ตอนที่แล้วตอนที่ 9 : ผู้รอดชีวิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 : อาชญากร

ตอนที่ 10 : ติดอาวุธ


ตอนที่ 10 : ติดอาวุธ

ผู้รอดชีวิต

ต้องเป็นผู้รอดชีวิตแน่ๆ

ทุกคนในโลกนี้ไม่ได้กลายเป็นซอมบี้ไปซะหมด มันยังมีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่

รถบัสที่อยู่ในระยะไกลเหมือนกับหนังดังของฮอลลีวูด มันพุ่งไปตามถนน กระแทกซอมบี้กระเด็นออกไปหรือไม่ก็บดพวกมันเป็นเนื้อสับ

ยานพาหนะที่ขวางทางอยู่และสิ่งกีดขวางต่างๆ ถูกกระแทกออกไปอย่างรุนแรง และรถบัสก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

จำนวนของซอมบี้ที่ไล่ตามรถบัสเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่พวกมันก็ไม่สามารถไล่ตามรถบัสได้ทันด้วยขาของพวกมัน

ด้วยความเร็วขนาดนี้ เว้นแต่จะมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น รถบัสคันนี้ก็น่าจะสลัดซอมบี้พวกนี้ให้หลุดไปได้

หากไปถึงถนนสายหลัก รถบัสก็มีชัยไปมากกว่าครึ่งแล้ว

ถนนที่นั่นกว้างกว่ามาก และจำนวนซอมบี้ก็ไม่ได้หนาแน่นเท่ากับบริเวณพื้นที่อยู่อาศัย

หวู่เหิงเฝ้าดูสถานการณ์บนท้องถนนอย่างตั้งใจ และมองตามรถบัส

ทันทีที่รถบัสมาถึงสี่แยกและเริ่มชะลอความเร็วเพื่อเลี้ยว…

ทันใดนั้นมันก็มีเสียงดัง ‘ปัง’ และกระจกสูงจากพื้นจรดเพดานของร้านค้าริมถนนแห่งหนึ่งแตกออก พร้อมกันนั้นก็มีร่างขนาดใหญ่ผิวสีแดงเข้มพุ่งเข้าหารถบัสที่ชะลอความเร็วลงพร้อมกับเศษกระจกที่กระจัดกระจายออกมา

ตู้ม~!

ซอมบี้ขนาดมหึมาชนเข้ากับด้านข้างของรถบัส ทำให้มันสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

จากนั้นรถบัสที่หลุดออกจากการควบคุมก็กระแทกเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างถนน

รถบัสหยุดลง พร้อมกับมีควันดำลอยออกมา

ก่อนที่คนที่อยู่ด้านในจะทันได้ตอบสนอง ซอมบี้จากทุกทิศทางก็กรูกันเข้าหารถบัสทันที

ระหว่างช่องว่างของซอมบี้ที่อัดแน่น มันก็สามารถมองเห็นท่อเหล็กที่แทงออกมาด้านนอกได้

ผู้รอดชีวิตที่อยู่ข้างในยังคงพยายามต่อต้าน

แต่พวกมันก็ดึงดูดซอมบี้มามากเกินไประหว่างทาง ทำให้มันเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้

จากสถานการณ์ในตอนนี้ พวกเขาก็น่าจะไม่สามารถหนีรอดไปได้แม้ว่ารถบัสจะขยับได้อีกครั้ง

หวู่เหิงเฝ้ามองจากชั้นดาดฟ้า

หวู่เหิงรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถช่วยอะไรคนพวกนั้นได้เลย

หากเขาพุ่งออกไป มันคงลงเอยด้วยการกลายเป็นอาหารอีกมื้อของเหล่าซอมบี้เท่านั้น

เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย และหันเหความสนใจไปยังสัตว์ประหลาดยักษ์ที่ล้มรถบัส

มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ มีความสูงเกือบ 3 เมตร มีผิวสีแดงเข้ม และมีแขนกับลำตัวที่แข็งแกร่งมาก กล้ามเนื้อของมันพองออกมาเหมือนกับเนื้องอก และเต็มไปด้วยการระเบิดพลัง

“นี่มันตัวอะไรกัน”

