ตอนที่ 8 : เจ้ามีพยานไหม?
ตอนที่ 8 : เจ้ามีพยานไหม?
หวู่เหิงต้องทำการยืนยันตัวตนก่อน
เพราะสมาคมนักผจญภัยคือองค์กรที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยเหล่านักผจญภัย
ดังนั้นการตรวจสอบตัวตนจึงเป็นการยืนยันว่าคนผู้นั้นเป็นสมาชิกที่ลงทะเบียนแล้วหรือไม่เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดการติดต่อหลังจากทำภารกิจเสร็จแล้ว
หลังจากยืนยันได้แล้ว พนักงานต้อนรับก็ถาม “เจ้ามีงานแบบไหนที่อยากจะเปิดภารกิจงั้นเหรอ?”
“ข้ามีวัตถุประเภทหนึ่งที่ข้าต้องการให้นักเล่นแร่แปรธาตุมาตรวจสอบ นอกจากนี้ ข้ายังต้องการล้างพิษด้วยหากมันมีพิษ” หวู่เหิงตอบไปตามตรง
“ได้เลย แล้วเจ้าได้เอาของสิ่งนั้นมาด้วยไหม?”
“อืม” หวู่เหิงเปิดกระเป๋าและหยิบเอาแกนศพกลายพันธุ์ออกมา
เจ้าหน้าที่หยิบภาชนะแก้วออกมาแล้วบรรจุมันลงไป
“ภารกิจของท่านเกี่ยวข้องกับการปรุงยาและจะไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ มันจะถูกจัดการโดยนักเล่นแร่แปรธาตุที่ได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมเท่านั้น ซึ่งมันจะช่วยดูแลความปลอดภัยของของสิ่งนี้ด้วย”
“ดี!”
การควบคุมดูแลของสมาคมจะทำให้ทุกอย่างปลอดภัยยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะมันคงยากที่จะบอกว่ายาแก้พิษที่ทำโดยนักเล่นแร่แปรธาตุจากภายนอกนั้นจะได้ผลหรือไม่
“งั้นเจ้าก็ต้องวางเงินมัดจำ 5 เหรียญเงิน และส่วนที่เหลือก็จะถูกคำนวณตามความยากและวัตถุดิบที่ต้องใช้เพื่อปรุงยา”
เงิน 5 เหรียญเงินเป็นแค่ค่ามัดจำเท่านั้น
การเป็นนักปรุงยาดูเหมือนจะมีรายได้ดีเลยทีเดียว
“แล้วข้าจะรู้ผลประมาณตอนไหน?”
“ภายในห้าวันขอรับ”
หวู่เหิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็หยิบเงินออกมาเพื่อวางมัดจำ
ถ้าสมาคมนักผจญภัยสามารถทำการวิเคราะห์และปรุงยาแก้พิษได้ มันก็คงจะสุดยอดไปเลย
มิฉะนั้นเขาก็คงจะไม่กล้าใช้มัน และมันก็อาจจะเน่าไปได้หากปล่อยทิ้งไว้นาน
หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว หวู่เหิงก็ออกมาจากสมาคมนักผจญภัยและมุ่งหน้าไปยังย่านที่มีผู้คนพลุกพล่าน
...
ณ ย่านที่มีผู้คนพลุกพล่านแห่งนี้ นี่คือพื้นที่อยู่อาศัยที่หวู่เหิงอาศัยอยู่ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองหินดำ
บ้านเรือนเรียงรายกันอย่างหนาแน่น และถนนสายหลักก็ปูด้วยเศษหินหรืออิฐซึ่งมีความกว้างประมาณ 3-4 เมตรเท่านั้น ซึ่งชาวเมืองก็ได้กองข้าวของไว้หน้าประตูบ้านด้วย ทำให้ถนนแคบลงไปอีก
เมื่อกลับมาถึงบ้านของเขาแล้ว หวู่เหิงก็ทำบะหมี่ไส้กรอกให้ตัวเองกิน
ของเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาค้นมาได้จากห้องอื่นๆ ในอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งเจ้าของห้องคงไม่สามารถกินพวกมันได้แล้วเพราะกลายเป็นซอมบี้ไปหมดแล้ว
เขาคิดว่าเขาน่าจะนำพวกมันกลับมาด้วยให้หมดเลย
เพราะหากไม่สนใจเรื่องที่ว่าพวกมันจะปลอดภัยหรือไม่นั้น พวกมันก็ถือว่าอร่อยมากเลย
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จแล้ว เขาก็ตรวจสอบร่างกายของเขา
รอยช้ำสีม่วงบนร่างกายของเขาได้หายไปแล้ว และมันก็ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป
“ยาของโลกนี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ”
หลังจากตรวจสอบว่าเขาปกติดีแล้ว เขาก็เริ่มออกกำลังกายก่อนนอนตามปกติ
เขาไม่หยุดจนเหงื่อเปียกโชก จากนั้นเขาก็อาบน้ำและเข้านอน
...
