ตอนที่ 4 : ประตูยังไม่ได้ปิด
ตอนที่ 4 : ประตูยังไม่ได้ปิด
หลังจากเดินออกมาจากร้านแล้ว เป้สะพายหลังของเขาก็มีถุงเงินหนักเพิ่มขึ้นมา
ถ้าไม่ใช่วันสิ้นโลก หวู่เหิงก็คงจะไปที่ร้านอัญมณีเพื่อแลกเปลี่ยนเงินและทองคำมาขายที่โลกใบนี้ไปแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ร่ำรวยระดับโลก แต่เขาก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรกับการซื้อตัวสาวใช้สักสองสามคนจากต่างโลก
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับอาชีพดรูอิดในโรงเตี๊ยมมาก่อน
อาชีพนี้สามารถเปลี่ยนร่างเป็นรูปแบบต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการความสดใหม่ของคู่นอนได้
แต่อนิจจา มันก็สายเกินไปแล้วที่จะพูดถึงมันในตอนนี้
เขาไม่ได้ขายเครื่องประดับทองคำในร้านเขากวาง
มันไม่ใช่ว่าร้านไม่สามารถซื้อได้ แต่เขากลัวว่ามันจะเกิดปัญหาต่างหาก
แค่การมีเงินพอใช้ก็ดีแล้ว การควักถุงอัญมณีออกมาคงจะมีแต่ดึงดูดความสนใจของคนอื่นเท่านั้น
หากไร้ซึ่งพลัง เขาก็คงจะไม่ต่างอะไรจากแกะอ้วนในสายตาของคนอื่น
สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ก็ยังเป็นการอัพเกรดและรวบรวมกองทัพของเขา
เขาเดินไปยังพื้นที่โรงตีเหล็ก
เมืองหินดำไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องอาวุธ แต่มันก็ไม่ควรชักดาบออกมาในเมือง หรือเล็งหน้าไม้ไปทั่ว
“เข้ามาสิ วันนี้เจ้าอยากได้อะไร?” เจ้าของร้านอาวุธกล่าวทักทาย
“เจ้ามีโล่เล็กไหม?”
“ทางนี้”
เจ้าของร้านหยิบโล่ทรงกลมสีเงินขนาดเล็กออกมาและวางมันลงบนเคาน์เตอร์
หวู่เหิงหยิบมันขึ้นมา มันหนักพอสมควรเลย ถ้าใช้มันไปนานๆ หรือเจอกับการต่อสู้ที่มีความเข้มข้นสูง มันก็อาจจะเป็นภาระต่อเขาได้
“มีอะไรที่เบากว่านี้ไหม?”
เจ้าของร้านเหลือบมองเขา และหยิบเอาโล่อีกอันออกมาจากทางด้านล่าง “นี่สำหรับการฝึกของเด็กๆ ผิวของมันทำจากเหล็ก และด้านในก็ทำมาจากไม้เนื้อแข็ง”
ด้านนอกหุ้มไปด้วยเหล็กสีเงิน และด้านในก็ทำมาจากแผ่นไม้สีเข้ม
เขาชั่งน้ำหนักมันในมือของเขา
นี่ก็ไม่เลวเลย และวิธีการโจมตีของซอมบี้ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นการข่วน การดึง และการกัดเท่านั้น ซึ่งแค่นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะรับมือกับพวกมัน
รอให้เขามีค่าสถานะสูงกว่านี้ก่อน แล้วเขาค่อยใช้โล่ที่หนักกว่านี้ละกัน
“เอานี่ละกัน!”