ซอมบี้เท็ดดี้มีขนาดตัวเพิ่มขึ้นจากเดิมจนมีขนาดแทบจะเท่ากับสิงโต และซอมบี้ที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงคล้ายๆ กัน

นอกจากนี้กำลังรบของมันยังน่าสะพรึงกลัวมาก

การปะทะกับรถบัสด้วยร่างกายของมันย่อมบ่งบอกว่ามันแข็งแกร่งแค่ไหน

ซอมบี้ยักษ์ที่เวียนหัวเล็กน้อยเดินโซเซไปยังรถบัส

มันเหวี่ยงซอมบี้ที่ขวางทางออกไป และเหวี่ยงหมัดเข้าใส่รถบัส

ปัง ปัง ปัง~!

ทุกครั้งที่หมัดปะทะเข้าใส่รถบัส กันชนก็จะบุบ และเหล็กเส้นของรถก็จะหลุดออกมา

เมื่อช่องว่างเริ่มใหญ่ขึ้น เหล่าซอมบี้ก็กรูกันเข้าไปในรถบัสและเริ่มฉีกทึ้งคนที่อยู่ข้างใน

ความวุ่นวายกินเวลาอยู่ไม่นาน

ในเวลาแค่ 2-3 นาที รถบัสก็หยุดสั่นไหว

พวกซอมบี้เป็นเหมือนกับสัตว์ร้ายที่สูญเสียเหยื่อของมันไป พวกมันสงบลง และกระจัดกระจายกันออกไป

รถบัสที่อยู่ตรงกลางนั้นโค้งงอผิดรูป โดยมีชิ้นส่วนของร่างกายที่แยกเป็นชิ้นๆ ห้อยอยู่

จากเริ่มจนจบ หวู่เหิงก็ไม่รู้เลยว่ามันมีผู้รอดชีวิตอยู่ภายในนั้นกี่คนหรือว่าพวกเขาหน้าตาเป็นยังไง

ซอมบี้ยักษ์กลายพันธุ์เดินไปข้างๆ และหายกลับเข้าไปในร้านริมทาง

เมื่อเห็นเช่นนี้ หวู่เหิงก็รู้สึกถึงอันตรายมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่ามันจะเป็นฝูงซอมบี้เมื่อครู่หรือซอมบี้ยักษ์กลายพันธุ์ มันก็ทำให้เขารู้สึกกดดันได้เป็นอย่างมาก

ด้วยจำนวนของโครงกระดูกในตอนนี้ การเผชิญหน้ากับพวกมันก็ย่อมเป็นการรนหาที่ตายชัดๆ

“คงต้องระวังตัวเข้าไว้ และเมื่อข้ามีจำนวนโครงกระดูกมากพอ มันก็คงจะไม่น่ากลัวอีก”

เขาพึมพำกับตัวเองในขณะที่มองฝูงซอมบี้ที่ค่อยๆ แยกย้ายกันไป

“หืม?”

ทันใดนั้นซอมบี้ตัวหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของเขา

มันเป็นซอมบี้ที่สวมเสื้อสีน้ำเงินที่ไม่มีอะไรพิเศษยกเว้นที่เข็มขัดของมัน

เข็มขัดหนังสีดำผูกเชือกสีดำที่มีปืนพกสีดำมัดเอาไว้ได้ห้อยลงมาถึงที่น่องของมัน

“ซอมบี้ติดอาวุธงั้นเหรอ?”

ในการต่อสู้กับพวกซอมบี้ เขาสามารถพึ่งพานักรบโครงกระดูกของเขาได้ และเขาก็จะไม่เป็นอะไรตราบใดที่เขาไม่เสี่ยง

แต่ในโลกที่มนุษย์ทุกคนเป็นนักรบในเมืองหินดำ ในกรณีฉุกเฉิน เขาก็ยังขาดความสามารถในการป้องกันตัวเองอยู่

หากเขาได้รับอาวุธนั่น มันก็จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้นมา

การเหนี่ยวไกนั้นง่ายกว่าการยิงธนูมาก

“ข้าต้องเอามันมาให้ได้”

เขาพึมพำกับตัวเอง และหวู่เหิงก็เริ่มคิดหาวิธีเอามันมา

การพุ่งออกไปตรงๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้

วิธีที่ดีที่สุดก็คือการหาทางทำให้มันมาที่นี่เพียงตัวเดียว

หลังจากคิดดูแล้ว หวู่เหิงก็เหลือบมองเชือกปีนเขาในมือ

มันคุ้มค่าที่จะลองดู

...

บนถนน

เชือกถูกหย่อนลงมาจากท้องฟ้า

หลังจากคล้องซอมบี้ได้แล้ว มันก็รัดและลากซอมบี้ตัวนั้นขึ้นมา

แรงดึงอย่างกะทันหันทำให้ซอมบี้ตกใจและมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนก และมันก็คำรามออกมา

ดูเหมือนว่ามันจะสับสนว่าทำไมมันถึงเคลื่อนไหวโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

ในระหว่างการดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ซอมบี้ตัวนั้นก็ถูกดึงขึ้นมาตามผนังของตึก

หวู่เหิงยืนอยู่บนหลังคาและสั่งให้นักรบโครงกระดูกเปลี่ยนทิศทางของการลากเพื่อหลีกเลี่ยงระเบียงและราวด้านนอกเผื่อว่ามันจะมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นระหว่างทาง

ไม่ไกลจากเขามีนกพิราบโครงกระดูกสองตัวที่มีลำตัวเป็นโครงกระดูกสีขาว แต่ปีกของพวกมันก็ยังมีชั้นเนื้อหุ้มอยู่เพื่อรักษาความสามารถในการบินของพวกมันเอาไว้

บ่วงบาศบนตัวซอมบี้ก็เป็นฝีมือของโครงกระดูกนกพิราบทั้งสองตัวนี้นั่นเอง

เขาไม่ได้มีความสามารถในการขว้างบ่วงบาศในระยะไกลเช่นนั้น

แม้ว่านกพิราบโครงกระดูกจะปล่อยบ่วงบาศลงมาจากท้องฟ้า แต่มันก็ยังต้องใช้ความพยายามไปกว่า 20 ครั้งจึงจะสำเร็จ

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงระมัดระวังมากในระหว่างกระบวนการลาก และกลัวว่ามันจะหลุดออกไปกลางทาง

ในที่สุดซอมบี้ที่กำลังดิ้นรนก็ถูกดึงขึ้นไปบนหลังคา ก่อนที่มันจะทันได้ลุกขึ้นมาโจมตี มันก็ถูกมีดทำครัวกลุ้มรุมในทันที

หวู่เหิงก้มลงและถอดกางเกงของศพออก จากนั้นเขาก็ได้สิ่งที่ต้องการมาอยู่ในมือ

เขาไม่ได้ไม่คุ้นเคยกับปืน

มันเป็นของปกติทั่วไปในภาพยนตร์และโทรทัศน์

นอกจากนี้เขายังเคยเล่นเกมที่มีชื่อว่า ‘กันซิมูเลเตอร์ (เกมจำลองการยิงปืน)’ มาก่อนด้วย ทำให้เขารู้ระบบการทำงานของมันอยู่บ้าง

ดังนั้นแม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้จับปืน แต่เขาก็ถือว่าคุ้นเคยกับมันอยู่พอสมควรเลย

เมื่อถอดแม็กกาซีนออก มันก็ยังมีกระสุน 9 นัดอยู่ข้างใน

เขาค้นร่างศพอย่างละเอียด แต่ก็ไม่เจอกระสุนเพิ่มเติมเลย

เขาไม่มั่นใจว่าเจ้าของร่างมีกระสุนติดตัวมาแค่นี้หรือว่ามันทำหายไปกันแน่

ปืนพกอยู่ในสภาพดี และไม่มีความเสียหายที่รุนแรงเลย

หวู่เหิงถือปืนเอาไว้ พยายามบรรจุกระสุน และเล็งเป้า แต่เขาก็ไม่คิดจะยิงออกไป เพราะมันคงจะเป็นการเปลืองกระสุนไปเปล่าๆ

หลังจากซ้อมท่าทางการชักปืนและเล็งเป้าอยู่หลายครั้งแล้ว เขาก็เก็บปืน

ของที่เขาหาได้ในวันนี้ดีอย่างไม่น่าเชื่อเลย

หลังจากเปลี่ยนศพให้กลายเป็นนักรบโครงกระดูกแล้ว เขาก็ได้จัดของและเตรียมที่จะกลับไปยังเมืองหินดำ

...