เช้าวันต่อมา หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จแล้ว หวู่เหิงก็มุ่งหน้าไปยังโลกซอมบี้ทันที
ในไม่ช้า เขาก็ขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า
เขาได้ยินเสียงกุกกักดังขึ้น
ในบรรดานักรบโครงกระดูก 36 ตัวที่ยืนเตรียมพร้อมอยู่ สุนัขล่าโครงกระดูกก็ได้ใช้ขาหน้าของมันจับโครงกระดูกตัวหนึ่งเอาไว้และโยกเอวของมันอย่างรุนแรง
นักรบโครงกระดูกธรรมดาย่อมไม่มีสติปัญญา ทำให้นักรบโครงกระดูกตัวที่ถูกขย่มอยู่นั้นเสียสมดุล แต่มันก็ยังตั้งท่าเตรียมพร้อมเอาไว้
ร่างกายของมันกำลังจะแยกออกจากกัน
“บ้าเอ้ย ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย”
หวู่เหิงพูดไม่ออกเล็กน้อย
“สุนัขโครงกระดูก หยุดนะ!”
ถ้ามันยังทำแบบนี้ต่อไป โครงกระดูกของเขาก็คงจะต้องเละเป็นชิ้นๆ ไปแน่ๆ
เมื่อได้ยินคำสั่ง สุนัขโครงกระดูกก็หยุดการกระทำในทันที และนั่งยองๆ อยู่ข้างๆ เขา
“ในอนาคต! ห้าม! โยกเอวให้โครงกระดูกตัวอื่นอีก! เข้าใจไหม!”
สุนัขโครงกระดูกเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน และดูราวกับว่ามันไม่เข้าใจเลย
ด้วยความเบื่อหน่ายกับการอธิบาย เขาจึงตรวจสอบสภาพของนักรบโครงกระดูกอีกครั้ง และสั่งการ “ตามมา”
เสียงกระดูกกระทบกันอีกครั้ง และนักรบโครงกระดูกทั้งหมดที่คอยท่าอยู่แล้วก็เริ่มเคลื่อนไหว และตามเขาไปในขณะที่เขาเดินอยู่ข้างๆ นักรบโครงกระดูกตัวหนึ่ง
อาคารที่หวู่เหิงอาศัยอยู่นั้นอยู่ใกล้กับชายขอบของย่านที่อยู่อาศัย ซึ่งมันมีอาคารทั้งหมด 5 หลัง
อาคาร 3 หลังแรกได้ถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เหลืออาคารอีก 2 หลังที่ยังไม่ถูกจัดการ
เขาเปิดประตูเหล็กที่นำไปสู่ทางเดิน และกลิ่นเหม็นเน่าก็พุ่งเข้ามากระทบกับใบหน้าของเขา
เมื่อมองลงไปยังทางเดิน มันก็ไม่มีร่องรอยของซอมบี้อยู่บนชั้นที่หกเลย
“เดินไปข้างหน้า!” หวู่เหิงสั่งการ
แกร๊ก แกร๊ก!
นักรบโครงกระดูกก้าวไปตามทางเดิน
เสียงกระดูกกระทบกับพื้นดังก้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โฮก!
