ตอนที่ 5 : อัพเกรด
ตอนที่ 5 : อัพเกรด
ตุบ ตุบ ตุบ!
เสียงฝีเท้านับไม่ถ้วนดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน
เมื่อพิจารณาจากจำนวนผู้อยู่อาศัยในบริเวณนี้แล้ว มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีซอมบี้มากมายขนาดนี้
เว้นเสียแต่ว่าผู้พักอาศัยทั้งหมดจะอาศัยอยู่ในโถงทางเดิน
แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันคงไม่เป็นแบบนั้น
ดังนั้นคำอธิบายเดียวก็คือประตูนอกถูกเปิดทิ้งไว้ ทำให้ซอมบี้จากภายนอกกรูกันเข้ามาในอาคาร
บ้าเอ้ย!
หวู่เหิงสบถให้กับโชคชะตาของเขา กลายเป็นว่าเขาต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้จริงๆ
เขาหันไปทันที และวางแผนจะถอนตัวกลับไปยังดาดฟ้าพร้อมกับนักรบโครงกระดูกของเขา
แต่เมื่อเขาหันกลับ ฝีเท้าของเขาก็หยุดลง
ทางเดินนั้นแคบ และนักรบโครงกระดูกของเขาก็ถือว่าได้เปรียบถ้าอยู่ที่นี่
นอกจากนี้เขาจะต้องเคลียร์พื้นที่แห่งนี้ในไม่ช้าก็เร็วอยู่ดี เพราะโถงทางเดินต่อไปก็อาจจะไม่ปลอดภัยเหมือนกัน
หากเลวร้ายที่สุด เขาก็สามารถถอยขึ้นไปบนดาดฟ้าและปิดประตูเหล็กได้
หลังจากประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็วแล้ว เขาก็รู้สึกว่าเขาสามารถลองดูได้
ฝูงซอมบี้กรูกันเข้ามา
หวู่เหิงไม่ลังเลอีกและสั่งการอย่างเด็ดขาด “โจมตี”
เหล่านักรบโครงกระดูกเริ่มพุ่งเข้าใส่พวกมันทันที
ฉึก…!
มีดทำครัวแทงทะลุกระโหลกของพวกมัน และซอมบี้ตัวหนึ่งก็ทรุดตัวลงทันที
แต่มันก็มีซอมบี้จำนวนมากยิ่งขึ้นกรูกันเข้ามา พวกมันทั้งข่วน ทั้งดึง และกัดโดยใช้วิธีการทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อฉีกเป้าหมายของพวกมันออกเป็นชิ้นๆ
นักรบโครงกระดูกยังคงเหวี่ยงอาวุธของพวกมันเพื่อโจมตีเหล่าซอมบี้ที่พุ่งเข้ามา
โถงทางเดินนั้นแคบ ทำให้มีเพียงซอมบี้ไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เบียดเสียดกันเข้ามาได้
ในความสับสนวุ่นวาย ซอมบี้บางตัวก็ร่วงลงไปจากราวบันไดหรือไม่ก็เหยียบกันเองในขณะที่พวกมันพยายามจะลุกขึ้นมา
เสียงคำรามของซอมบี้ เสียงฉีกขาด เสียงการสับ และเสียงกระดูกที่หักดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน
“ข้าคงจะต้องเรียนรู้ทักษะการโจมตีระยะไกลบ้างแล้วเมื่อมีโอกาส”
หวู่เหิงยืนอยู่ทางด้านหลังเหล่าโครงกระดูก เขาแทงหอกสั้นออกไปพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง
การต่อสู้ระยะประชิดเช่นนี้กินแรงมากเกินไป
ซอมบี้เป็นจำนวนมากล้มลงไประหว่างการต่อสู้ และถูกซอมบี้ที่อยู่ทางด้านหลังเหยียบจนตาย
ความวุ่นวายกำลังทวีความรุนแรงขึ้น
ในขณะเดียวกัน จำนวนของนักรบโครงกระดูกก็กำลังลดลงอย่างรวดเร็วด้วย
หวู่เหิงรู้สึกเจ็บแปลบในใจ
เพราะเขาต้องเฝ้าดูโครงกระดูกของเขาถูกฉีกออกจากกันอย่างต่อเนื่อง และกระดูกของพวกมันก็กระจัดกระจายไปทั่ว
หวู่เหิงหยุดใช้พลังงานไปกับการแทงหอกและเริ่มใช้ทักษะการจัดการกระดูก
โครงกระดูกตัวใหม่เริ่มปรากฏขึ้นท่ามกลางการต่อสู้ที่กำลังดำเนินอยู่
มันไม่จำเป็นต้องสั่งการอะไร พวกมันเหวี่ยงหมัดเข้าใส่พวกซอมบี้โดยอัตโนมัติทันที
