ตอนที่แล้วตอนที่ 2 : บ้านหายไปแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4 : ประตูยังไม่ได้ปิด

ตอนที่ 3 : สะสมกองกำลัง


ตอนที่ 3 : สะสมกองกำลัง

โครงกระดูกสามตัวหันกะโหลกศีรษะไปด้วยความแข็งทื่อ ดวงตาที่กลวงโบ๋ของพวกมันได้มองไปยังเป้าหมาย

เมื่อเห็นพวกซอมบี้ พวกมันก็กรูกันลงไปจากบันไดเพื่อโจมตีในทันที

โครงกระดูกไร้อาวุธทั้งสองตัวพัวพันซอมบี้เอาไว้ในขณะที่โครงกระดูกที่ถือดาบนั้นยืนอยู่ข้างๆ และใช้ดาบเหล็กของมันโจมตีไปที่ซอมบี้อย่างต่อเนื่อง

หวู่เหิงเองก็ก้าวออกมา โล่ของเขาป้องกันกรงเล็บที่พุ่งเข้ามา รวมถึงเลือดและสิ่งสกปรกที่สาดกระเซ็นออกมาด้วย

หอกสั้นในมือของเขาแทงผ่านโครงกระดูกกลวง และแทงไปที่ร่างของซอมบี้

เขาแทงมันซ้ำๆ

การเลือกหอกสั้นของเขาเป็นทางเลือกเดียวหลังจากการทดลองบางอย่าง

การยิงธนูนั้นเป็นเรื่องยาก และการเล็งเป้าหมายให้แม่นยำนั้นก็ต้องอาศัยระยะเวลาการฝึกฝนที่นาน ดังนั้นการรักษาความแม่นยำไปพร้อมกับการยิงออกไปอย่างต่อเนื่องก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้เลย

ส่วนดาบก็เป็นอาวุธที่ธรรมดาสามัญที่สุดในเมืองหินดำ

แต่ในระหว่างการทดสอบ เขาก็เกือบจะกรีดคอของตัวเองเข้าให้ ดังนั้นเขาจึงทำตามคำแนะนำของเจ้าของโรงตีเหล็กและเลือกหอกสั้นเป็นอาวุธแทน

การจ้วงแทงนั้นเป็นกระบวนท่าที่อันตรายมาก และมีประสิทธิภาพค่อนข้างดีเลยทีเดียว

ในฐานะมือใหม่ มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะควบคุมมันและไม่ทำให้มันทำร้ายตัวเอง

ในไม่ช้าซอมบี้สองตัวที่ถูกล่อมาก็ถูกสังหารด้วยฝีมือของเหล่านักรบโครงกระดูก

หวู่เหิงรู้จักซอมบี้พวกนี้ดี

พวกมันคือเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ภายในตึกเดียวกับเขา

แต่ในตอนนี้ พวกมันก็ได้กลายเป็นศัตรูกับเขาไปแล้ว

เขาปลดปล่อยทักษะการจัดการกระดูก และนักรบโครงกระดูกอีกสองตัวก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าไม่มีซอมบี้บุกเข้ามาอีกแล้ว เขาก็คิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ออกคำสั่ง

“ตามข้ากลับไป!”

เขาเดินนำเหล่าโครงกระดูกกลับไปที่ห้อง

เมื่อปิดประตูรักษาความปลอดภัยแล้ว หวู่เหิงก็นั่งอยู่บนเก้าอี้เพื่อฟื้นฟูพลังของเขา

แม้ว่าการต่อสู้หลักจะถูกเหล่านักรบโครงกระดูกจัดการ แต่ด้วยความตึงเครียดที่สูงก็ใช้พลังงานของเขาไปมาก ทำให้เขารู้สึกหมดแรง

