ตอนที่ 9 : ผู้รอดชีวิต
ตอนที่ 9 : ผู้รอดชีวิต
“เจ้ามีพยานไหม?”
พยาน?
เขาไม่รู้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาต้องมีพยานงั้นเหรอ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ตอบกลับไปว่า “เจ้าของบ้านหลังนี้น่าจะเป็นพยานให้กับข้าได้”
ดังนั้นเขาจึงนึกถึงเจ้าของบ้านขึ้นมา
เพราะเขาก็ไม่ได้รู้จักใครนักและคิดถึงใครไม่ได้นอกจากเจ้าของบ้าน
“ก่อนค่ำเจ้าทำอะไร?” ทหารลาดตระเวนถามต่อ
“ข้าออกกำลังกายอยู่ภายในห้อง”
“ช่วงนี้เจ้าเห็นว่ามีใครผิดสังเกตบ้างไหม?”
“ไม่เลย!”
ทหารลาดตระเวนโน้มตัวเข้ามาหาเขา มองเข้าไปในห้อง และกล่าวว่า “พวกเราขอค้นบ้านของเจ้าหน่อย”
หวู่เหิงเหลือบมองเข้าไปในห้องของเขา และไม่เห็นว่ามันจะมีอะไร ดังนั้นเขาจึงก้าวหลบไปข้างๆ “เชิญเลย”
ทหารลาดตระเวนโบกมือและทหารลาดตระเวนอีกคนก็ก้าวเข้าไปในห้อง
ห้องมีขนาดเล็กและไม่มีอะไรมาก
เพราะของพิเศษต่างๆ ที่เขามี เขาก็ได้ซ่อนเอาไว้ในโลกซอมบี้ และหวู่เหิงก็ไม่ได้กังวลว่าคนอื่นจะรู้เรื่องอะไร
เขาหันกลับไปมองทหารที่ยืนอยู่นอกประตูและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
ทหารผู้นั้นทำหน้าเฉยเมยและตอบกลับมา “มีการค้นพบศพที่ถูกแยกชิ้นส่วนอย่างโหดเหี้ยมในย่านที่อยู่อาศัยเมื่อคืนนี้”
โอ้…
ดูเหมือนจะมีคนตาย ไม่แปลกใจเลย
วิธีจัดการกับอาชญากรรมในย่านที่อยู่อาศัยนั้นก็เรียบง่ายมาก
พยานวัตถุ คำให้การของผู้ต้องสงสัย และคำให้การจากผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงล้วนแล้วแต่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าอาชญากรรมนี้ถูกอำพรางไว้เป็นอย่างดี มันก็คงยากมากที่จะคลี่คลายคดี
ในทำนองเดียวกัน หากมีหลักฐานใดๆ ที่ชี้ไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่มันก็คงยากที่จะพิสูจน์ได้
คนผู้นั้นอาจจะถูกจับและประหารได้ และไม่มีโอกาสได้แก้ต่างเลย
สำหรับหวู่เหิง ในฐานะเนโครแมนเซอร์ เขาจึงถือว่าเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในเมืองนี้อยู่แล้ว เมื่อใดก็ตามที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นใกล้ๆ เขาก็ย่อมต้องถูกสอบสวนอย่างเข้มงวด
ในขณะที่คนอื่นเจอแค่การสอบถามเท่านั้น แต่เขาต้องเจอกับการค้นบ้าน
“เจออะไรบ้างไหม?” หวู่เหิงถาม
“นอกเหนือจากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นแล้ว พวกเราก็ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่อาชญากรต้องการจะแทรกซึมเข้ามาในเมือง” ทหารลาดตระเวนเหลือบมองเขา
เอ่อ…
คิดแบบนี้เองสินะ…
จากนั้นทหารที่เข้าไปค้นห้องก็เดินออกมาและส่ายหัวเล็กน้อยเพื่อบอกว่าเขาไม่พบอะไรที่น่าสงสัยเลย
ทหารที่ประตูก็ไม่รอช้าและย้ำเตือนว่า “ถ้าเจ้ามีข้อมูลอะไรก็สามารถแจ้งพวกเราได้ พวกเรามีรางวัลจะมอบให้ด้วย”
“ได้เลย”
เขาตอบตกลงแต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรนักเกี่ยวกับเรื่องนี้
ด้วยระดับทักษะอันต่ำต้อยของเขา แม้แต่การต่อสู้กับพวกซอมบี้ยังเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาเลย นับประสาอะไรกับการเผชิญหน้ากับฆาตกร
ในโลกนี้ เขาคงไม่อาจเอาชนะผู้หญิงในการต่อสู้ได้ด้วยซ้ำ
เหล่าทหารลาดตระเวนไม่ได้พูดอะไรอีกและเดินไปยังบ้านหลังต่อไปเพื่อถามคำถามและย้ำเตือนเรื่องความปลอดภัย
ส่วนหวู่เหิงก็ล็อคประตูห้องของเขาและไปที่โรงเตี๊ยมใกล้เคียงเพื่อหาอะไรกิน
...
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว เขาก็มุ่งหน้ากลับไปยังโลกซอมบี้
หวู่เหิงนำกองทัพโครงกระดูกของเขามุ่งหน้าไปยังอาคารหลังสุดท้าย
เมื่อประตูเหล็กเปิดออก กลิ่นเหม็นเน่าอันรุนแรงก็โชยออกมาทันที
ในทันทีที่เท้าของเขาก้าวข้ามธรณีประตู เสียงขู่และเสียงวิ่งก็ดังก้องมาจากชั้นล่าง
ซอมบี้สามตัวกำลังพุ่งเข้ามา
เมื่อเห็นกองทัพโครงกระดูก พวกมันก็เปล่งเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดออกมาทันที
“โจมตี!” หวู่เหิงสั่งการ และชี้หอกเหล็กของเขาไปข้างหน้า
แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก!!
นักรบโครงกระดูกพุ่งเข้าหาซอมบี้ กวัดแกว่งอาวุธของพวกมัน และเสียงสับเนื้อก็ดังก้องไปทั่ว
ในไม่ช้า เหล่าซอมบี้ก็ถูกสังหารภายใต้คมมีดทำครัว
[ท่านได้รับค่าประสบการณ์ +8]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ - ทหารโครงกระดูกได้รับค่าประสบการณ์ +5]
[…..]
[ท่านได้เลื่อนระดับเป็นเลเวล 3, สติปัญญา +1, เสน่ห์ +1 และพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย]
ในทันทีที่ซอมบี้ตัวที่สามล้มลง หวู่เหิงก็เลื่อนระดับเป็นเลเวลสาม
ค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นคือสติปัญญาและเสน่ห์
ดูเหมือนว่าการเพิ่มขึ้นของค่าสถานะจะไม่ได้เป็นแบบสุ่ม มิฉะนั้นค่าสติปัญญาก็คงจะไม่เป็นหนึ่งในค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีหลักการอะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
เขาเดินไปหาศพของพวกซอมบี้ ปลดปล่อยทักษะการจัดการโครงกระดูก และโครงกระดูกสามตัวก็ลุกขึ้นมาเข้าร่วมกับกองทัพของเขา
“ลุยต่อ!”
หวู่เหิงสั่งการอีกครั้ง และนำกองทัพโครงกระดูกลงบันไดไป
จำนวนของซอมบี้ในโถงทางเดินไม่ได้มากมายอะไร และไม่ได้สร้างแรงกดดันให้กับนักรบโครงกระดูกของเขาเท่าไร
พวกเขาเคลียร์ทางไปยังชั้นหนึ่ง ยืนยันว่าทางเข้าอาคารปลอดภัย จากนั้นก็เริ่มค้นห้องแต่ละห้องเพื่อจัดการกับซอมบี้ที่อยู่ด้านในและเก็บกวาดสิ่งของมีค่า
การทำความสะอาดอาคารหลังสุดท้ายนั้นง่ายกว่าหลังก่อนๆ มาก
มันไม่มีซอมบี้สุนัขกลายพันธุ์อยู่เลย และประตูของอาคารก็ปิดสนิทด้วย
พวกเขาใช้เวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้นในการกวาดล้างอาคารทั้งหลังนี้
สุนัขล่าโครงกระดูกสามารถจัดการซอมบี้แค่ตัวเดียวได้อย่างง่ายดาย และเมื่อมันมีซอมบี้มาเป็นกลุ่ม เหล่านักรบโครงกระดูกก็จะลงมือกันเป็นทีม ทำให้มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่จะจัดการกับพวกมัน
หวู่เหิงรู้สึกได้ถึงร่องรอยของความมั่นใจภายในใจของเขา
ดูเหมือนว่าพวกซอมบี้จะไม่ได้จัดการยากอย่างที่เขาคิด
อย่างไรก็ตาม หลังจากเขากวาดล้างอาคารทั้งหลังไปแล้ว เขาก็ยังไม่พบกับผู้รอดชีวิตเลย
นี่ทำให้เขาสงสัยว่าการระบาดของซอมบี้สามารถแพร่กระจายทางอากาศหรือด้วยวิธีพิเศษบางอย่างได้หรือไม่
มันดูเหมือนว่าเขาจะเป็นแค่คนเดียวที่เหลืออยู่ในโลกนี้เลย
บางทีมันคงจะมีแค่เท็ดดี้เท่านั้นที่ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขาได้
...