การต่อสู้ทวีความรุนแรงขึ้นราวกับฝูงมดสองฝูงที่กำลังกัดกัน
ทั้งสองฝ่ายโจมตีกันอย่างไม่หยุดยั้ง
หวู่เหิงซึ่งอยู่ด้านหลังกองทหารของเขาเริ่มเหงื่อออก
ในการต่อสู้ครั้งก่อน เขาสามารถหาเวลาพักผ่อนและฟื้นตัวได้
แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป การใช้ทักษะการจัดการโครงกระดูกอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นกำลังผลักดันเขาไปสู่ขีดจำกัดของเขา
เหงื่อเปียกโชกร่างกายราวกับว่าเขาป่วยเป็นโรคไต และอาการปวดตุบๆ ก็แล่นไปทั่วสมอง
เรื่องนี้เคยมีการพูดคุยกันในโรงเตี๊ยมภายในเมืองหินดำ
การร่ายมนตร์อย่างต่อเนื่องจะเป็นการสูบพลังวิญญาณของพวกเขาออกไป
การออกแรงมากเกินไปทำให้เกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อขึ้นมาได้ ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้โดยใช้เวลา
อย่างไรก็ตาม ความเหนื่อยล้าทางจิตใจนั้นอาจส่งผลกระทบที่รุนแรงได้ อาทิเช่น ภาวะสมองเสื่อม หรือแม้แต่สภาวะโคม่า
[ท่านได้เลื่อนระดับเป็นเลเวล 2 สติปัญญา +1, ความทนทาน+1, พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย]
การแจ้งเตือนดังขึ้นในหูของเขา
เลื่อนเลเวลแล้ว
เมื่อหวู่เหิงรู้สึกได้ว่าเขากำลังมาถึงขีดจำกัด การแจ้งเตือนนี้ก็ดังขึ้น
ความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วสมองของเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อยในทันที
“ถึงเวลาทุ่มสุดตัวแล้ว”
ในเวลานั้นเอง นักรบโครงกระดูกก็มาถึงชั้นสามแล้ว สิ่งที่พวกเขาต้องทำก็คือการไปให้ถึงชั้นหนึ่ง ปิดประตู และพวกเขาก็จะปลอดภัย
เขาสั่งการต่อ “โจมตีเต็มกำลัง”
เคร้ง!!
เหล่านักรบโครงกระดูกพุ่งเข้าใส่ฝูงซอมบี้อย่างบ้าคลั่ง มีดทำครัวของพวกมันตวัดออกไปและเหล่าโครงกระดูกที่เปลือยเปล่าก็ผลักฝูงซอมบี้กลับไปอย่างรุนแรง
สำหรับหวู่เหิง เขาก็รีบกลับไปที่ดาดฟ้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับนักรบโครงกระดูกอีกไม่กี่ตัวที่ตามมาด้วย
ดวงตาของเขาตรวจดูวัสดุก่อสร้างอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ชี้ไปที่แผ่นเหล็กสีน้ำเงินและสั่งการ “หยิบพวกมันขึ้นมา”
นักรบโครงกระดูกตัวหนึ่งรับคำสั่ง จากนั้นมันก็เดินไปหยิบแผ่นเหล็กที่ขอบดาดฟ้าขึ้นมา
ภายใต้คำสั่งของหวู่เหิง มันก็โยนแผ่นเหล็กนั้นลงไปจากหลังคา
ปัง!!
แผ่นเหล็กกระแทกพื้นทำให้เกิดเสียงดังสนั่น
เช่นเดียวกับสัญญาณไฟ ซอมบี้ทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงกรูกันเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
พวกเขาเหยียบย่ำและตะเกียกตะกายไปบนแผ่นเหล็กสีน้ำเงินนั้น
หวู่เหิงรีบกลับมาที่โถงทางเดิน ตามที่คาดไว้ ฝูงซอมบี้ลดลงไปเยอะเลย
“เร็วเข้า ก้าวไปข้างหน้า”
นักรบโครงกระดูกพุ่งลงบันไดต่อไป และการต่อสู้ก็ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดพวกมันก็ผลักดันมาจนถึงประตูได้
โครงกระดูกหลายตัวรีบวิ่งออกไปข้างนอกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของฝูงซอมบี้ในขณะที่ตัวอื่นๆ ปิดทางเข้าอาคาร
ปัง ปัง ปัง!!
ฝูงซอมบี้ทุบประตูเหล็กอย่างรุนแรง ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว
หลังจากสังหารซอมบี้ที่เหลืออยู่ตามทางเดินแล้ว เหล่าโครงกระดูกก็ขนเศษซากต่างๆ ไปกีดขวางประตูไว้อีกครั้ง
โชคดีที่พวกซอมบี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีสติปัญญาเท่าไร
หลังจากทุบประตูเหล็กไปสักพักและสังเกตว่าไม่มีการเคลื่อนไหวจากภายในแล้ว พวกมันก็ค่อยๆ แยกย้ายกันไปทางอื่นตามเสียงล่อเสียงอื่นไป
พวกมันได้หยุดการโจมตีอันโหดเหี้ยมที่มีต่อประตูสีเขียวผู้น่าสงสารบานนั้นไปแล้ว
หวู่เหิงนั่งลงภายในห้อง และเอนตัวไปข้างหน้าพร้อมกับหอบหายใจ
สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างอันตรายเลย
เมื่อคิดย้อนกลับไป มันก็ฉิวเฉียดมาก
โชคดีที่ประตูบันไดยังปิดได้ มิฉะนั้นเรื่องต่างๆ ก็อาจจะเป็นปัญหามากกว่านี้ได้
หลังจากพักอยู่สักพัก เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
ทางเดินเต็มไปด้วยซากศพและเศษกระดูก
เขายังไม่ได้คิดจะใช้ทักษะการจัดการโครงกระดูกตอนนี้
เพราะประตูได้ถูกปิดแล้ว มันคงจะมีเวลาในวันรุ่งขึ้นเมื่อเขารู้สึกดีขึ้นที่จะกลับมาและอัญเชิญโครงกระดูก
เขาก้าวข้ามศพและเริ่มกำจัดซอมบี้ที่เหลืออยู่ในห้องทีละห้องพร้อมกับนักรบโครงกระดูกที่เหลือยอยู่ ในขณะเดียวกันก็ไล่หาเสบียงด้วย
...
ภายในห้องๆ หนึ่งบนชั้นสาม
หวู่เหิงถือหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซค์สีดำขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียด
เจ้าของห้องคงเป็นพวกชอบขี่มอเตอร์ไซค์ มันมีสิ่งต่างๆ มากมายที่เกี่ยวข้องกับรถจักรยานยนต์ รวมถึงอุปกรณ์กลางแจ้งต่างๆ ด้วย
นอกจากนี้ยังมีเชือกปีนป่าย ไฟพกพา และสิ่งจำเป็นอื่นๆ อีกด้วย
วัตถุที่ดึงดูดความสนใจของเขามากที่สุดก็คือหมวกที่แข็งแกร่งในมือของเขา
มันเป็นหมวกแบบเต็มใบ พร้อมด้วยที่บังลมพลาสติกโปร่งใสที่สามารถปกป้องดวงตาและปากของเขาจากเลือดที่สาดกระเซ็นออกมาระหว่างการต่อสู้กับพวกซอมบี้ได้
ดูเหมือนวัสดุที่ใช้ทำจะแข็งแรงมาก และน้ำหนักของหมวกกันน็อคก็ถือว่าใช้ได้เลย
เขาถอดหมวกหนังออกแล้วใส่หมวกกันน็อคแทนเพื่อทดสอบ
หมวกกันน็อคให้ความรู้สึกที่ดีเลย แม้ว่ามันจะอับชื้นเล็กน้อย แต่เขาก็สามารถทนได้เพื่อความปลอดภัย
เขาสวมหมวกหนังของเขาให้กับโครงกระดูกถือดาบแทน
หลังจากเก็บสิ่งของที่เขาสามารถใช้ได้แล้ว เขาก็ออกจากห้องเพื่อไปยังห้องต่อไป
…
ณ เวลากลางคืน
หลังจากกลับมายังเมืองหินดำและกินอาหารแบบง่ายๆ แล้ว เขาก็ตรงเข้านอน
วันนี้เขาใช้พลังวิญญาณไปมากเกินไปและตัดสินใจที่จะพักผ่อนแทนที่จะฝึกฝนด้วยหอก
...