ณ เมืองหินดำ

หวู่เหิงได้ตรงไปยังโรงตีเหล็กเพื่อถามซื้อบันไดเหล็ก

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความคิดของเขาก็ไร้เดียงสาไปบ้าง

ไม่ต้องพูดถึงว่าบันไดจะใช้ได้จริงไหม แต่แค่การผลิตมันเพียงอย่างเดียวก็ต้องใช้เวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว

ช่างตีเหล็กเสนอข้อเสนอแนะอื่น

แทนที่จะใช้บันไดเหล็กที่ทำจากไม้เนื้อแข็ง มันคงง่ายกว่านั้นถ้าจะใช้เชือกเชื่อมต่อจากทั้งสองด้านและปีนข้ามไป

หวู่เหิงรับฟัง และพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ได้พูดอะไรอีก

ถ้าเขาใช้มัน มันก็คงยากที่จะหาไม้กระดานยาวขนาดนั้น แม้ว่าจะหาได้ แต่มันก็อาจจะหักได้เมื่อรับน้ำหนักมากเกินไปเนื่องจากระยะห่างที่ไกล

แนวคิดในการใช้เชือกอาจใช้ได้ผลกับมนุษย์ แต่ไม่ใช่สำหรับเหล่านักรบโครงกระดูก

ดังนั้นทั้งสองวิธีจึงไม่อาจใช้การได้

หลังจากออกมาจากโรงตีเหล็กแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมเพื่อทานมื้อเย็น

หลังจากดูกลุ่มชายฉกรรจ์งัดข้อกันอยู่สักพัก มันก็ค่อนข้างมืดแล้วเมื่อถึงเวลาที่เขากลับมา

มันมีคนเดินไปมาบนถนนไม่มากนัก

ในขณะที่เขาเดินเข้าไปในตรอกที่นำไปสู่ที่พักของเขา ร่างสองร่างก็เดินเข้ามาหาเขาจากทางด้านหลัง

ในทันทีที่พวกเขาเข้ามา พวกเขาก็เห็นว่าหวู่เหิงได้ยืนรออยู่แล้ว

“เด็กคนนี้ระวังตัวชะมัด!” หนึ่งในนั้นพูดออกมา

ทั้งสองคนดูไม่เป็นกังวลอะไรเลยแม้ว่าหวู่เหิงจะรู้ตัว

“มีอะไรให้ข้าช่วยงั้นเหรอ?” หวู่เหิงถาม

เขารู้สึกว่ามีคนตามเขามาตั้งแต่ที่เขาออกมาจากโรงเตี๊ยมแล้ว

เขาคิดว่ามันเป็นทหารลาดตระเวนที่จับตาดูเขาอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าผู้ชายสองคนนี้ไม่ใช่

“น้องชาย พวกเรามีปัญหาเรื่องเงินนิดหน่อยน่ะ พวกเราขอยืมจากเจ้าสักหน่อยสิ”

ชายที่อยู่ด้านหน้าไม่เสียเวลาอีกและพุ่งเข้าใส่หวู่เหิงราวกับเสือชีตาห์

ในระหว่างนี้เขาก็ได้ชักดาบสั้นสองเล่มออกมาจากเอว ใบมีดสะท้อนแสงจันทร์สีเงิน ทำให้มันดูเย็นเฉียบและคมกริบมาก

หวู่เหิงเหลือบมองชายคนที่สองอย่างรวดเร็ว

ชายอีกคนหนึ่งยังคงยืนอยู่ตรงทางเข้าซอย เขาเอนตัวพิงผนัง และมองไปทุกทิศทางด้วยความระมัดระวัง

ระวังตัวซะจริง!

สองคนนี้เป็นโจรที่มีประสบการณ์

พวกเขาค่อนข้างมั่นใจว่าชายเพียงคนเดียวน่าจะพอแล้วที่จะจัดการกับเขาได้

เมื่อศัตรูพุ่งเข้ามาใกล้กับเขา หวู่เหิงก็ปักหลักและจ้องไปที่เป้าหมายของเขา

เมื่อระยะห่างเหลือประมาณ 3-4 เมตร…

ปัง!

เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว และกระสุนก็พุ่งเข้าใส่เอวของชายคนนั้นทันที

ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ชายคนนั้นเซไปเล็กน้อย

นี่มันบ้าอะไรกัน?

“เจ้า…”

เขาเพิ่งจะได้พูดคำแรกออกมาเท่านั้น…

ปัง! ปัง! ปัง!!

กระสุนอีกสามนัดถูกยิงออกมา

หน้าอก หน้าท้อง และไหล่ของเขาถูกกระแทกอย่างต่อเนื่อง

ด้วยแรงปะทะของกระสุน ร่างกายของเขาก็ถูกกระแทกไปข้างหลัง และเขาก็ล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดเกินกว่าที่จะเคลื่อนไหวต่อได้

เขาคิดว่าหวู่เหิงจะเป็นเหยื่อหมูๆ แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะมาเจอตอเข้าให้แล้ว

“ช่วย…” ชายผู้นั้นหันไปหาคู่หูที่กำลังดูต้นทางอยู่

ปัง!

เสียงปืนดังขึ้นอีก และกระสุนก็ทะลุเบ้าตาของเขา

[ท่านได้รับค่าประสบการณ์ +64]

การแจ้งเตือนของระบบปรากฏขึ้นเพื่อระบุว่าคนผู้นั้นได้ตายไปแล้ว

จากนั้นหวู่เหิงก็ยกปืนขึ้นและเล็งมันไปที่ชายอีกคนที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเขา

ชายคนนั้นหยุดชะงักไปในทันที และระวังอาวุธในมือของหวู่เหิง

เขาเหลือบมองคู่หูที่ไร้ชีวิตของเขาบนพื้น จากนั้นก็ค่อยๆ ถอยกลับไปจนถึงทางเข้าตรอก

เขามองมาที่หวู่เหิงด้วยความอาฆาต จากนั้นก็หนีไปในทันที

เสียงรบกวนเริ่มดังไปทั่วบริเวณเมื่อเสียงปืนดังขึ้น

หวู่เหิงเหลือบมองไปที่ร่างที่เท้าของเขา ร่างนั้นอยู่ในชุดเกราะหนังและผ้าคลุม และมีเลือดไหลออกมาเพียงเล็กน้อย

เขาหยิบอาวุธของอีกฝ่ายขึ้นมา ห่อศพเอาไว้ในผ้าคลุม และลากมันเข้าไปที่ห้องของเขา

ไม่นานหลังจากนั้น…

ปัง! ปัง! ปัง!!

มันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

เสียงของเจ้าของบ้านดังออกมา “หวู่เหิง เจ้าอยู่ในห้องรึเปล่า? เจ้าได้ยินเสียงดังเมื่อครู่รึเปล่า?”

หวู่เหิงเปิดประตูและพูดออกมา “ได้ยินขอรับ ข้าสงสัยเหมือนกันว่าใครมันเป็นคนทำเสียงดังแบบนั้นในตอนดึกๆ แบบนี้”

เจ้าของบ้านมองเขาอย่างไม่ชอบใจ และลอบมองเข้ามาภายในห้อง

เขาพูดออกมาว่า “เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไร ล็อคประตูของเจ้าไว้ให้ดีล่ะ”

“ขอรับ”

หลังจากเจ้าของบ้านจากไปแล้ว หวู่เหิงก็เริ่มการฝึกใช้หอกราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นเสียงอาวุธกระทบกับเป้าซ้อมไม้ก็ดังขึ้น

ส่วนภายนอกนั้น ความปั่นป่วนและเสียงพูดคุยก็ยังคงดำเนินต่อไป และทหารลาดตระเวนก็เดินทางมาตรวจสอบ

...

เช้าวันต่อมา เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น หวู่เหิงก็ได้มุ่งหน้ากลับไปยังโลกซอมบี้

ดูเหมือนฝนจะตกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้

เหล่านักรบโครงกระดูกล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยเม็ดฝน

เม็ดฝนเหล่านี้ได้ชะล้างความสกปรกออกไปจากพวกโครงกระดูก

หวู่เหิงสั่งให้พวกโครงกระดูกหามศพที่นำมาไว้บนหลังคาเมื่อคืนนี้เข้ามา

จากนั้นเขาก็เริ่มถอดอุปกรณ์ของชายคนนั้นออก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด