บทที่ 118 ปล่อยให้เขาผ่านไปไม่ได้!
หลัวเฉิงไม่ตอบหรือเอื้อนเอยคำใดออกมาอีก แล้ววิ่งไปเหวี่ยงเท้าเตะร่างลู่เหยียนอย่างแรง
ปัง!
ลู่เหยียนถูกเตะจนร่างซัดทะยานขึ้นไปเหนืออากาศ ในปากพลางกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ทอดยาวออกไปเป็นแท่งคล้ายดั่งเสา
บูม!
ร่างของลู่เหยียนรอยลิ่วประหนึ่งว่าวไร้เชือก ไปกระแทกเข้ากับกำแพงหิน แล้วร่วงหล่นลงสู่พื้นแน่นิ่งไปในทันใด
“น่าเสียดายที่ฉินหยวนเฟิงไม่ได้เข้ามาที่นี่ด้วย ไม่เช่นนั้นข้าคงสามารถกำจัดปัญหาทั้งหมดออกไปได้ในคราเดียว”
หลัวเฉิงทอดถอนใจพลางส่ายศีรษะ
ในหุบเขาเหลียนซินนี้ คนอื่นๆ ล้วนถูกเจตจำนงกษัตริย์กดดัน แต่เขานั้นหาได้รับผลกระทบแต่อย่างใด การทดสอบนี้คล้ายดั่งว่าถูกสร้างมาไว้สำหรับเขาเท่านั้น
โดยไม่รอช้าหลัวเฉิงให้เสียเวลาไปกว่านี้ ขยับร่างออกจากพื้นที่วิ่งไปยังปากน้ำเต้า แล้วเข้าไปในทันใด
“สามารถสยบผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสองทั้งสามคนได้ในครั้งเดียว คนผู้นี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
ชายหนุ่มและหญิงสาวหลายคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงซึ่งเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ต่างมองยังแผ่นหลังของหลัวเฉิงแล้วอุทานด้วยความประหลาดใจ!
หลังเข้าสู่ปากน้ำเต้า มันจะทอดยาวเป็นอุโมงค์อันมืดมิด
หลัวเฉิงยังคงเร่งฝีเท้าจนถึงขีดสุดขณะวิ่งไปตามทางเบื้องหน้า
ผ่านไปห้าคน!
ผ่านไปสิบคน!
ผ่านไปยี่สิบคน!
ตามทางทอดยาวเบื้องหน้า ร่างผู้คนเริ่มไม่ค่อยปรากฏให้เห็น
หลัวเฉิงวิ่งผ่านผู้คนมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเขาประเมินว่ายามนี้ตนคงเข้าสู่สิบอันดับแรกแล้ว แต่ทว่า แม้นจะวิ่งได้อย่างรวดเร็วปานนี้ ก็ยังมิอาจพบเห็นร่างของถัวป้าเลี่ยเลยแม้เพียงเงา
ขณะวิ่งไปสักพัก ก็ปรากฏร่างหนึ่งกำลังวิ่งอยู่เบื้องหน้า คนผู้นั้นเป็นชายหนุ่มร่างผอมเพรียว
“บัดซบที่สุด ไยเจ้าคนนั้นยังวิ่งได้เร็วขนาดนี้อีก!”
ชายหนุ่มร่างผอมเองก็สังเกตเห็นหลัวเฉิงที่เข้ามาใกล้เช่นเดียวกัน ในใจเขาก็เกิดความกังวลแล้วพยายามเร่งฝีเท้าให้เต็มที่ แต่กระนั้น เขาก็ยังคงถูกหลัวเฉิงไล่ตามทันอยู่ดี
“อันดับที่ห้าต้องเป็นของข้า!”
ระหว่างที่เขากำลังจะวิ่งผ่านแล้วขึ้นมาขนานกับชายหนุ่มร่างผอม บุรุษร่างผอมผู้นั้นก็ตะคอกเสียงทุ้มต่ำแล้วซัดฝ่ามือใส่หลัวเฉิงทันที
ร่างของหลัวเฉิงเปล่งประกายแสง และทันใดฝีเท้าเขาก็เพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้ง ร่างเขาพุ่งทะลวงไปข้างหน้าประหนึ่งว่าเป็นลูกเกาทัณฑ์ที่ลั่นออกจากสายธนู
ฟึบ!
ลมอันหนาวเย็นพาดผ่านร่างของชายผอมบาง พานให้มือของเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นที่ไหลอาบ โชคดีที่หลัวเฉิงไม่ได้ให้ความสนใจต่อเขา
ด้วยความเร็วที่มากขนาดนี้ เกรงว่าชายผู้นั้นต้องไร้เทียมทานอย่างแน่นอน!
ในไม่ช้า หลัวเฉิงก็วิ่งแซงหน้าผ่านไปอีกสองคนทันที!