บ่ายวันต่อมา ณ โลกซอมบี้
หวู่เหิงใช้เวลาทั้งช่วงเช้าไปกับการเปลี่ยนซอมบี้ทั้งหมดที่บันไดของอาคารให้กลายเป็นนักรบโครงกระดูก
มันใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเปลี่ยนแปลงและพักเป็นระยะ
ในเวลานั้นเอง ดาดฟ้าก็ได้เต็มไปด้วยนักรบโครงกระดูกแล้ว
กองทัพโครงกระดูกที่เต็มไปด้วยมีดทำครัวและค้อนทำให้เกิดภาพอันตระการตาขึ้นมา
เขามีโครงกระดูกทั้งหมด 52 ตัวแล้ว
มันมีน้อยกว่าที่คาดไว้เมื่อพิจารณาจากจำนวนซอมบี้ที่พวกเขาฆ่าไป เพราะเขาสามารถเก็บเกี่ยวได้แค่นี้
โครงกระดูกที่ถือดาบได้เลื่อนเลเวลเป็นเลเวลสองแล้ว
[ค่าสถานะ: ความทนทาน 10, ความแข็งแกร่ง 13, ความว่องไว 8]
ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 1 หน่วย และไม่มีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ อีก
การพัฒนาของมันดูจะไม่ได้แตกต่างอะไร แต่การพัฒนาขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย เขาหวังว่าค่าสถานะของมันจะเพิ่มขึ้นอีกเมื่อมันเลื่อนเลเวล
ตามปกติแล้วมันควรจะมีโครงกระดูกมากกว่านี้ที่เลื่อนระดับไปถึงเลเวลสอง แต่มันก็มีโครงกระดูกหลายตัวที่ตายไปในระหว่างการต่อสู้
โครงกระดูกที่เหลือส่วนใหญ่ก็เป็นโครงกระดูกชุดใหม่ที่ถูกอัญเชิญออกมาจากพื้นเมื่อเช้าวันนี้ ซึ่งมันก็ยังไม่ได้มีค่าประสบการณ์เลย
การยกระดับโครงกระดูกเหล่านี้ถือเป็นงานที่ท้าทาย เขาจำเป็นต้องวางแผนสิ่งต่างๆ อย่างรอบคอบ
เขาควรจัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาให้สัก 2-3 ตัวมีระดับสูงที่สุดก่อน
หลังจากแจกจ่ายมีดทำครัวให้กับโครงกระดูกตัวใหม่แล้ว หวู่เหิงก็เปิดหน้าต่างข้อมูลของตัวเองขึ้นมา
[ชื่อ: หวู่เหิง]
[อาชีพ: เนโครแมนเซอร์]
[เลเวล: 2 (550/900)]
[ค่าสถานะ: พละกำลัง 9, ความว่องไว 11, ความทนทาน 13, สติปัญญา 15, การรับรู้ 10, เสน่ห์ 12]
[ทักษะ: ทักษะการจัดการกระดูก]
เขาเองก็เลื่อนระดับเป็นเลเวลสองแล้ว ความทนทานและค่าสติปัญญาของเขาได้เพิ่มขึ้นมา
มันสูงกว่าพวกโครงกระดูกเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร
แน่นอนว่ามันมีการพัฒนา แต่เขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเลย
ผลที่ได้นั้นแทบจะมองไม่เห็น
หลังจากพักผ่อนและฟื้นฟูพลังวิญญาณและพลังงานเป็นส่วนใหญ่แล้ว เขาก็ยืนขึ้นอีกครั้ง
เขาสวมหมวกกันน็อค ดึงที่บังลมลงมา และสั่งการ “ตามข้ามา”
แกร๊ก!
กลุ่มโครงกระดูกกว่าห้าสิบตัวติดตามเขาไป ทำให้ดูเหมือนเหล่าผู้ติดตามที่น่าขนลุก
เขาเดินไปที่ประตูเหล็กของอาคารที่สาม
จากนั้นเขาก็ใช้กุญแจทองแดงเพื่อเปิดประตูอย่างเงียบๆ
กลิ่นเน่าเหม็นฟุ้งออกมา
ภายในบันไดเงียบอย่างน่าขนลุก โดยมีซากศพสองสามร่างกองอยู่บนพื้น
เมื่อเห็นศพบนพื้น หวู่เหิงก็ขมวดคิ้ว
ซอมบี้ตายงั้นเหรอ?
หรือว่าพวกมันถูกฆ่า?
มันมีผู้รอดชีวิตอยู่ด้วยเหรอ?