เมื่อพูดถึงค่าสถานะแล้ว จุดแข็งของเขาก็ไม่ใช่ความแข็งแกร่งทางกายภาพอยู่แล้ว

แต่ในตอนนี้ ทางเลือกเดียวของเขาก็คือการต่อสู้ในระยะประชิดเช่นนี้

หลังจากพักอยู่สักพักแล้ว หวู่เหิงก็เดินไปที่ครัว หามีดทำครัว มีดปลอกผลไม้ และค้อน จากนั้นเขาก็ยื่นพวกมันให้กับโครงกระดูกทั้งสามตัว ส่วนตัวสุดท้าย เขาก็ยังไม่เจออะไรที่ดูมีประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงมอบไม้ถูพื้นให้มันใช้เป็นอาวุธชั่วคราว

ในความเป็นจริง มีดทำครัวก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน

มันสามารถใช้เป็นอาวุธหลักของนักรบโครงกระดูกได้พอดีเลย

เมื่อเขามีเงินแล้ว ไว้เขาค่อยซื้อดาบเหล็กจากเมืองหินดำมาให้โครงกระดูกแทนก็ได้

หลังจากพักไปครู่หนึ่งแล้ว หวู่เหิงก็ยืนขึ้นอีกครั้ง และเตรียมพร้อมรับศึกต่อไป

...

เมื่อกลับมาที่ทางเดินอันหนาวเย็น มันก็มีความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะของเนื้อและเลือดอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา

“พวกเจ้าทั้งสาม ไปเดินนำหน้า” หวู่เหิงชี้ไปที่โครงกระดูกสามตัว

เขาให้นักรบโครงกระดูกสามตัวยืนอยู่ทางด้านหน้า และโครงกระดูกอีกสองตัวเดินตามหลังเพื่อคอยปกป้องเขาเอาไว้ที่ตรงกลางในขณะที่พวกเขาเดินลงบันได

ประตูบนชั้นสองถูกเปิดออก เขาก้าวเข้าไปพร้อมกับเหล่าโครงกระดูกและไม่พบกับซอมบี้เลย

เจ้าของบ้านที่เป็นซอมบี้เพิ่งถูกสังหารไป

เขาเดินไปที่ครัวและเจอมีดทำครัวอีกสองอัน ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนพวกมันกับไม้ถูพื้นและมีดปลอกผลไม้

พวกเขาเดินลงไปที่ชั้นหนึ่งต่อ

เขามองไปรอบๆ ทุกมุมด้วยความระมัดระวัง

ประตูบันไดสีเขียวอยู่ในสภาพน่าสงสารแต่มันก็ยังถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา ซึ่งช่วยปิดกั้นปล่องบันไดทั้งด้านนอกและด้านใน

เขาได้ยินเสียงกรงเล็บที่ดังออกมาจากบานประตูเบาๆ

โชคดีที่ประตูปิดอยู่ เพราะถ้าเหล่าซอมบี้ที่อยู่ทางด้านนอกกรูกันเข้ามา มันก็คงจะมีปัญหาแน่ๆ

เขาสั่งให้นักรบโครงกระดูกกองเศษซากต่างๆ ไว้ที่ประตูและปิดประตูบันไดไว้ให้มิด

เขาน่าจะไม่ได้ต้องการมันเท่าไรอยู่แล้วในอนาคต

เมื่อทุกอย่างถูกปิดผนึก หวู่เหิงก็เริ่มแผนการต่อไปของเขา

เขาเดินไปที่ประตูห้องแรก หยิบกุญแจทองแดงออกมาและหมุนเบาๆ จากนั้นรอยแยกเล็กๆ ก็ถูกเปิดขึ้นที่ประตู

ม่านแสงสีขาวบางๆ แผ่ออกมาจากรอยแยกนั้น

ในขณะที่เขาปลดล็อกประตู เขาก็ดึงกุญแจออกมา รออยู่สักพัก และม่านแสงจากอีกโลกหนึ่งก็หายไป

สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อจากนั้นก็คือห้องนั่งเล่นของห้องนั้น

ห้องนั่งเล่นค่อนข้างมืด แต่ก็ไม่มีซอมบี้ให้เห็น

ปัง!

ปัง ปัง!