ก่อนที่ไม่นานนัก จะมีสองร่างวิ่งเคียงกันปรากฏเข้ามาในคลองจักษุ
ชายหนุ่มร่างกำยำทางซ้ายคือถัวป้าเลี่ย และมีชายอีกผู้หนึ่งรูปร่างผอมเพรียววิ่งอยู่ข้างๆ
ชายผู้นี้สวมอาภรณ์สีดำยาว และผ้าพันคอสีดำสูงจนปกปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งทำให้เห็นได้ไม่ชัดเจนนัก แต่คิ้วของเขากลับโค้งโก่งคล้ายดั่งดาบ
ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาคนนั้นวิ่งได้เร็วมาก เพียงแค่ปลายเท้าของเขาแตะพื้นร่างก็พุ่งไปข้างหน้าประหนึ่งว่าไร้น้ำหนัก ซึ่งความเร็วนั้นมิได้ด้อยไปกว่าถัวป้าเลี่ยเลย
ปัง! ปัง! ปัง!…
พวกเขาทั้งสองต่างเร่งฝีเท้าแล้วต่อสู้กันไปพลาง เศษหินที่อยู่ใกล้บริเวณรอบตัวพวกเขา ต่างถูกพัดกระเด็นไปอย่างบ้าคลั่ง
กระบวนท่าของถัวป้าเลี่ยนั้นโจมตีและป้องกันได้อย่างอิสระ ทว่า ทักษะฝ่ามือของชายหนุ่มผู้ละเอียดอ่อนคนนั้นก็ยอดเยี่ยมนัก ซึ่งกระบวนท่าของถัวป้าเลี่ยก็มิอาจทำอะไรเขาได้เช่นกัน
“หากว่าข้าสามารถเหนือกว่าสองคนนี้ได้ อันดับหนึ่งต้องเป็นของข้าแน่!”
หลัวเฉิงพึมพำกับตนเอง
ถัวป้าเลี่ยและชายผู้หล่อเหลาก็สังเกตเห็นหลัวเฉิงเช่นกัน จึงพลันหยุดมือทันที
“หลัวเฉิง ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องตามมาทัน! แต่อย่างไรเสีย การที่เจ้าจะเหนือกว่าข้าได้นั้นไม่มีทางเป็นไปได้แน่!”
ถัวป้าเลี่ยหัวเราะอย่างเต็มเสียง แล้วฟาดเท้าลงพื้นพุ่งตัวไปข้างหน้าทันที
เพื่อไม่ให้น้อยหน้า ชายหนุ่มรูปหล่อก็พลิ้วฝ่าเท้าสัมผัสพื้นแล้วพุ่งตามถัวป้าเลี่ยไปติดๆ
“นั่นก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป!”
วิญญาณยุทธ์ของหลัวเฉิงก็ถูกปลุกเร้าเช่นกัน เขารีบเร่งฝีเท้าปรี่เข้าไปหาทั้งสองเบื้องหน้าในทันที
“ฮ่ะ! เจ้าจะเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร!”
ถัวป้าเลี่ยสังเกตเห็นความผิดปกติทันทีแล้วแสดงสีหน้าประหลาดใจ
ชายหนุ่มรูปหล่อเองก็ขมวดคิ้วเข้าจนเป็นปม
“ถัวป้าเลี่ย จงยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี!”
หลัวเฉิงยิ้มกว้างขณะวิ่งไล่ตามห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว อีกไม่นานก็คงแซงหน้าเขาได้แน่
“ปล่อยให้เขาผ่านไปไม่ได้!”
ถัวป้าเลี่ยรู้ดีว่า หากเขาถูกหลัวเฉิงแซงหน้าไป เขาต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เขาตระกูลเสียงดังแล้วพุ่งหมัดใส่หลัวเฉิงทันที
ชายหนุ่มผู้ละเอียดอ่อนก็เข้าใจถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ในมือเขาพลันปรากฏกระบี่พริ้วขึ้นเล่มหนึ่ง แล้วสะบัดกลายเป็นปราณอันเยือกเย็นปกคลุมหลัวเฉิงอย่างกะทันหัน
“พวกเจ้าจะสกัดข้างั้นหรือ”
ดวงตาของหลัวเฉิงเป็นประกาย เสี้ยวลมหายใจเขาก็ชักกระบี่ทะลายสวรรค์ออกจากฝัก
“ทลายสวรรค์กระบวนท่าที่สอง สะบั้นเมฆา!”
ดุจเดียวกับสายอัสนี ปราณกระบี่ทุ่งทะยานตัดห้วงอากาศ แสงจากปราณกระบี่ส่องประกายเจิดจรัสสว่างไสวไปทั่วทั้งโถงถ้ำ
แต่เมื่อเขาชักกระบี่ออกมาในครานี้ หลัวเฉิงก็เข้าใจในทันทีว่าขั้นหัวใจกระบี่คืออะไร!
กระบี่ทลายสวรรค์ในมือเขา คล้ายจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย กระบี่เคลื่อนไหวไปตามหัวใจนึก และมันเฉียบคมแม่นยำกว่าทุกครั้งนัก ประหนึ่งว่ามีพลังอันไร้ที่สิ้นสุด!
ปัง!...
ปราณกระบี่อันรุนแรงนี้ ทำให้การโจมตีของถัวป้าเลี่ยและชายหนุ่มรูปงามพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าสองคน ข้าขอล่วงหน้าไปก่อนแล้วกัน!”
ด้วยการอาศัยช่องว่างจากทั้งสองร่างที่ยังคงเหวอตะลึงงัน หลัวเฉิงเร่งความเร็วถึงขีดสุดพุ่งตัวไปข้างหน้าทันที