ตอนที่แล้วตอนที่ 29 สำนักจิ่วหยุน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 31 ให้เจ้าเรียกข้าว่าพ่อ

ตอนที่ 30 เหยียบย่ำด้วยพลัง


ตอนที่ 30 เหยียบย่ำด้วยพลัง

ผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่มสองคน ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงสุดหกคน ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง และขั้นต้นจำนวนหนึ่ง รวมถึงศิษย์ขอบเขตกลั่นพลังปราณ และขอบเขตก่อตั้งรากฐาน ออกเดินทางจากเมืองจิ่วหยุนด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ และมุ่งหน้าไปยังตระกูลลู่

นี่เป็นกองกำลังที่ทรงพลังในสายตาของคนทั่วไป มากพอที่จะครองทั้งเขตหยุนจงได้

ตระกูลลู่ไม่รู้ตัวเลยในขณะนี้ว่าหมาจิ้งจอก หมาป่า เสือ และเสือดาว สรรพสัตว์กลุ่มใหญ่กำลังเดินทางมุ่งตรงมาหาพวกเขา

เมืองจิ่วหยุน อยู่ไม่ไกลจากเมืองเทียนหมิงที่ตระกูลลู่ตั้งอยู่ เพียงไม่ถึงร้อยลี้

แม้ว่าเมืองจิ่วหยุนจะถูกเรียกว่าเมือง แต่จริงๆ แล้วเป็นเพียงหมู่บ้านที่ใหญ่โต

ปรมาจารย์จิ่วหยุนซึ่งครั้งหนึ่งเคยก่อตั้งสำนักจิ่วหยุน เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญหลอมวิญญาณ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไม่อ่อนแอ แต่เขาก็สามารถครองพื้นที่ชายขอบนี้ได้เท่านั้น

มีเพียงไม่กี่คนที่หลงเหลืออยู่ในเมืองจิ่วหยุน ในเวลานี้ พวกเขาเกือบทั้งหมดได้ออกมา และมุ่งตรงไปหาตระกูลลู่ ทำให้รวบรวมคนได้มากกว่าร้อยคน

“นายน้อย ดูเหมือนว่าศัตรูกำลังมุ่งตรงมาหาเรา” ศิษย์คนหนึ่งเดินมาหาลู่ซวนแล้วพูดด้วยสีหน้าแปลกๆ

“พวกเขามีกี่คน? และมาจากกองกำลังใด?” ลู่ซวนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามเสียงดัง

เป็นไปได้ไหมว่าสำนักดาราค้นพบว่าเป็นพวกเขาที่ลอบสังหารในคราวนั้นจึงมาเยือนถึงหน้าประตู?

ครั้งก่อนที่พวกเขาสามารถฆ่าอี้ซิงได้ นั่นก็เพราะใช้การลอบโจมตี หากตระกูลลู่ และสำนักดาราเผชิญหน้ากันจริงๆ มันจะเหมือนกับการขว้างไข่ใส่ก้อนหิน ทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย

ท้ายที่สุดแล้ว สำนักดารามีผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่ในขอบเขตหลอมวิญญาณ และยังมีบรรพบุรุษที่อยู่ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ครึ่งก้าว

“นายน้อย พวกเขาจากสำนักจิ่วหยุน” ศิษย์ตอบกลับด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม

ศิษย์คนนี้ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะของตระกูลลู่ และฐานพลังยุทธ์ของเขาได้มาถึงขอบเขตแก่นทองคำแล้ว

ถ้าอยู่ในสำนักจิ่วหยุน เขาก็ถือผู้อาวุโสของสำนัก

“สำนักจิ่วหยุนงั้นเหรอ ทำไมพวกเขาจึงกล้ามาสร้างปัญหาให้กับตระกูลเรา พวกเขาทะเยอทะยานเกินไปหรือเปล่า?” ลู่ซวนพูดด้วยรอยยิ้ม และเขาก็รู้สึกโล่งใจ

ถ้าเป็นสำนักดารา ลู่ซวนคงรู้สึกกังวลใจเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นสำนักจิ่วหยุน อีกฝ่ายไม่มีทางต่อกรกับตระกูลลู่ได้ นั้นก็เพราะพวกเขาไม่มีผู้เชี่ยวชาญหลอมวิญญาณแม้แต่คนเดียว?

หลังผ่านมาหนึ่งเดือน ตระกูลลู่ได้เปลี่ยนไปจากที่เคยเป็น และพวกเขาก็ดูถูกสำนักจิ่วหยุนโดยสิ้นเชิง

หากเป็นเมื่อเดือนก่อน สำนักจิ่วหยุนคงจะเป็นยักษ์สำหรับตระกูลลู่ ท้ายที่สุดแล้ว สำนักของพวกเขาก็มีผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่มอยู่

“นายน้อย พวกเขากำลังจะมาถึงประตูแล้ว ท่านจะออกไปจัดการด้วยตัวเองหรือไม่?” ศิษย์ถามลู่ซวน

“ให้ผู้อาวุโสสักคนที่ว่างออกไปจัดการเรื่องนี้ แค่สำนักเล็กๆ ไม่คู่ควรต้องให้ข้าลงมือเอง” ลู่ซวน มีศักดิ์ศรีมากขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะผู้นำตระกูล หลังจากไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง เขาก็พูดสิ่งที่คิดออกมา

“ขอรับ!” ศิษย์ก้มลงแล้วหันหลังกลับ

ตอนนี้ด้านนอกของตระกูลลู่ถูกล้อมรอบอย่างสมบูรณ์ นำโดยหยุนไห่ที่ดูน่ากลัว

“ทุกคนในตระกูลลู่ รีบไสหัวออกมาซะ พวกเจ้าได้ฆ่าผู้อาวุโสของสำนักจิ่วหยุนด้วยการลอบโจมตี สำหรับเรื่องนี้พวกเจ้าต้องมีคำอธิบายให้กับข้า” ท่าทีของหยุนไห่ดูเหมือนเต็มไปด้วยความโกรธ ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนเสียงดัง และออร่าของผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่มก็แผ่ออกมา

ศิษย์ของสำนักจิ่วหยุนมองไปที่ผู้อาวุโสที่สง่างามของพวกเขาด้วยความชื่นชมในสายตา

ความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่มสามารถครอบงำทั้งเขตหยุนจงได้!

“หยุนไห่ เจ้าอยากตายมากสินะ? กล้าดียังไงมาตะโกนเรื่องไร้สาระที่ตระกูลลู่ของข้า!” เสียงที่แก่กว่าเล็กน้อยดังขึ้น และร่างของผู้อาวุโสสามก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนในทันที และเขาก็ขมวดคิ้ว และพูด

“หืม? ทำไมชายคนนี้ถึงเร็วขนาดนี้? ข้ามองไม่เห็นเลยว่าเขาปรากฏตัวตอนไหน” หยุนไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดอะไรบางอย่าง

ทันใดนั้น หยุนไห่ก็รู้สึกไม่สบายใจ ราวกับว่าหายนะกำลังจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

แต่ไม่นาน หยุนไห่ก็ระงับความรู้สึกนี้อย่างรุนแรง เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว มันไม่มีทางถอยกลับไม่ว่าเขาจะลังเลแค่ไหนก็ตาม

“เรียกผู้นำตระกูลของเจ้าออกมา เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพูดคุยกับข้า” หยุนไห่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดอย่างเย่อหยิ่ง

“โอ้ ข้าลืมไป ผู้นำตระกูลของเจ้าหายตัวไปนาน บางทีเขาอาจจะตายอยู่ที่ไหนสักแห่งตรงมุมห้อง” จู่ๆ หยุนไห่ก็หัวเราะเยาะ แล้วพูดอย่างเหยียดหยาม

ผู้นำตระกูลคนก่อน คือพ่อของลู่ซวน ซึ่งเป็นลูกชายของผู้อาวุโสสูงสุด ซึ่งเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถคนหนึ่ง