ในทันทีที่เขาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น มันก็มีเสียงทุบประตูห้องนอนดังขึ้น

ในเวลาแค่ไม่กี่วินาที ประตูที่เปราะบางก็พังทลายลง

ซอมบี้สองตัวที่อยู่ในชุดนอนก้าวออกมา

“โจมตี” หวู่เหิงสั่งการอีกครั้ง

ซอมบี้แค่สองตัวนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามเท่าไรแล้ว

ในทางกลับกัน พวกมันก็คือถังค่าประสบการณ์ชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว

พวกมันสามารถเพิ่มค่าประสบการณ์และเพิ่มจำนวนของนักรบโครงกระดูกได้

หวือ!

เหล่านักรบโครงกระดูกกรูกันเข้าไป ล้อมซอมบี้เอาไว้ตรงกลาง และพวกมันก็รุมโจมตีพวกซอมบี้ในทันที

ภาพฉากนี้โหดร้ายมาก แต่ก็ค่อนข้างคลายเครียดเช่นกัน

เหล่าซอมบี้ไม่อาจขัดขืนอะไรได้มากก่อนที่พวกมันจะถูกรุมโจมตีจนตายในห้องนั่งเล่น

หวู่เหิงเดินเข้าไป และปลดปล่อยทักษะการจัดการกระดูก จากนั้นมันก็มีนักรบโครงกระดูกอีกสองตัวปรากฏขึ้นมา

หลังจากยืนยันได้แล้วว่าไม่มีอันตรายอะไรอยู่ที่นี่ หวู่เหิงก็เดินไปที่ครัวก่อน

ภายในห้องครัว เขาพบกับมีดทำครัวอีกสองอัน

เขาหยิบพวกมันขึ้นมาและยื่นให้กับนักรบโครงกระดูกตัวใหม่สองตัว

จากนั้นเขาก็เริ่มรื้อค้นทุกซอกทุกมุม มองหาสิ่งของที่เป็นประโยชน์ต่อเขา

ช่วยไม่ได้นะ การใช้ชีวิตอยู่ภายในเมืองหินดำก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน

ถ้ามันไม่ใช่เพราะโลกกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว เขาก็คงจะรวยไปง่ายๆ แล้ว

มันมีข้าวและแป้งถูกเก็บเอาไว้ และยังมีของหมักที่ถูกเก็บไว้อย่างดีในตู้เย็น

แต่ด้วยการมีอยู่ของเมืองหินดำ อาหารก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น

เขาปิดตู้เย็นและรื้อตู้เสื้อผ้าในห้องนอนต่อ

เขาหยิบเสื้อผ้าที่ดูมีระดับออกมาหลายชิ้น

จากนั้นเขาก็พบเงินสด บัตรเอทีเอ็ม เอกสารที่อยู่อาศัย และใบเสร็จรับเงินที่เป็นกระดาษด้วย

บนโต๊ะเครื่องแป้ง เขาพบเครื่องประดับที่ทำจากทองของผู้หญิงอยู่สองสามชิ้น

เงินสดและบัตรเอทีเอ็มย่อมกลายเป็นของไร้ประโยชน์ไปแล้ว แต่ทองคำและอัญมณีนั้นยังมีค่าอยู่

ก่อนออกเดินทาง สายตาของเขาก็มองไปยังเครื่องประดับที่วางอยู่ที่ทางเข้า

บนตู้รองเท้าตรงทางเข้า มันมีกะหล่ำปลีหยกถูกจัดวางเอาไว้

ฐานของมันทำจากไม้ ด้านบนมีรูปปั้นกะหล่ำปลีใส มันมีความยาวเกือบสามสิบเซนติเมตร ซึ่งก็ไม่ได้เล็กๆ เลย

หวู่เหิงประเมินมัน จากนั้นก็หยิบมันติดมือกลับไปด้วย

หลังจากนั้นเขาก็นำเหล่านักรบโครงกระดูกไปที่ห้องต่อไป

เขาอาศัยอยู่ในตึกอพาร์ตเมนต์เก่าสูง 6 ชั้น โดยแต่ละชั้นนั้นมี 3 ห้อง

หวู่เหิงนำเหล่าโครงกระดูกเปิดประตูแต่ละบานอย่างเป็นระบบ ฆ่าซอมบี้ที่อยู่ข้างใน และกวาดข้าวของที่มีประโยชน์

...

เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น

หวู่เหิงและเหล่าโครงกระดูกของเขาก็สามารถกวาดล้างอาคารอพาร์ตเมนต์ทั้งหมดได้

ห้องนั่งเล่นซึ่งไม่กว้างขวางมากนักได้เต็มไปด้วยนักรบโครงกระดูกถือมีดทำครัวและมีดปลอกผลไม้

พวกมันยืนกันอย่างเป็นระเบียบ ทำให้ห้องนั่งเล่นทั้งหมดมีบรรยากาศที่มืดมน

หากนับดูแล้ว มันก็จะมีนักรบโครงกระดูกทั้งหมด 17 ตัว

ตัวเลขน้อยกว่าที่เขาคาดไว้แต่ก็ยังน่าพอใจ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าการดำเนินงานในวันนี้ราบรื่นมาก

โครงกระดูกที่มีค่าประสบการณ์สูงที่สุดก็คือโครงกระดูกถือดาบตัวแรก ด้วยความได้เปรียบของอาวุธ มันจึงมีค่าประสบการณ์สูงถึง 55 หน่วย ซึ่งผ่านครึ่งทางของการเลื่อนระดับมาได้เล็กน้อยแล้ว

ถ้าพรุ่งนี้ราบรื่นแบบวันนี้ การเลื่อนระดับก็คงจะไม่ใช่ปัญหาอะไร

จากการต่อสู้ในวันนี้ เขาก็ได้พบรูปแบบของการได้รับค่าประสบการณ์ของเหล่าโครงกระดูก

นอกเหนือจากความสามารถในการแบ่งปันประสบการณ์ของเหล่าโครงกระดูกทั้งหมดของเขาแล้ว การกระจายค่าประสบการณ์ที่เหลือยังถูกคำนวณจากคนที่เป็นคนลงมือในครั้งสุดท้ายด้วย

หมายความว่าโครงกระดูกตัวไหนที่เป็นคนโจมตีครั้งสุดท้าย โครงกระดูกตัวนั้นก็จะได้รับค่าประสบการณ์ไป

มันไม่ได้ถูกแบ่งอย่างเท่าเทียมในบรรดาโครงกระดูกทั้งหมด

ส่วนค่าประสบการณ์ของเขาก็เพิ่มขึ้นมาถึงครึ่งหนึ่งด้วยแล้วเหมือนกัน หากโชคดี เขาก็คงจะเลื่อนระดับไปด้วยได้เหมือนกัน

ทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่ดี

หลังจากจัดการกับของต่างๆ แล้วและเก็บโครงกระดูกทั้งหมด เขาก็สะพายกระเป๋าเป้และกลับไปที่เมืองหินดำผ่านประตูมิติ

...

ณ ร้านเขากวาง

มันคือร้านชื่อดังในเมืองหินดำ ซึ่งมีตราประจำร้านเป็นลวดลายรูปเขากวาง

ว่ากันว่าร้านค้าของพวกเขาสามารถพบได้ในเมืองของมนุษย์ทุกแห่ง พวกเขาค่อนข้างมีอิทธิพลและมีชื่อเสียงที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

“งดงาม งดงามมาก” เจ้าของร้านร่างอ้วนหลังเคาน์เตอร์อุทานออกมาในขณะที่เขาถือกะหล่ำปลีหยกเอาไว้ในขณะที่ตรวจสอบมันใกล้ๆ

หลังจากชมเชยมันแล้ว เขาก็วางมันลงบนเคาน์เตอร์อย่างระมัดระวังและพูดต่อว่า “มันทำมาจากอะไรกัน? มันไม่ใช่หยก และไม่มีรอยแกะสลัก มันดูไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย”

หวู่เหิงรู้สึกประหลาดใจกับความตาแหลมของชายคนนี้

แม้ว่ามันจะถูกเรียกว่ากะหล่ำปลีหยก แต่มันก็ไม่ได้ทำมาจากหยก แต่เป็นเครื่องประดับที่ทำมาจากเรซิน

มันไม่เกี่ยวอะไรกับหยกเลย

“มันคือหยกอ้วนน่ะ เจ้าอาจจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน มันโดดเด่นในเรื่องของความเบา ความแข็งแกร่ง และสีสันสดใส” หวู่เหิงรีบโกหกออกมา

โลกนี้ไม่ใช่โลกยุคกลาง ระดับการพัฒนาของมันไม่ได้ถดถอยเลย

พวกเขามีแก้ว งานฝีมือประณีตทุกประเภท และไม่ได้มีการขาดแคลนอาหารหรือเกลือ

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครเคยเห็นเรซิน พลาสติก และวัสดุสังเคราะห์มาก่อนเลย

ดังนั้นมันจึงกลายเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่นี่

เจ้าของร้านตรวจสอบอีกครั้งและพูดทันทีว่า “สมาคมการค้าเขากวางไม่เคยดูเบาสิ่งใดอยู่แล้ว สินค้าของเจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ แม้ว่าจะเห็นได้ชัดว่ามันถูกหล่อขึ้นรูป แต่ความงามของมันก็อยู่ที่รูปทรงที่สวยงามและใช้วัสดุที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าเจ้ายินดีที่จะขายมัน พวกเราก็สามารถจ่ายให้เจ้าได้ที่ 30 เหรียญเงิน”

มันมีสกุลเงินสากลอยู่สี่สกุล ประกอบไปด้วย เพนนีทองแดง เหรียญทองแดง เหรียญเงิน และเหรียญทอง

แม้ว่าเหรียญทองจะเป็นสกุลเงินที่มีค่ามากที่สุด แต่คนทั่วไปก็ไม่ได้พบเห็นบ่อยครั้งนัก

ส่วนเหรียญเงินนั้นก็สามารถซื้อได้แทบทุกอย่างแล้ว

ดังนั้นอำนาจการซื้อของเหรียญเงินจึงค่อนข้างสูงมาก

ในความเข้าใจของหวู่เหิงเกี่ยวกับสกุลเงินนี้ เหรียญเงินก็เทียบได้กับธนบัตรหนึ่งร้อยหยวนเลยทีเดียว

“น้อยไป” หวู่เหิงแสร้งทำเป็นไม่พอใจและส่ายหัว

“งั้นเจ้าต้องการเท่าไรล่ะ?”

“100”

ราคานี้ดูเหมือนจะสูงมาก ถ้าเจ้าของร้านไม่ตกลง หวู่เหิงก็ยังสามารถลดราคาลงมาได้

แต่ถ้าเขาเอ่ยราคาน้อยกว่านี้และเจ้าของร้านตกลงทันที เขาก็น่าจะรู้สึกเหมือนถูกโกงได้

แน่นอนว่าเขาย่อมไม่สามารถเอ่ยราคาเกินจริงไปได้ มันต้องเป็นราคาที่เหมาะสมด้วย

“ข้าเกรงว่าราคาจะสูงเกินไปหน่อยขอรับ งั้นก็มาเจอกันที่ 40 เหรียญเงินจะดีกว่า นี่เป็นราคาที่สูงที่สุดที่ข้าสามารถจ่ายได้แล้ว” เจ้าของร้านเอ่ยราคาในใจออกมา

หวู่เหิงคิดอยู่สักพัก กะหล่ำปลีหยกนี้ไม่ได้มีประโยชน์สำหรับเขาและเขาก็ไม่รู้จะเอาของไร้ประโยชน์นี้ไปขายที่ไหนแล้ว ดังนั้นเขาจึงตกลงกับข้อเสนอของอีกฝ่าย

“ตกลง”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด