บทที่ 117 ความสิ้นหวัง
ฟึบ!
หลัวเฉิงวิ่งผ่านคนอีกสองสามคนและกำลังจะเข้าสู่ปากแคบของโขดหิน
ทันใดนั้น หลัวเฉิงก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรง พลันไหวกายพุ่งหลบไปทางด้านข้าง
บูม! บูม!
เนื่องจากหลังก้อนหินขนาดใหญ่ปรากฏสองร่างพุ่งออกมา แล้วชกหมัดเข้าใส่หลัวเฉิงด้วยพลังปราณอันหนักอึ้ง
หลัวเฉิงหลบออกไปได้อย่างหวุดหวิดแล้วเว้นระยะห่างสามก้าว ก่อนช้อนตาขึ้นมองสองร่างนั้นด้วยแววตาเย็นเฉียบดุจน้ำแข็ง
“พวกเราไม่เคยรู้จักกัน ไฉนจึงลอบทำร้ายข้า!”
“เจ้าไม่รู้จักพวกเขา แต่ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้จักข้า”
ลู่เหยียนกล่าวเสียงดังพลางเยื้องย่างออกมาจากเบื้องหลังก้อนหิน แล้วจ้องหลัวเฉิงอย่างอาฆาตแค้นด้วยดวงตาสามเหลี่ยมคู่นั้น
“ที่แท้ ก็เป็นเจ้าเองหรือ!”
หลัวเฉิงขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะตามรังควานไม่เลิกรา
ฮึ่ม!
ลู่เหยียนสูดจมูกอย่างเย็นชาแล้วกล่าวเสียงทุ่มต่ำ “เจ้าคงยังไม่ลืมเรื่องที่เกิดในศาลาหลิงอวิ๋นหรอกกระมัง”
ขณะที่กล่าว พวกเขาทั้งสามก็เข้าล้อมหลัวเฉิงจากสามด้านเพื่อปิดกั้นหนทางหลบหนี
ลู่เหยียนจ้องหลัวเฉิง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะ “อย่าได้กล่าวหาว่าข้านั้นแล้งน้ำใจ ข้าจะให้โอกาสเจ้า จงคุกเข่าลงแล้วคำนับข้าสามครั้ง จากนั้นมอบกระบี่ทลายสวรรค์มา ข้าอาจจะใจดีไว้ชีวิตเจ้า!”
“เจ้าไม่ได้ยินที่เขาสั่งงั้นหรือ? คุกเข่าลงแล้วคำนับเดี๋ยวนี้!”
ชายอีกสองคนตวาดเสียงแข็ง ขณะในแววตาที่จับจ้องหลัวเฉิงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
หลัวเฉิงเหลือบมองทั้งสามคนแล้วเหยียดยิ้มเยือกเย็น “ข้าเองก็จะให้โอกาสเจ้าเช่นกัน จงคุกเข่าลงยอมรับความผิดพลาดของเจ้าในสามลมหายใจ แล้วข้าจะเมตตาไว้ชีวิต!”
“ฮ่าๆ เจ้าน่ะหรือจะไว้ชีวิตคนเช่นข้า ไม่ประมาณตน!”
ลู่เหยียนคล้ายดั่งได้ยินเรื่องน่าขันครั้งใหญ่!
สองคนที่เขาพามาครั้งนี้ ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสอง!
ตัวเขานั้นไม่คิดเลยว่า หลัวเฉิงยังจะกล้าอวดดีในสถานการณ์เสียเปรียบเช่นนี้!
“ลงมือ!”
ลู่เหยียนแผดเสียงคำรามทุ้มต่ำ
“เจ้าหนู ในเมื่อเจ้าวอนนัก ข้าจะสนองให้เจ้า!”
“ก็ไปตายซะ!”
ทั้งสองกระโจนร่างอย่างรวดเร็ว แล้วจู่โจมหลัวเฉิงด้วยหมัดจากซ้ายและขวาในเวลาเดียวกัน
หลัวเฉิงโค้งมุมปากยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วเอื้อมมือไปคว้าหมัดทั้งสองบนนภากาศ
ปัง! ปัน!
หมัดอันร้ายกาจของทั้งคู่ถูกหลัวเฉิงคว้าไว้อย่างกระชับแน่น ไม่อาจชกทะลวงไปข้างหน้าได้แม้เพียงชุ่น
“อะไรกัน!”
ทั้งสองล้วนหน้าแดงก่ำจากการออกแรงเพื่อดิ้นให้หลุด
แต่ทว่า มือของหลัวเฉิงประหนึ่งเป็นโซ่ตรวนเหล็กกล้า เหนี่ยวรั้งไว้มิอาจเคลื่อนไหวได้ ก่อนที่ใบหน้าของทั้งคู่จะพลันเปลี่ยนสี
“คุกเข่า!”
หลัวเฉิงกระแทกเสียงแข็งกร้าวพร้อมบิดมืออย่างแรง
ฟึบ! แคร่ก!
ทั้งคู่ล้วนอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสองเท่านั้น จะริอาจต้านพลังอันมหาศาลของหลัวเฉิงได้อย่างไร
ทันทีที่หลัวเฉิงบิดมือ แขนพวกเขาก็สะบั้นหัก กล้ามเนื้อฉีกขาดเลือดสาดกระเซ็น เข่าของทั้งคู่ทรุดตัวลงกับพื้นทันใด แล้วใช้มืออีกข้างจับแขนตนร่ำร้องอย่างโอดครวญ ด้วยมิอาจทนทานรับความเจ็บปวดได้!
“เจ้า!”
ลู่เหยียนที่เคยแสดงรอยยิ้มอย่างภาคภูมิเมื่อครู่ ใบหน้าเขาก็ซีดเซียวลงขาวราวกับกระดาษ
เขามิคิดฝันเลยว่าหลัวเฉิงจะแข็งแกร่งได้มากถึงปานนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสองกลับถูกเขาสยบทันทีที่เผชิญหน้า!
ลู่เหยียนจากใบหน้าซีดเซียวเปลี่ยนเป็นตระหนก เขาวกหลังกลับแล้วสับเท้าวิ่งทันใด
“ข้าบอกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะให้เจ้าหนี?”
หลัวเฉิงกล่าวน้ำเสียงเรียบเฉย แต่ในหูของลู่เหยียนกลับก้องดังประหนึ่งเสียงเพรียกหาจากนรก หลัวเฉิงโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วตบฝีเท้าพุ่งร่างไปในทันที
“ไยเจ้ายังวิ่งได้เร็วขนาดนี้อีก!”
เมื่อมองย้อนไปยังหลัวเฉิงที่กำลังไหวกายเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ลู่เหยียนก็ผวาพลันดั่งเห็นภูตผีวิญญาณ
ในช่องแคบของหุบเขาเหลียนซินนี้ ทุกคนล้วนถูกแรงกดดันจากเจตจำนงแห่งกษัตริย์ กระทั่งวิญญาณยุทธ์ก็มิอาจปลดปล่อยได้ ยามนี้การเคลื่อนไหวของลู่เหยียนลดลงเหลือเพียงหกในสิบจุด
“ไปตายซะ หมัดศิลาแกร่ง!”
เมื่อรับรู้ว่าตนมิอาจหนีพ้น ลู่เหยียนก็กัดฟันหยุดฝีเท้า แล้วพุ่งหมัดเข้าใส่หลัวเฉิงด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
หลัวเฉิงไม่รอช้าชกหมัดทะยานไปเช่นเดียวกัน
แคร่ก!
สองหมัดเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด พร้อมกับเสียงกระดูกแตกดังลั่นอย่างชัดเจน
ลู่เหยียนโอดครวญอย่างเจ็บปวดขณะร่างถูกซัดลอยละลิ่วออกไป ก่อนกระแทกเข้ากับโขดหินขนาดใหญ่ในปากก็พลันกระอักเลือดออกมา
“มิใช่ว่าเจ้าอยากให้ข้าคุกเข่าแล้วคำนับยอมรับความผิดพลาดหรอกหรือ? ไฉนจึงล้มลงไปเองเช่นนั้นเล่า?”
ระหว่างที่กล่าว หลัวเฉิงก็สืบเท้าเข้าหาลู่เหยียนทีละก้าว ด้วยใบหน้าแสดงรอยยิ้มเยือกเย็น
ยามนี้สีหน้าของลู่เหยียนก็ซีดเผือด แต่ในดวงตายังมิอาจไร้พิษสง “ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้าอยากได้ลำพองใจนักเลย! เมื่อตอนที่เจ้าและข้าได้เข้าสู่สำนักซวนหยวนแล้ว ข้ายังมีวิธีสังหารเจ้ามากมายหลายอย่างนัก คอยดูเถอะ หลังออกไปจากหุบเขานี้แล้ว ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็น ว่าความสิ้นหวังมันเป็นอย่างไร!”
“โอ้… เจ้าจะทำให้ข้าได้สัมผัสกับความสิ้นหวังกระนั้นหรือ”
ดวงตาของรั้วเฉิงประกายแสงเยือกเย็น จากนั้นเหยียดยิ้มกระหยิ่มกล่าวว่า “เจ้าคิดว่า เจ้าจะยังออกไปจากหุบเขานี้ได้งั้นหรือ?”
“เจ้า! เจ้าจะทำอะไร!”
แววตาของลู่เหยียนที่ดุร้ายราวอสรพิษ ยามนี้กลับผันเปลี่ยนแทนที่ด้วยความประหวั่นกลัว