เมื่อหลายปีก่อน เขามาถึงขอบเขตแก่นทองคำแล้ว แต่ต่อมาเขาเลือกที่จะออกจากตระกูลลู่ เพราะบางสิ่ง และไม่มีข่าวคราวใดๆ หลังจากนั้น และเขาก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาที่ตระกูลลู่อีกเลย

“อวดดีจริงๆ! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน กล้าดียังไงถึงมาแสดงท่าทีเย่อหยิ่งต่อหน้าข้า!” ผู้อาวุโสสามตะโกนเสียงดัง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ

จากนั้น ออร่าของพวกเขาก็ระเบิดออกมา

“ทำไมออร่าของชายคนนี้ถึงทรงพลังขนาดนี้? เขาคงอยู่ไม่ไกลจากขอบเขตหลอมวิญญาณ!” หยุนไห่ถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก

ตัวหยุนไห่เองมาถึงขอบเขตวิญญาณแรกเริ่มขั้นสูง ผู้ฝึกยุทธ์ที่สามารถบดขยี้เขาด้วยออร่าเพียงอย่างเดียวได้ต้องอยู่ในขอบเขตวิญญาณแรกเริ่มขั้นสูงสุด หรืออยู่ในขอบเขตหลอมวิญญาณ

สำหรับความเป็นไปได้ที่ชายตรงหน้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญหลอมวิญญาณ หยุนไห่เพิกเฉยต่อความเป็นไปได้นี้โดยสิ้นเชิง

ไม่มีผู้เชี่ยวชาญหลอมวิญญาณแม้แต่คนเดียวในเขตหยุนจง

ยิ่งไปกว่านั้น หยุนไห่ยังรู้จักผู้อาวุโสสามของตระกูลลู่ด้วย ก่อนหน้านี้ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอยู่ในขอบเขตก่อตั้งรากฐานเท่านั้น

“ไม่ว่าอัจฉริยะจะทรงพลังแค่ไหน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ในเวลาเพียงเดือนเดียว เขากำลังหลอกลวงอะไรข้าหรือเปล่า?” หยุนไห่หรี่ตาลงเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเขาได้มองทะลุทุกสิ่งแล้ว

หากอีกฝ่ายแข็งแกร่งถึงขนาดนี้จริง ก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลลู่คงจะไม่ตาย

ทั้งหมดนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าออร่าของชายตรงหน้าเป็นแค่การบลัฟเท่านั้น

“ข้าไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเข้า ข้าขอแนะนำให้เจ้ายอมจำนนโดยเร็วที่สุด ไม่งั้นเจ้าจะต้องตายอย่างอนาถ” เขายืนหยัดต่อแรงกดดันของผู้อาวุโสสาม และดูหยิ่งผยองมากยิ่งขึ้น

“รนหาที่ตาย! ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก ข้าก็จะทำตามที่เจ้าขอ!” ผู้อาวุโสสามโกรธจนหน้าแดง และใช้การโจมตีวิญญาณใส่หยุนไห่

วินาทีต่อมาร่างกายของหยุนไห่ก็สั่นสะท้าน เขาอ้าปาก และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

“ผู้อาวุโสหนึ่ง!” เมื่อศิษย์ของสำนักจิ่วหยุนเห็นสิ่งนี้ พวกเขาทั้งหมดก็อุทานออกมา ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

นี่คือ ผู้อาวุโสที่ทรงพลังที่สุดในใจพวกเขา ผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่มขั้นสูง ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้จากการมองของใครบางคน? ถ้าไม่เห็นด้วยตาก็คงไม่มีใครเชื่อ

“ที่ตระกูลลู่ไม่ถามหาความกับสำนักจิ่วหยุนของเจ้าก็เพราะพวกเจ้าไม่มีค่ามากพอ แต่ในเมื่อพวกเจ้ามาหาที่ตายเอง ก็จงนอนอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลซะ”

ผู้อาวุโสสามเยาะเย้ย และเขาก็ก้าวไปข้างหน้า ออร่าของเขาปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ด้วยแรงกดดันที่มากล้น ศิษย์ของสำนักจิ่วหยุนทั้งหมดก็คุกเข่าลงพร้อมกับตัวที่สั่นเทา

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด