ตอนที่ 28 การฟื้นตัวของลู่ซุน
ตอนที่ 28 การฟื้นตัวของลู่ซุน
“หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะมั่นใจมากขึ้นอีกเล็กน้อยในการซ่อมดาบเต๋า” มารเฮยเย่ถืออาวุธวิเศษจำนวนมาก จากนั้นก็คร่ำครวญ
อาวุธเหล่านั้นล้วนเป็นอาวุธวิเศษที่ทรงพลังที่สุดในโลกเฟิงหยุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งดาบไร้เทียมทาน ว่ากันว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นจากหินศักดิ์สิทธิ์ที่เทพหนี่วาทิ้งไว้หลังจากซ่อมแซมเสาหลักค้ำยันสวรรค์ มันเป็นวัสดุที่ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ทัดเทียมได้
แม้ว่าทุกคนจะเจ็บปวดใจ แต่หลังจากได้ยินคำพูดของมารเฮยเย่ ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ดาบเต๋าเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลลู่ และครั้งหนึ่งมันเคยเป็นอาวุธอมตะ มันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตระกูลลู่ และคุณค่าของมันไม่อาจประมาณค่าได้
มารเฮยเย่โค้งคำนับให้ทุกคน จากนั้นหันหลังกลับ และจากไป และเริ่มศึกษาวิธีการซ่อมดาบเต๋า
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ปรมาจารย์อาวุธ แต่เขาค่อนข้างประสบการณ์ในด้านนี้ ครั้งหนึ่งเมื่อหลายพันปีเขาเคยสร้าง ‘ติ่งเฮยหลง’ มันถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของสำนักมาร และเขาเคยได้ใช้มันสังหารศัตรูจำนวนนับไม่ถ้วน
( ***ติ่งคือ ภาชนะรูปแบบหนึ่งของจีนโบราณ ตั้งอยู่บนขาตั้งและมีฝาปิดกับหูจับสองข้างที่อยู่ด้านตรงข้ามกัน ติ่งเป็นหนึ่งในวัตถุสำคัญที่ใช้ในกลุ่มเครื่องสัมฤทธิ์ในพิธีกรรมของจีน )
ในอีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสสองหยิบดอกบัวหยางซินออกมา และนำไปให้ฉีเหิงอย่างกระวนกระวายใจ
“ผู้อาวุโสฉี ข้าได้นำสิ่งที่เจ้าขอมาแล้ว เจ้าต้องดูแลบรรพบุรุษของเราให้ดี!” ผู้อาวุโสสองกุมมือของฉีเหิงด้วยท่าทางอ้อนวอนบนใบหน้าของเขา
“ผู้อาวุโสสอง เจ้าสามารถไว้วางใจในตัวข้าได้ ข้าจะพยายามทำให้บรรพบุรุษของเรากลับมามีชีวิตอีกครั้ง!” ฉีเหิงรับดอกบัวหยางซินจากมือของผู้อาวุโสสอง และรับรองกับอีกฝ่าย
“ขอบคุณมาก ผู้อาวุโสฉี” ผู้อาวุโสสองหันหลังกลับ และจากไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ บรรพบุรุษคงพอใจ และไม่กลับมาทุบตีข้าอีกแล้ว
หลังจากที่ผู้อาวุโสสองจากไปแล้ว ฉีเหิงก็ถือดอกบัวหยางซินไว้ในมือ และเดินทีละก้าวไปยังจุดที่ลู่ซุนนอนอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“คิดไม่ถึงว่าข้าฉีเหิงจะได้รับหน้าที่อันทรงเกียรติ ได้มีโอกาสดูแลร่างของผู้แข็งแกร่งระดับนี้” ฉีเหิงพึมพำกับตัวเองสองสามคำด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานมากแล้ว ศพของลู่ซุนยังคงเหมือนเดิม และพลังที่อบอวลอยู่ในนั้นก็น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เพียงแค่เศษเสี้ยวของมันทำให้ฉีเหิงรู้สึกหวาดกลัว
แม้แต่บรรพบุรุษของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นก็ยังห่างไกลจากศพของลู่ซุน
ในฐานะทายาทของตระกูลหลอมศพ ฉีเหิงรักศพมากกว่าคนเป็น ดังนั้นเขาจึงได้รับฉายาว่า โม่ซื่อ ( ศพปีศาจ )
เพื่อที่จะหลอมศพที่แข็งแกร่งที่สุด ฉีเหิงถึงกับกล้าแอบเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ฮั่วเทียน เพื่อพยายามขโมยร่างบรรพบุรุษของพวกเขา ในท้ายที่สุดเขาก็สูญเสียพลังยุทธ์ทั้งหมด และเกือบจะตาย
ถ้าเขาไม่มีไพ่ตายช่วยชีวิต และหลอกลวงผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ฮั่วเทียนด้วยการโกงความตายของเขา ตอนนี้เขาคงจะได้ตายไปแล้วจริงๆ
ฉีเหิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้งเพื่อระงับความตื่นเต้นในใจ
ดอกบัวหยางซินปล่อยแสงอันอ่อนโยนออกมา บินออกจากมือของฉีเหิง และล่องลอยอยู่เหนือหัวของลู่ซุน
ริ้วแสงหลั่งไหลลงมา และห่อหุ้มร่างกายของลู่ซุนเอาไว้ คลื่นพลังงานอ่อนโยนสาดเทเข้าสู่ร่างกายของลู่ซุน และเริ่มหล่อเลี้ยงเส้นลมปราณของเขาที่ควรสลายไปนานแล้ว
เมื่อเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ แสงของดอกบัวหยางซินก็หรี่ลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็จางหายไปจนหมด
หลังจากนั้น ดอกบัวหยางซินก็เหี่ยวเฉาไปโดยสิ้นเชิง และค่อยๆ กลายเป็นฝุ่นผงล่องลอยไปในอากาศ
"ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับร่างกายของโฮสต์ที่เริ่มฟื้นตัว ระดับการฟื้นตัวในปัจจุบันคือ หนึ่งในพันส่วน!"
"ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของโฮสต์ที่เริ่มฟื้นตัว ระดับการฟื้นตัวในปัจจุบันคือ หนึ่งในสองพันส่วน!"
จู่ๆ เสียงแจ้งเตือนสองครั้งก็ดังเข้ามาในใจของลู่ซุน
“ระบบ ใช้แต้มบุญทั้งหมดที่มีเพื่อฟื้นฟูวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้า!” ลู่ซุนมีรอยยิ้มจางๆ บนริมฝีปาก เขาพูดช้าๆ ด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความยินดี
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต้มบุญของลู่ซุนได้สะสมถึงระดับที่น่าอัศจรรย์ มีจำนวนนับแสน!
การฟื้นฟูวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นสิ่งที่ยากที่สุด แต่ก็สำคัญที่สุด เพราะวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คือ จิตสำนึกของลู่ซุน
“ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์เริ่มฟื้นคืน!”
“ติ๊ง วิญญาณของโฮสต์ตื่นขึ้นแล้ว ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ฟื้นคืนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงหนึ่งในพันส่วน!”