“75 เหรียญทองแดง”
ราคานี่ไม่ได้ถูกเลย แผ่นไม้ที่ถูกห่อด้วยเหล็กอันนี้แพงมากจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ในร้านอาวุธเช่นนี้ มันก็เป็นของที่ถูกที่สุดแล้ว
เขานับเงิน 75 เหรียญทองแดงออกมา หยิบโล่ขึ้นมา และเดินออกไปจากร้าน
เขาซื้อชุดเกราะหนังที่ร้านขายชุดเกราะระหว่างทางมาด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเกราะป้องกันหนังแข็งที่ทำจากงานฝีมือแบบง่ายๆ และยังมีกลิ่นเปรี้ยวของหนังอยู่
เขาไม่ได้เลือกซื้อชุดเกราะให้กับเหล่านักรบโครงกระดูก
ประการแรก จำนวนของนักรบโครงกระดูกได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และถ้าต้องให้ทุกตัวสวมใส่เครื่องป้องกัน เขาก็คงจะจ่ายไม่ไหวแน่ๆ ในตอนนี้
ประเด็นที่สองก็คือการพยายามทำตัวให้ไม่โดดเด่น
คนที่นี่ไม่ได้เป็นมิตรต่อเนโครแมนเซอร์ มันไม่ได้เรื่องแย่อะไรที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจ
ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่และมีกุญแจทองแดง เรื่องกองทัพและเลเวลก็จะไม่ใช่ปัญหาอะไร
หลังจากซื้อชุดเกราะแล้ว เขาก็เหลือบมองไปที่หุ่นไม้ตรงมุมห้องในขณะที่เขาเดินออกมา
มันถูกใช้เพื่อแสดงชุดเกราะ
อันข้างหน้าโทรมๆ ไปหน่อย และน่าจะถูกทิ้งไปแล้ว
“ลูกพี่ หุ่นไม้นี้ทิ้งแล้วเหรอ?” หวู่เหิงถาม
เจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นและพูดออกมา “ข้ามีอันอื่นมาแทนแล้ว ถ้าเจ้าต้องการมันก็ 2 เหรียญเงิน”
เดิมทีเขาอยากจะช่วยเจ้าของร้านนำมันออกไปทิ้ง และแอบเก็บมันเอาไว้
แต่เจ้าของร้านก็ดูเหมือนจะอ่านเจตนาของเขาออกและเอ่ยราคาขึ้นมาตรงๆ
หวู่เหิงไม่ได้พูดอะไรมาก เขาหยิบเอาเงิน 2 เหรียญเงินออกมา จากนั้นก็อุ้มหุ่นไม้กลับไปด้วย
ของชิ้นนี้ไม่ได้มีค่าอะไร แต่มันก็มีขนาดเท่ากับมนุษย์ ซึ่งสามารถใช้จำแนกตำแหน่งศีรษะและลำตัวได้
หลังจากทานอาหารข้างนอกแล้ว หวู่เหิงก็กลับไปที่บ้านของเขา
เขาไม่ได้กลับไปยังโลกสมัยใหม่ แต่รั้งอยู่ในโลกนี้ก่อน
สภาพแวดล้อมของวันสิ้นโลกไม่ได้เหมาะสมต่อการใช้ชีวิตอยู่อีกต่อไป
อย่างน้อยเขาก็ไม่อยากสูดอากาศสกปรกที่นั่น
เขายืนอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ไม่กว้างขวางนัก
จากนั้นเขาก็หยิบหอกสั้นและโล่ขึ้นมา และเริ่มฝึกฝึกแทงหุ่นไม้ที่มีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์
เขาเล็งไปที่กะโหลกศีรษะแล้วแทงมันซ้ำๆ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับการฝึกสอนมา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่จะทำความคุ้นเคยกับตัวเองด้วยการเคลื่อนไหวเหล่านี้
...
