมองว่าเราเป็นขยะเสียด้วยซ้ำไป!”
ผู้อาวุโสเฉินซวนยังคงนิ่งเงียบ
ด้วยใจเขาไม่ต้องการตระบัดสัตย์วาจา แต่ว่าพรสวรรค์ด้านวิญญาณยุทธ์ของหลัวเฉิงก็แย่เกินจะทนเช่นกัน
วิญญาณยุทธ์ที่ไม่ถือกำเนิด ซ้ำร้ายยังไร้ดาวแม้เพียงดวง ต่อให้เป็นสำนักเล็กๆ ก็ต้องถูกขับไล่เป็นแน่ สำมะหาอะไรกับสามสำนักหลัก
ถัวป้าเลี่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจ้องยังหลินหานคงและคนอื่นๆ ก่อนชี้หน้าตะคอกเสียงแข็งกร้าว
“พวกเจ้ามันก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าขยะนัก เย่อหยิ่งจองหองไร้สมอง! เจ้ากลัวการถูกหัวเราะเยาะหากรับหลัวเฉิงงั้นหรือ แล้วพวกเจ้าไม่กลัวว่าจะถูกหัวเราะเพราะพูดจากลับกลอกลิ้นสองแฉกหรืออย่างไร?”
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้กล่าวที่นี่!”
ฉินต้าวหยวนเบิกตาขึ้นด้วยความโกรธพลางโบกมือสะบัด ทันใดปราณอันเยือกเย็นก็พุ่งเข้าใส่ถัวป้าเลี่ยทันที
ถัวป้าเลี่ยตะคอกเสียงเย็นชา พร้อมประสานมือไว้เบื้องหน้า แล้วปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตน
โฮก!
ทันใด ร่างพยัคฆ์ขนาดใหญ่สามตาก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังของถัวป้าเลี่ย ทั่วทั้งร่างมันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีแดงฉาน พร้อมกับแสงแห่งดวงดาวเก้าดวงส่องจรัสเจิดจ้า
“โอ้สวรรค์! วิญญาณยุทธ์เก้าดาว!”
เสียงหายใจเข้าลึกของผู้คน ดังสะท้านขึ้นเกือบจะพร้อมกัน
วิญญาณยุทธ์ระดับเก้าดาวนับว่าเป็นวิญญาณยุทธ์อันดับต้นๆ ของวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงแล้ว!
เสียงปะทะดังสนั่น ร่างถัวป้าเลี่ยถูกซัดกระเด็นไปไกลเกือบห้าจั้ง และเสื้อคลุมหนังสัตว์ของเขา ก็ถูกฉีกกระชากขาดเป็นชิ้นด้วยพลังอันรุนแรง