ร่างลวงตาปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ และในที่สุดก็ค่อยๆ กลายเป็นจริง
“แม้ว่าข้าจะฟื้นตัวได้เพียงหนึ่งในพันส่วนเท่านั้น แต่ในที่สุดข้าก็สามารถเข้ามาแทรกแซงเรื่องราวในโลกนี้ได้ ต่างจากก่อนหน้าที่เป็นเพียงดวงจิตที่แสนอ่อนแอ!” ลู่ซุนรู้สึกตื่นเต้นมาก ความหวังในการฟื้นคืนชีพอย่างสมบูรณ์ของเขาใกล้จะเป็นจริงมากขึ้นอีกก้าว
“น่าเสียดายที่ดวงจิตนี้ยังอ่อนแอเกินกว่าจะอยู่รอดในโลกภายนอกได้นานนัก มีโอกาสถูกกำจัดออกไปได้ทุกเมื่อ” ลู่ซุนค่อยๆ ส่ายหัว แล้วถอนหายใจเบาๆ
ทันใดนั้น ฉีเหิงก็รู้สึกได้ถึงความเย็นอันแผ่วเบาที่แผ่มาจากด้านหลังของเขา ซึ่งทำให้ตัวเขาสั่นสะท้าน
ราวกับว่ามีสัตว์ร้ายยืนอยู่ข้างหลังฉีเหิง และอาจกลืนเขาลงไปในท้องเมื่อใดก็ได้
ฉีเหิงกลืนน้ำลายลึกๆ สองครั้ง จากนั้นรีบเดินไปที่ข้างร่างของบรรพบุรุษ และเริ่มตรวจร่างกายของอีกฝ่าย
“ผลกระทบของดอกบัวหยางซินนั้นอ่อนแอเกินไป หรือว่าร่างกายของบรรพบุรุษทรงพลังมากเกินไป? มันจึงไม่ได้ฟื้นฟูขึ้นกว่าเดิมมากนัก!” ฉีเหิงขมวดคิ้ว ซึ่งค่อนข้างเกินความคาดหมายของเขา
“บรรพบุรุษเฒ่า บรรพบุรุษเฒ่า ก่อนจะตายท่านแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน!” ฉีเหิงถอนหายใจด้วยอารมณ์ แต่เขาก็ไม่ท้อแท้ใจ แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น
แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบเจอในชีวิตก็ควรจะสามารถฟื้นคืนพลังส่วนใหญ่ได้ภายใต้การบำรุงของดอกบัวหยางซิน
แต่เมื่อดอกบัวหยางซินเข้าสู่ร่างกายของบรรพบุรุษ ดูเหมือนกับน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร ไม่มีระลอกคลื่นเลยแม้แต่น้อย!
“น่าเสียดาย คงจะดีไม่น้อยถ้าข้าสามารถโน้มน้าวผู้นำตระกูลให้เปลี่ยนใจ และหลอมศพของบรรพบุรุษให้กลายเป็นศพสงคราม เมื่อถึงตอนนั้นจะไม่มีใครสามารถต่อกรกับตระกูลลู่ได้ แม้แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบก็ตามที!” ฉีเหิงถอนหายใจเบาๆ น้ำเสียงและท่าทางของเขาดูเศร้าใจเล็กน้อย
เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งที่แม้จะมีศพที่สมบูรณ์แบบอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้
"..." ลู่ซุนซึ่งอยู่ข้างหลังฉีเหิงในขณะนี้ เมื่อได้ยินฉีเหิงพูดกับตัวเอง เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนี้กัน? ทำไมพวกเจ้าถึงชอบยุ่งกับร่างกายของข้านัก?
“ฉีเหิง ในเมื่อเจ้าปฏิบัติต่อข้าเป็นอย่างดี เจ้าก็สมควรได้รับรางวัล” ขณะที่ฉีเหิงถอนหายใจ เสียงที่คลุมเครือก็ดังเข้ามาในใจของเขา ทำให้ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อย
“ใคร?” จู่ๆ สีหน้าของฉีเหิงก็เปลี่ยนไป เขามองไปรอบๆ และถามอย่างกังวลใจ
ทั่วทั้งบริเวณโดยรอบเงียบสงัด ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย
“เมื่อกี้ข้าประสาทหลอนไปเองงั้นเหรอ?” ฉีเหิงขมวดคิ้ว และพึมพำกับตัวเอง เต็มไปด้วยความสงสัยในใจ
ขณะที่ฉีเหิงกำลังตกตะลึง เสียงที่คลุมเครือ ไม่อาจรู้ที่มาก็ดังเข้ามาในหูของเขาอีกครั้ง
“ใคร…ใครกำลังกลั่นแกล้งข้าอยู่!” ฉีเหิงตะโกนด้วยความโกรธ ใบหน้าของเขาดูน่าเกลียดเป็นอย่างมาก
แต่ในไม่ช้า เมื่อฉีเหิงตรวจสอบข้อมูลที่ส่งเข้ามาในใจเขา ดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ และไม่อยากจะเชื่อ
“นี่คือ... ศาสตร์แห่งการหลอมศพในตำนาน วิชาควบคุมศพ?” ฉีเหิงสูดลมหายใจลึก ดวงตาเบิกกว้าง