มันมีเสียงซอมบี้ดังมาจากทางด้านล่าง
จากนั้นมันก็มีเสียงวิ่งตามมา และซอมบี้สาวในชุดลูกไม้สีม่วงก็พุ่งเข้ามา
มันอ้าปากออกมา และส่งเสียงคำรามเสียดแก้วหู
ซอมบี้สาวตัวนี้ดูดีมากเลยทีเดียว
มันมีหน้าอกที่กว้าง เอวและสะโพกที่โค้งมนน่าดึงดูดมาก
อย่างไรก็ตาม ผิวสีเทาของมันก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำ และลูกตาที่ห้อยลงมาก็ทำให้ความงามดั้งเดิมของมันสูญหายไป
เธอดูแปลกประหลาดและน่ากลัวมาก
หวู่เหิงไม่มีเวลาให้ตรวจสอบอย่างละเอียด
สุนัขล่าโครงกระดูกกระโจนข้ามโครงกระดูกที่อยู่ตรงหน้าไปในทันที และกดซอมบี้สาวลงกับพื้น
ผ้าที่แทบจะไม่เกาะไหล่ของมันหลุดลงมา เผยให้เห็นเนื้อหนังของมันมากยิ่งขึ้น
สุนัขล่าโครงกระดูกหักคอของซอมบี้ตัวนั้นทันทีและเริ่มฉีกทึ้งมันอย่างบ้าคลั่ง
เลือดและเนื้อสาดกระเซ็นออกมา
ซอมบี้สาวบิดตัวไปมาบนพื้นอย่างสิ้นหวัง มันพยายามจะฉีกร่างของสุนัขล่าโครงกระดูกด้วยมือของมัน
แต่มันก็ถือว่าอ่อนแอมาก ไม่ว่ามันจะขัดขืนยังไง มันก็ไม่สามารถสลัดสุนัขล่าโครงกระดูกออกไปได้เลย
แม้ว่าค่าสถานะของสุนัขล่าโครงกระดูกจะไม่ได้สูงมากมายอะไร แต่มันก็ยังถือว่าเหนือกว่าซอมบี้ทั่วไป
อย่างน้อยในการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่ง มันก็ยังได้เปรียบอยู่
ไม่นานนัก ซอมบี้สาวก็หยุดการดิ้นรน และการแจ้งเตือนของระบบก็ตามมาทันที
[ท่านได้รับค่าประสบการณ์ +8]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ - สุนัขล่าโครงกระดูกได้รับค่าประสบการณ์ +1]
เป้าหมายถูกสังหาร และระบบก็แจ้งเตือนทันที
หวู่เหิงเลเวลสองแล้ว ดังนั้นค่าประสบการณ์ที่ได้รับจากการสังหารซอมบี้ก็ลดลงจาก 10 หน่วยเป็น 8 หน่วย
นี่เป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจ
เพราะด้วยเลเวลที่สูงขึ้น ค่าประสบการณ์ที่ได้รับจากศัตรูในระดับเดิมก็จะลดลง
แม้มันจะเข้าใจได้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย เพราะด้วยค่าประสบการณ์ที่ลดลง เขาก็ต้องสังหารซอมบี้มากขึ้นเพื่อเลื่อนระดับ
ส่วนค่าประสบการณ์อีกส่วนก็ถูกมอบให้กับสุนัขล่าโครงกระดูก ซึ่งมีเลเวลห้าแล้ว ทำให้มันได้รับค่าประสบการณ์ไป 1 หน่วย ซึ่งมันก็น้อยยิ่งกว่าที่เขาได้รับซะอีก
ตุบ ตุบ ตุบ!
ในขณะที่สุนัขล่าโครงกระดูกกำลังจะเกาะเอวของซอมบี้ มันก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านล่างอีกครั้ง
ซอมบี้อีกสามตัวกำลังวิ่งขึ้นมา
เมื่อเห็นกองทัพโครงกระดูก เหล่าซอมบี้ก็เปล่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
หวู่เหิงชี้นิ้วและสั่งการ “นักรบโครงกระดูก จัดการกับพวกมันซะ”
นักรบโครงกระดูกที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วลงมือในทันที
พวกมันพุ่งเข้าใส่ซอมบี้ทันที
นักรบโครงกระดูกหลายตัวที่อยู่ในแนวหน้ากระแทกพวกซอมบี้ล้มลงในทันที
ในเวลาเดียวกัน มีดทำครัวจำนวนมากก็พุ่งเข้าใส่พวกมันทันที
มีดทำครัวสับลงมาที่พวกซอมบี้ราวกับห่าฝนจนกระทั่งพวกมันไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก และกลายเป็นกองเนื้อบดไป
หลังจากจบการต่อสู้แล้ว ทั้งหวู่เหิงและเหล่านักรบโครงกระดูกก็ได้รับค่าประสบการณ์
เขาใช้ทักษะการจัดการกระดูกเพื่อเปลี่ยนให้พวกมันกลายเป็นโครงกระดูก จากนั้นเขาก็สั่งให้นักรบโครงกระดูกเคลื่อนตัวไปยังด้านล่างต่อไป
กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น และพวกเขาก็ไม่พบกับซอมบี้อีกเลย
เสียงทุบและเสียงข่วนดังขึ้นมาเป็นครั้งคราวจากประตูทั้งสองฟากของทางเดิน ทำให้หวู่เหิงรู้ว่ามันยังมีซอมบี้อยู่ภายใน
พวกเขาเดินลงไปที่ชั้นแรกและยืนยันว่าประตูหลักถูกปิดอยู่
จากนั้นเขาก็หยิบเอากุญแจทองแดงออกมาและเริ่มเข้าไปในห้องแต่ละห้องเพื่อจัดการกับพวกซอมบี้และเก็บกวาดของต่างๆ
สำหรับกองทัพโครงกระดูกในตอนนี้ เหล่าซอมบี้ที่อยู่ภายในห้องก็ไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามแล้ว
ด้วยเหตุนี้ การเก็บกวาดห้องจึงไม่ใช่ปัญหาอะไรอีก
พวกมันล้วนเป็นซอมบี้ธรรมดา ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
การต่อสู้ประเภทนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องการเห็นอย่างแน่นอน
มันไม่มีแรงกดดัน และภายใต้สถานการณ์ที่ปลอดภัยเช่นนี้ เขาก็สามารถเพิ่มทั้งค่าประสบการณ์และจำนวนนักรบโครงกระดูกได้ด้วย
เมื่อเขากลับมาที่ดาดฟ้า เขาก็เริ่มนับจำนวนโครงกระดูกในทันที
ตอนนี้เขามีนักรบโครงกระดูกทั้งหมด 77 ตัวแล้ว โดยมี 2 ตัวที่เป็นนักรบโครงกระดูกถือดาบเลเวลสอง ส่วนที่เหลือก็เป็นนักรบโครงกระดูกเลเวลหนึ่ง รวมถึงสุนัขล่าโครงกระดูกเลเวลห้า
หลังจากนับจำนวนนักรบโครงกระดูกและแจกจ่ายอาวุธให้กับโครงกระดูกใหม่แล้ว เขาก็กลับไปที่เมืองหินดำทันที
กิน ฝึกฝน นอน!
...
เช้าวันต่อมา หลังจากที่หวู่เหิงอาบน้ำเสร็จแล้วและกำลังจะออกไปทานมื้อเช้า…
ในทันทีที่เขาก้าวออกมาจากห้อง เขาก็เห็นทหารลาดตระเวนหลายคนในชุดเกราะกำลังถามเพื่อนบ้านของเขาอยู่
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทหารลาดตระเวนเหล่านี้ก็คือกองกำลังของเมืองหินดำนั่นเอง
พวกเขาสวมชุดเกราะหนังและห้อยดาบเหล็กไว้ที่เอว
เมื่อเห็นว่าหวู่เหิงก้าวออกมา ทหารลาดตระเวนสองคนก็เดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หวู่เหิง?”
หวู่เหิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและพยักหน้า
“เมื่อคืนเจ้าอยู่ที่ไหน?”
“ข้าอยู่ในห้องของข้าตลอดทั้งคืน ไม่ได้ออกไปไหนเลย”
“เจ้ามีพยานไหม?”