ตอนที่ 1 : เนโครแมนเซอร์ไร้อนาคต
ตอนที่ 1 : เนโครแมนเซอร์ไร้อนาคต
ณ เมืองหินดำ ภายในโถงประจำเมือง
“หวู่เหิง?”
หลังโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสาร หญิงวัยกลางคนที่ดูจริงจังเหลือบมองข้อมูล จากนั้นก็มองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงกับเธอ
หวู่เหิงพยักหน้า “ขอรับ!”
“อาชีพ: เนโครแมนเซอร์งั้นเหรอ?” คิ้วของหญิงวัยกลางคนขมวดเป็นปมเล็กน้อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย และเธอก็พูดต่อว่า “อาณาจักรอาจจะอนุญาตให้เนโครแมนเซอร์มีตัวตนอยู่ได้ แต่มันก็ไม่มีเมืองไหนต้อนรับเนโครแมนเซอร์เลย”
ด้วยคำพูดเหล่านี้ ห้องโถงที่เคยวุ่นวายก็เงียบลงในทันที
ทุกคนเบนสายตามาทางนี้ และสายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัยและความประหลาดใจ
พวกเขาดูเหมือนจะคิดไม่ออกว่าทำไมถึงมีคนเลือกเป็นเนโครแมนเซอร์ด้วยในช่วงเวลานี้
อย่างไรก็ตาม หวู่เหิงก็ตอบกลับอย่างใจเย็น “ข้าซาบซึ้งกับคำเตือนของท่านหญิงมอยรา ข้าจะปฏิบัติตามกฎและระเบียบของจักรวรรดิและเมืองหินดำให้ดีขอรับ”
หญิงวัยกลางคนตรวจสอบสีหน้าของเขาอย่างละเอียด
เธอไม่ได้พูดอะไรอีกและหยิบเอกสารหลายฉบับออกมาจากลิ้นชักโต๊ะของเธอ จากนั้นก็ยื่นพวกมันให้กับเขาและกล่าวว่า “อ่านพวกมันให้ละเอียดและลงนามชื่อของเจ้าซะ”
'ร่างกฎหมายจำกัดอันเดด'
‘ขั้นตอนการรายงานอันเดด’
‘ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองศพและโครงกระดูก’
‘ประกาศเกี่ยวกับการทดลองมนต์ดำ’
'การทดลองมนุษย์...'
'...'
หลังจากได้รับเอกสารเหล่านี้มาแล้วและอ่านผ่านๆ ดวงตาของหวู่เหิงก็เบิกกว้างขึ้นมา
แม้ว่าอาณาจักรเยโกะจะอนุญาตให้เหล่าเนโครแมนเซอร์มีตัวตนอยู่ได้ แต่มันก็ดูเหมือนจะมีการเพิ่มข้อจำกัดและกฎเกณฑ์ต่อพวกเขาขึ้นทุกปี
ซึ่งรวมถึงข้อห้ามในการแปรสภาพโครงกระดูก ซากศพ และสิ่งมีชีวิตอันเดดอื่นๆ และยังไม่อนุญาตให้มีการทำการทดลองเกี่ยวกับซากศพและมนต์ดำด้วย
ที่นี่ การทดลองและการขโมยศพถือว่าเป็นอาชญากรรมร้ายแรง
อนาคตของเหล่าเนโครแมนเซอร์ที่ไม่สามารถสร้างกองทัพอันเดดและไม่สามารถค้นคว้าเรื่องเวทมนตร์ได้จึงสามารถทำนายได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นในด้านวิชาการหรือการต่อสู้ อนาคตของเขาก็ถือว่าถูกทำลายไปแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนในห้องจึงแสดงความประหลาดใจออกมาเมื่อได้ยินคำว่า ‘เนโครแมนเซอร์’
หวู่เหิงคาดการณ์ไว้บ้างแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่ากฎระเบียบจะเข้มงวดกว่าที่เขาจินตนาการไว้ขนาดนี้
เขาอ่านพวกมันอย่างละเอียด และลงนามชื่อของเขาในแต่ละช่อง จากนั้นก็ยื่นเอกสารกลับไป
หลังจากที่หญิงวัยกลางคนตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว เธอก็กล่าวว่า “เอาล่ะ อย่าลืมจดจำรายละเอียดของกฎเหล่านี้ให้ดี ครั้งต่อไปที่ข้าพบเจ้า ข้าก็ไม่อยากจะเห็นเจ้าถูกประหารหรอกนะ”
“ข้าจะจำไว้ให้ดีขอรับ!” หวู่เหิงยืนขึ้น กล่าวลา และจากไป
ในขณะที่เขาเดินออกมาจากห้องโถง เขาก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยเกี่ยวกับตัวเขาอยู่
ทุกคนต่างพากันสับสนกับชายหนุ่มผมดำตาสีดำที่เลือกเป็นเนโครแมนเซอร์ผู้นี้
...