วันต่อมา เขาทานมื้อเช้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากสวมชุดเกราะแล้ว เขาก็เปิดประตูข้ามโลกและมุ่งหน้าไปยังโลกซอมบี้ทันที
อากาศยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า และมีเสียงซอมบี้ร้องโหยหวนจากนอกหน้าต่างเป็นครั้งคราว
เขาเก็บกุญแจทองแดงไปอย่างระมัดระวัง และจากนั้นก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่น
นักรบโครงกระดูก 17 ตัวยืนอยู่ภายในห้องนั่งเล่น และถือมีดทำครัวกับมีดสั้นเอาไว้ในมือ
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว หวู่เหิงก็สั่งการทันที “ตามข้ามา”
ซอมบี้ที่ทางเดินถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่กลิ่นเหม็นก็ยังรุนแรงอยู่
หวู่เหิงนำเหล่าโครงกระดูกเดินลงบันไดไปเพื่อตรวจสอบประตูบันไดอีกครั้ง หลังจากยืนยันแล้วว่ามันยังปิดแน่นอยู่ เขาจึงได้เดินขึ้นไปชั้นบนต่อ
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนสุด ชั้นที่ 6 แล้ว พวกเขาก็ได้พบกับประตูเหล็กที่นำไปสู่ชั้นดาดฟ้า
ความคิดของเขานั้นเรียบง่าย
เขาจะอาศัยชานชั้นดาดฟ้าเพื่อเดินทางไปยังยูนิตที่อยู่ติดกัน จากนั้นก็เก็บกวาดเหล่าซอมบี้ และสะสมจำนวนนักรบโครงกระดูกต่อไป
เห็นได้ชัดว่าการพุ่งออกไปเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้พเนจรที่อยู่ข้างนอกแบบซึ่งๆ หน้านั้นช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
ดังนั้นการเลือกชั้นดาดฟ้าจึงเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด
เขาใช้กุญแจทองแดงเพื่อเปิดประตูเหล็ก และนำเหล่าซอมบี้ขึ้นไปยังชานชั้นดาดฟ้า
พื้นที่ชั้นดาดฟ้าเต็มไปด้วยของจิปาถะมากมาย และของที่สะดุดตาที่สุดก็คือกรงที่ทำจากตาข่ายเหล็ก
ในกรงขึ้นสนิม เขามองเห็นร่างของนกพิราบที่ตายแล้ว
ก่อนหน้านี้มันเคยมีการประสานงานเรื่องการสร้างกรงนกพิราบขึ้นเป็นการส่วนตัว แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลมากนัก ด้านในมันยังคงมีตาข่ายเหล็ก เหล็กเส้น และซีเมนต์เตรียมไว้อยู่ และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเตรียมตัวที่จะขยายมันต่อไป
โฮก!
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามของซอมบี้ดังมาจากทางด้านหลังของกรงนกพิราบ
ซอมบี้สามตัวจากทั้งสองฟากล้อมกรงเหล็กเอาไว้ ฟันของพวกมันบดเข้าด้วยกันในขณะที่พวกมันพุ่งเข้าใส่พวกเขา
มันมีซอมบี้อยู่บนชั้นดาดฟ้าด้วยเหรอ?
แต่ก็ไม่สำคัญ เพราะนักรบโครงกระดูกกำลังจะเลื่อนระดับแล้ว
เมื่อมองไปยังเหล่าซอมบี้ที่กรูกันเข้ามา เขาก็สั่งการทันที “โจมตี”
แกร๊ก!
นักรบโครงกระดูก 17 ตัวกระชับอาวุธของตน พุ่งเข้าไปหาพวกซอมบี้ และกระแทกซอมบี้ทั้ง 3 ตัวล้มลงไปในทันที
มีดทำครัวจ้วงแทงลงไปราวกับห่าฝน
เสียงสับเนื้อดังก้องไปทั่วดาดฟ้า
ซอมบี้ทั้งสามตัวที่ถูกกลุ้มรุมโดยเหล่านักรบโครงกระดูกไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลย พวกมันเป็นเหมือนกับปลาที่ถูกวางเอาไว้บนเขียงที่จะพยายามจะดิ้นรนแต่ก็ถูกกระแทกกลับลงไปอีกครั้ง
หวู่เหิงที่ยืนอยู่ทางด้านหลังไม่ได้คิดจะเข้าไปแทรกแซงเลย
เขาแค่ต้องรอให้การต่อสู้จบลงเพื่อที่เขาจะได้อัญเชิญโครงกระดูกออกมาอีก
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงลากพื้นดังมาจากพื้นด้านหลังเขา
เมื่อหันกลับไปมอง เขาก็เห็นซอมบี้อีกตัวที่กำลังเดินกะเผลกๆ และลากขาของมันเข้ามาหาเขา
เมื่อเห็นว่าหวู่เหิงหันกลับมามอง ซอมบี้ตัวนั้นก็คำรามออกมาและพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วแม้ว่าขาของมันจะมีปัญหาก็ตาม
“บ้าเอ้ย!”
มันมีซอมบี้อีกตัวที่พยายามจะลอบโจมตีเขา
เขาเหลือบมองโครงกระดูกที่อยู่ใกล้ๆ
เมื่อมั่นใจแล้วว่าเขาสามารถเรียกเหล่าโครงกระดูกเข้ามาช่วยได้ถ้าจำเป็น เขาจึงตัดสินใจเผชิญหน้ากับซอมบี้ที่พุ่งเข้ามานั้นแบบซึ่งๆ หน้า
เขาจับหอกเหล็กไว้แน่น ก้าวออกไปทีละก้าว และคำนวณระยะห่างระหว่างอีกฝ่าย
เมื่อพวกเขาอยู่ห่างกันสองเมตร เขาก็พุ่งออกไปข้างหน้าพร้อมกับหอกที่แทงขึ้นไป
ฉึก!
หอกของเขาแทงทะลุกระดูกไหปลาร้าของซอมบี้และทะลุออกมาข้างหลัง
พลาด!
เขาเล็งไปที่ปากของมัน แต่การโยกเยกของซอมบี้ก็ทำให้หอกของเขาพลาดเป้าไป
แม้ว่าเขาจะยังโจมตีโดนเป้าหมาย แต่มันก็ไม่ใช่จุดตาย
การพุ่งเข้ามาของซอมบี้ผลักดันหวู่เหิงถอยไปหลายก้าว
ศพที่เน่าเปื่อยเลื่อนลงมาตามด้ามหอก มันยื่นแขนสีเทาแห้งๆ ออกมาหาใบหน้าของหวู่เหิง
เขาป้องกันเอาไว้ด้วยโล่กลมและชักหอกกลับมา จากนั้นก็เตะไปที่ขาของซอมบี้อย่างรวดเร็ว
แกร๊ก!
เสียงกระดูกหักดังขึ้นในขณะที่ขาอีกข้างของซอมบี้หัก
ซอมบี้เสียสมดุลและทรุดตัวลงไปด้านข้าง
หวู่เหิงดำเนินการเคลื่อนไหวอย่างราบรื่นพร้อมกับผลลัพธ์ที่ชัดเจน
เมื่อซอมบี้เสียสมดุลและล้มลงไปแล้ว หวู่เหิงก็ตรึงมันไว้ด้วยเท้าของเขาและแทงด้วยหอกเหล็กของเขาซ้ำๆ
ทุกการโจมตีเล็งไปที่หลังศีรษะของซอมบี้ แต่เนื่องจากซอมบี้กำลังดิ้นรนอย่างรุนแรง การโจมตีจึงยากกว่าเป้าหมายที่อยู่นิ่งมาก
ซอมบี้ตัวนั้นสามารถยืนหยัดขึ้นมาได้ท่ามกลางการดิ้นรนในขณะที่หวู่เหิงก้าวถอยกลับไปเพื่อรับประกันความปลอดภัยของตัวเองและวนเวียนอยู่กับซอมบี้ตัวนี้
เมื่อถึงเวลานั้นการต่อสู้ที่อยู่ข้างๆ เขาก็จบลงแล้ว
ซอมบี้ทั้งสามตัวได้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นเนื้อสับภายใต้การทุบตีอันโหดร้ายของเหล่านักรบโครงกระดูก
มันไม่จำเป็นต้องสั่งการอะไรอีก
นักรบโครงกระดูกรีบมาล้อมซอมบี้ที่กำลังไล่ตามหวู่เหิงเอาไว้ จากนั้นพวกมันก็ลงมือทันที
การโจมตีอย่างต่อเนื่องทำให้ซอมบี้ตัวนั้นไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้เลย
หวู่เหิงยืนอยู่ข้างๆ และสะบัดหอกเหล็กของเขาเบาๆ
เหล่าซอมบี้ทั้งทรงพลัง ไม่กลัวอะไร อีกทั้งทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ฝึกฝนร่างกายกันด้วย ไม่ใช่แค่เหล่าคนแก่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนหนุ่มสาวด้วยเหมือนกัน
การเผชิญหน้ากับซอมบี้โดยตรงนั้นค่อนข้างท้าทายมาก
[ได้รับค่าประสบการณ์ +10]
[สิ่งมีชีวิตอัญเชิญ - ทหารโครงกระดูกได้รับค่าประสบการณ์ +5]
ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นเมื่อซอมบี้ตัวสุดท้ายถูกสังหาร
เขาใช้เสื้อผ้าของซอมบี้เช็ดเลือดออกจากหอกเหล็กและปลดปล่อย ‘ทักษะการจัดการกระดูก’
โครงกระดูกสี่ตัวลุกขึ้นมา และเข้าร่วมกับกลุ่มนักรบโครงกระดูก
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมีโครงกระดูกทั้งหมด 21 ตัวแล้ว