กองทัพของเขาเริ่มเดินออกมาจากโถงทางเดิน
เหล่าโครงกระดูกพากันขนข้าวของ และหวู่เหิงก็ยืนอยู่บนดาดฟ้าพร้อมกับสั่งการพวกมันในขณะที่เขาใคร่ครวญถึงแผนการต่อไป
พวกเขากวาดล้างซอมบี้ทั้งหมดในอาคารเสร็จแล้ว
ถ้าเขาต้องการจะสังหารซอมบี้เพื่อเก็บค่าประสบการณ์อีก เขาก็ต้องออกไปข้างนอก
มันมีซอมบี้อยู่ประมาณ 50-60 ตัวรวมตัวกันอยู่ชั้นล่าง และจำนวนของพวกมันก็ดูไม่ได้มากมายอะไร
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาต้องออกไปและมีซอมบี้กรูกันเข้ามาจากทุกทิศทาง ความยากในการต่อสู้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
ถ้าเขาทำอะไรผิดพลาด เขาก็อาจจะสูญเสียโครงกระดูกทั้งหมดไปและทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายได้
นอกเหนือจากการพุ่งออกไปตรงๆ แล้ว มันก็ยังมีวิธีอื่นอยู่
จากด้านข้างของหลังคา เขาสามารถสร้างบันไดเชื่อมระหว่างอาคารทั้งสองหลังได้ และสามารถดำเนินการกวาดล้างอาคารอื่นๆ ต่อ
วิธีการนี้ปลอดภัยกว่า
เขามองไปยังช่องว่างระหว่างอาคาร ซึ่งมีความยาวประมาณ 5-6 เมตร
หากมีไม้กระดานหรือบันไดที่ยาวมากพอซึ่งเขาสามารถหาได้จากเมืองหินดำ เขาก็จะสามารถข้ามไปได้
แม้ว่าความสูงจะน่ากลัวอยู่บ้าง แต่มันก็ยังดีกว่าการต่อสู้กับฝูงซอมบี้ตรงๆ
สิ่งเดียวที่เขาไม่แน่ใจคือเหล่านักรบโครงกระดูกจะสามารถข้ามไปได้ไหม
การตกจากชั้นหกเพียงพอแล้วที่จะทำให้ร่างของพวกมันแหลกได้
เมื่อนึกถึงความคิดเหล่านี้ เขาจึงเดินลงไปที่ชั้นล่างเพื่อหาเชือกปีนป่าย โดยวางแผนที่จะโยนมันข้ามไปยังอาคารอีกหลังเพื่อวัดระยะห่าง
ในขณะที่เขากำลังแกว่งเชือกเพื่อโยนมันข้ามไป…
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!
เสียงรถชนอย่างรุนแรงดังมาจากถนนด้านทิศตะวันตก
เขามองไปยังต้นตอของเสียงนั้นในทันที
รถบัสคันหนึ่งซึ่งมีกลิ่นอายเหมือนกับหนังวันสิ้นโลกกำลังแล่นฝ่าฝูงซอมบี้อย่างรุนแรงและชนรถที่จอดเรียงรายอยู่ระหว่างทาง
แผ่นเหล็กที่แข็งแรงติดอยู่ทั้งสองด้านของรถบัส และหน้าต่างของมันก็ถูกปิดด้วยท่อนเหล็กหนา
ผ่านช่องว่างของแท่งเหล็ก เขาสามารถมองเห็นท่อเหล็กยื่นออกมาเพื่อแทงซอมบี้ที่กำลังปีนขึ้นมาบนรถได้
ด้านหลังรถบัสเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้
มันมีซอมบี้กรูกันเข้ามาเรื่อยๆ จากเสียงปะทะ และไล่ตามรถบัสมากขึ้นเรื่อยๆ
จำนวนของซอมบี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และดูราวกับฝูงซอมบี้ในหนังเลย มันดูน่ากลัวมากจริงๆ
แม้ว่าจะอยู่ห่างออกมา แต่เขาก็ยังรู้สึกกลัวและหายใจไม่ออกเมื่อได้เห็นฝูงซอมบี้จำนวนมากมายขนาดนี้
บ้าเอ้ย!
หวู่เหิงสั่งให้โครงกระดูกของเขาหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดและขยับออกมาให้ห่างจากชายขอบของชั้นดาดฟ้า
เขาจับตามองไปที่รถบัสที่กำลังชนทุกสิ่งที่ขวางหน้า
ผู้รอดชีวิต!
มันยังมีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่!