หวู่เหิงออกมาจากห้องโถงโดยไม่ได้สนใจเสียงพูดคุยเกี่ยวกับเขา
เขาไม่รู้ว่าเนโครแมนเซอร์ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรไปถึงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
มันมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากมายเกี่ยวกับอาชีพนี้เพียงอาชีพเดียว
ทำให้อนาคตของอาชีพนี้มืดมนมาก
อย่างที่ท่านหญิงมอยราได้กล่าวไป การเลือกเป็นเนโครแมนเซอร์นั้นก็เหมือนกับการถูกล่ามโซ่ตรวนเอาไว้
การไม่สามารถอัญเชิญอันเดดออกมาได้และไม่สามารถทดสอบเวทมนตร์ได้ย่อมหมายความถึงการไร้ซึ่งอนาคต
แต่หวู่เหิงก็ยังเลือกอาชีพนี้
ไม่ใช่เพราะมันเป็นอาชีพเดียวที่เขาสามารถเลือกได้ แต่เป็นเพราะเขาเชื่อว่าในฐานะเนโครแมนเซอร์ เขายังสามารถพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้
หลังจากออกมาจากโถงประจำเมืองแล้ว เขาก็เพ่งความคิดและหน้าจอล่องหนที่มีแค่เขาที่มองเห็นได้ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา
[ชื่อ: หวู่เหิง]
[อาชีพ: เนโครแมนเซอร์]
[เลเวล: 1 (10/300)]
[ค่าสถานะ: ความแข็งแกร่ง (Strength) 9, ความว่องไว (Agility) 11, ความทนทาน (Constitution) 12, สติปัญญา (Intelligence) 14, การรับรู้ (Perception) 10, เสน่ห์ (Charm) 12]
[ทักษะ: ทักษะการจัดการกระดูก]
หลังจากเปลี่ยนอาชีพแล้ว หน้าต่างนี้ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของหวู่เหิง
คำอธิบายเกี่ยวกับอาชีพ ค่าสถานะ ทักษะ และอื่นๆ ก็เหมือนกับเมนูในเกมออนไลน์
มันทำให้เขามีความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายของตัวเองมากยิ่งขึ้น
เขาออกจากพื้นที่ส่วนกลางไปและมุ่งหน้ามายังโรงตีเหล็กบนถนนย่านการค้า
เมื่อก้าวผ่านประตูเข้าไปแล้ว เขาก็ได้กลิ่นน้ำมันลินสีดโชยออกมา
“ลูกพี่ ข้ามารับอาวุธที่ข้าสั่งไว้เมื่อเช้านี้” หวู่เหิงพูดกับเคาน์เตอร์
ชายวัยกลางคนวางดาบเหล็กที่เขากำลังขัดอยู่ลงและเงยหน้าขึ้น “โอ้ เจ้าเองเหรอ พวกมันอยู่ด้านนั้นน่ะ ทั้งหมด 7 เหรียญเงิน”
หวู่เหิงตรวจสอบอาวุธที่เขาได้ซื้อ
ดาบเหล็กและหอกสั้น
เขาได้เลือกพวกมันไว้ในตอนเช้า
เขานับเงิน 7 เหรียญเงินและวางพวกมันไว้บนเคาน์เตอร์ที่อยู่ตรงหน้าของชายวัยกลางคนผู้นั้น
“เมื่อเช้านี้เกิดอะไรขึ้นล่ะ?” ชายวัยกลางคนเก็บเงินไปและถามออกมา
เมื่อเช้านี้ หลังจากที่หวู่เหิงมาซื้ออาวุธ เมื่อเขาเลือกพวกมันเสร็จแล้ว เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ป้องกันเมืองพาตัวไปในทันที
ชายวัยกลางคนคิดว่าเขาคงจะเจอปัญหาแน่ๆ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าเขาจะได้กลับมาในช่วงบ่ายๆ และดูไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
“ข้าเพิ่งมาถึงเมืองหินดำและถูกพาตัวไปลงทะเบียนที่โถงประจำเมืองน่ะ ข้าก็ไม่ค่อยเข้าใจขั้นตอนเหมือนกันเพราะข้าเองก็เพิ่งมาถึง”
“ลงทะเบียนงั้นเหรอ? มันจำเป็นต้องลงทะเบียนด้วยเหรอ?” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย
เมืองหินดำมีคนย้ายเข้ามาอยู่มากพอสมควร ถ้าทุกคนจำเป็นต้องลงทะเบียน โถงประจำเมืองก็คงจะคึกคักยิ่งกว่าตลาดสดแน่ๆ
“พวกเขาแค่ถามชื่อของข้า บอกกฎให้ข้าฟัง และทำให้ข้ากังวลน่ะ” หวู่เหิงหัวเราะและเกาหัว
“ฮ่าฮ่า! คนพวกนั้นคงจะว่างสินะ พวกเขาวุ่นวายไปซะทุกเรื่องเลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีประโยชน์หรือไม่ก็ตาม” ชายวัยกลางคนเองก็หัวเราะออกมาและปลอบใจเขา
หวู่เหิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็เก็บอาวุธและกล่าวลาชายวัยกลางคนก่อนที่จะเดินออกมาจากโรงตีเหล็ก
เขาออกจากย่านการค้าและฝ่าฝูงชนออกมา จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังพื้นที่อยู่อาศัยทางตอนเหนือของเมือง
...
หลังจากเดินผ่านตรอกมืดๆ แล้ว เขาก็มาถึงสถานที่ที่เขาได้เช่าเอาไว้
บ้านหลังนี้มีขนาดไม่ใหญ่โตอะไร มันมีห้องรับแขก 1 ห้อง และห้องนอน 1 ห้อง
นอกจากโต๊ะ เก้าอี้ และเตียงไม้แล้ว มันก็ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ อยู่เลย
สภาพของบ้านค่อนข้างจะเก่าเลย
เขาวางกระเป๋าเป้สะพายหลังและอาวุธไว้ด้านข้างก่อนที่จะหยิบขนมปังชิ้นหนึ่งจากโต๊ะขึ้นมาเพื่อบรรเทาความหิว
ในขณะที่กำลังกิน เขาก็ครุ่นคิดถึงท่าทีของเมืองหินดำที่มีต่อเหล่าเนโครแมนเซอร์
เขารู้สึกเหมือนเป็นอาชญากรที่ได้รับการปล่อยตัวจากการคุมประพฤติ ทุกการเคลื่อนไหวของเขาจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียด
“ในขณะที่อยู่ภายในเมือง ข้าต้องพยายามทำตัวไม่ให้โดดเด่นเข้าไว้และพัฒนาตัวเองไปอย่างช้าๆ”
เขาม้วนขนมปังที่เหลือให้กลายเป็นลูกบอลและโยนมันเข้าปากทันที
จากนั้นเขาก็หยิบดาบและหอกขึ้นมา และใช้มืออีกข้างหยิบกุญแจทองแดงที่คล้องคอของเขาออกมา จากนั้นเขาก็เดินไปที่ห้องนอนและเปิดมันเบาๆ
เมื่อประตูเปิดออก ม่านแสงก็ปรากฏขึ้นภายในประตู
อีกด้านหนึ่ง มันก็ไม่ใช่ห้องนอนที่คุ้นเคย แต่เป็นเหมือนภาพสะท้อนของกระจก
หวู่เหิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเดินเข้าไปในนั้น จากนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกฟากของม่านแสง
เมื่อประสาทสัมผัสของเขากลับมาใช้การได้อีกครั้ง เขาก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าเปื่อยอบอวลไปทั่วอากาศ
โต๊ะ เตียง จอภาพ และลำโพงที่คุ้นเคยของเขา
เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังมาจากนอกหน้าต่าง
เขากลับมาในโลกสมัยใหม่ที่คุ้นเคยแต่ก็แปลกประหลาด
เขาเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไปข้างนอก
เหล่าซอมบี้กำลังกรูกันอยู่ด้านล่าง ภายใต้เสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของพวกมัน มันก็สามารถมองเห็นกระดูกที่ยื่นออกมาและอวัยวะภายในที่เปิดเผยออกมาได้ พวกมันผลักกัน ชนกัน และเดินไปมาอย่างไร้จุดหมาย
ในหมู่พวกมัน มันก็มีอยู่หลายคนเลยที่เขาคุ้นหน้า
“มันยังดูเหมือนเดิมเลย”