เขาหยิบแท่งเหล็กสี่เส้นตรงจุดนั้นและมอบให้กับโครงกระดูกใหม่ทั้งสี่ตัว
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ล่าสุด หวู่เหิงก็ได้นำทหารโครงกระดูกไปตรวจสอบชั้นดาดฟ้าอีกครั้ง
หลังจากยืนยันได้แล้วว่ามันไม่มีซอมบี้อยู่อีกแล้ว เขาจึงเดินไปที่ประตูเหล็กที่นำไปสู่บันไดชั้นสอง
บริเวณหน้าประตูเต็มไปด้วยอิฐและสิ่งของต่างๆ ซึ่งอาจซ้อนกันโดยเหล่าซอมบี้ที่ถูกฆ่าก่อนหน้านี้
แต่เขาก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่าเหล่าคนที่หนีขึ้นมาบนชั้นดาดฟ้าได้แล้วกลายเป็นซอมบี้ไปได้ยังไงกัน
หลังจากสั่งการเหล่านักรบโครงกระดูกแล้ว เขาก็เก็บกวาดสิ่งกีดขวางทั้งหมด
เมื่อเปิดประตูเหล็ก เขาก็ได้พบกับกลิ่นเหม็นเน่าอันรุนแรงเหมือนเดิม
มันมีร่องรอยของเลือดอยู่บนพื้น แต่ก็ไม่มีซอมบี้ให้เห็นเลย พวกมันน่าจะลงไปที่ชั้นล่างแล้ว
หวู่เหิงพูดออกมาเบาๆ “ลงไปกันเถอะ”
ตึกตัก!
เหล่านักรบโครงกระดูกเดินไปตามโถงทางเดิน และหวู่เหิงก็ตามหลังไปติดๆ
นอกจากนี้มันยังมีนักรบโครงกระดูกเลเวล 2 เพียงหนึ่งเดียวที่ถูกทิ้งไว้ข้างๆ เขาเพื่อคอยเป็นองครักษ์ปกป้องเขา
วัตถุประสงค์นั้นก็ชัดเจน ขั้นแรกให้ตรวจสอบว่าประตูหน้าชั้นหนึ่งปิดสนิทหรือไม่ จากนั้นจึงค้นหาสิ่งของในแต่ละห้อง
ตุบ ตุบ ตุบ!
โครงกระดูกก้าวไปตามทางเดิน และทำให้เสียงฝีเท้าดังขึ้นเป็นกลุ่ม
เสียงไม่ได้ดัง แต่มันก็ดังก้องอยู่ภายในโถงทางเดินที่เงียบสนิท
โฮก~!
โฮก โฮก โฮก~!
เสียงคำรามของซอมบี้ดังขึ้นมาจากทางด้านล่าง ตามมาด้วยเสียงกรูกันเข้ามา
พวกมันขยับเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ และมีซอมบี้ 6 ตัวปรากฏขึ้นที่มุมทางเดิน
เมื่อเห็นฝูงโครงกระดูกที่ลงมา พวกมันก็เปล่งเสียงคำรามด้วยความดุร้ายและความตื่นเต้นออกมาพร้อมกัน
“ฆ่าพวกมันซะ…” หวู่เหิงสั่งการ
แกร๊ก…
มีดทำครัวหลายเล่มถูกชูขึ้นมา และพุ่งเข้าหาเหล่าซอมบี้ที่อยู่เบื้องล่าง
โครงกระดูกนับสิบตัวที่อยู่ทางด้านหน้าพุ่งเข้าใส่เหล่าซอมบี้ ทำให้พวกมันต้องถอยกลับไป และล้มลงไปกับบันได
จากนั้นการโจมตีด้วยมีดทำครัวก็ถูกสาดออกไปอีกครั้ง
ตุบ ตุบ ตุบ~!
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ซอมบี้เหล่านี้จะถูกสังหาร มันก็มีซอมบี้อีกหลายตัวพุ่งขึ้นมา พวกมันมีจำนวนนับสิบตัว และกรูกันเข้ามาไม่หยุด
ส่วนด้านล่าง มันก็ยังมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาเรื่อยๆ
หัวใจของหวู่เหิงหดเกร็ง
ตายห่า!
ประตูบันไดยังไม่ได้ปิด