บทที่ 43 มันยากที่จะทำสิ่งใดโดยไม่มีเงิน
บทที่ 43 มันยากที่จะทำสิ่งใดโดยไม่มีเงิน
สำหรับเวทมนตร์อันที่ 4 นั้น หลังจากปรึกษากับรุ่นพี่มาร์คแล้ว โซลก็ตัดสินใจเลือกเวทมนตร์ระดับ 0 ธาตุมืด เอาไว้ต่อสู้กับอันเดด
เหตุผลหลักก็คือสภาพแวดล้อมการทำงานของเขาเสี่ยงต่อการเผชิญหน้ากับภูติผีเป็นอย่างมาก การต่อสู้กับอันเดดจะผลอย่างมากในการนี้
หลังจากศึกษามาประมาณ 2 ชั่วโมง เขาได้รับแนวคิดเบื้องต้นสำหรับรูปแบบการเลือกเวทมนตร์ใหม่แล้ว
โซลเตรียมตัวทำงานอีกครั้ง พร้อมกับลุกขึ้นต้อนรับแขกคนแรกของวัน
มันเป็นโครงกระดูกสีขาว
"มันแทบจะไม่เหลืออะไรเลย"
มันไม่มีแม้แต่เนื้อซักชิ้นบนร่างกายของเขา ราวกับมันเป็นศพที่ถูกขุดขึ้นมาจากดินเมื่อหลายทศวรรษก่อน
ศพที่เหลือเพียงโครงกระดูกทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
เขาวางเครื่องมือลง นำโครงกระดูกใส่ในกล่องใบใหญ่ แล้วมุ่งหน้าไปหารุ่นพี่อยู่ก่อนหน้า
"ข้าไม่รู้" เฮย์เดน ยังคงยืนอยู่ด้านหลังรอยแยกระหว่างประตูที่กว้างเพียงฝ่ามือ เมื่อพูดคุยกับโซล "เมื่อศพมาถึงข้า มันก็กลายเป็นโครงกระดูกสีขาวแล้ว"
เฮย์เดน จึงส่งต่อให้โซลทันที
โซลบอกลา เฮย์เดน และหันไปมองยังห้องของพ่อมดฝึกหัดระดับ 2 คนใหม่
พ่อมดฝึกหัดระดับ 2 คนใหม่ไม่ได้คุยง่ายเหมือนกับรุ่นพี่ไบรอน
เขาเกรงว่ามันคงไม่มีคำตอบแม้ว่าเขาจะถามก้ตาม
ขั้นตอนแรกของห้องเก็บศพ ไม่ต้องพูดถึงการรวบรวมชิ้นส่วนที่มีประโยชน์ ส่วนใหญ่จะเป็นการกำจัดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากศพ
ดังนั้นเมื่อศพถูกส่งมายังห้องเก็บศพ มันคงไม่มีเนื้อหนังหรือเลือดอยู่แล้ว
งานวันนี้ไม่ได้ผลาญพลังของโซลมากนัก และเนื่องจากไม่มีแขกรายอื่น โซลจึงทำการทดลองของเขาต่อไปได้
เพียงแต่ ความก้าวหน้าของการเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมดนั้นน้อยกว่าการเรียนรู้เวทมนตร์ของเขามาก
มันคงดีไม่น้อย หากการเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมดทำได้ง่ายๆ อย่างการศึกษา อักษรรูนและเวทมนตร์
ถ้าคนอื่น รู้ว่าโซลกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาอาจจะโกรธจนตายเลยก็ได้
เขาทิ้งวัสดุที่ทำการทดลองซึ่งใกล้จะระเบิดเต็มที
โซลหยุดอย่างกระทันหัน ขณะที่เขากำลังปิดฝากล่องใบใหญ่
"หืม"
กระดูกค่อยๆ เล็กลง มันถูกกัดกร่อนด้วยของเหลวจากการทดลองของโซลงั้นหรือ?
นี่เขาเพิ่งจะสร้างกรดเข้มข้นออกมาเหรอ?
โซลปิดฝากล่องซักพักแล้วจึงเปิดดูอีกครั้ง
กระดูกสีขาวหายไป แต่กล่องใบใหญ่ยังคงเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง
"ข้าว่ากล่องใบนี้คงจะมีค่าที่สุดในห้องเก็บศพทั้งหมดแล้ว"
โซล ตบไปที่กล่องใบใหญ่ และต้องการดึงชิ้นส่วนในนั้นออกมา
"หือ?" ทันใดนั้นโซลก็สังเกตเห็นก้อนกรวดสีเทาเล็กๆ ที่อยู่ด้านล่างของกล่อง
การร่ายเวทมนตร์ไม่ใช่ภาษาธรรมดา มันไม่เกี่ยวข้องกับภาษา ชื่อ หรือคำในชีวิตประจำวัน ความหมายทั้งหมดขึ้นอยู่กับพลังเวทมนตร์ องค์ประกอบ และพลังจิต ดังนั้นมันจึงใช้คำศัพท์น้อยมาก
เป็นเวลามากกว่า 1 เดือนแล้วที่โซลจดจำคำศัพท์ทั้งหมดในภาษาโนอาห์ เมื่อก่อนเขาพบว่ามันยากเหนือจินตนาการ แต่ตอนนี้เขาพบว่ามันช่างง่ายดาย
ทำให้เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
ดังนั้นในปัจจุบัน การศึกษาภาษาโนอาห์ของโซล จะมีไว้เพื่อรวบรวมข้อมูลเพื่อเป็นรากฐานในการทดลองการเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมด
แต่วันนี้เขาดูสับสนเล็กน้อย
ตอนที่เขาสังหารบราวน์เมื่อไม่กี่วันก่อน เขายังไม่รู้สึกอะไรเลย เขาคิดว่าจิตของเขาได้รับการพัฒนาให้แข็งแกร่งขึ้นเมื่อมายังโลกที่อันตรายแห่งนี้
แต่เมื่อเขาได้ยินการเสียชีวิตของ พ่อมดฝึกหัดหน้าใหม่ในวันนี้ ตัวเขากับรู้สึกไม่สบายใจ
สีหน้าของโซลยังคงไร้ความรู้สึก เขาหัวเราะเยาะตัวเองอยู่ภายในใจ
"แม้แต่ข้าก็ยังริเริ่มสังหารผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองแล้วงั้นหรือ?"
"ดูเหมือนข้าก็ไม่ใช่... คนดีแล้วเหมือนกัน"
เขาหลับตาลงและจดจำความทุกข์ทรมาน ณ ช่วงเวลานี้
และไม่เสียใจอีก
ไม่กี่วันต่อมา ขณะทำการทดลองในห้องเก็บศพ จู่ๆ โซลก็ตระหนักได้ว่า
แขกร่างโครงกระดูกที่เขาเห็นก่อนหน้านี้ อาจจะเป็นพ่อมดฝึกหัดหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในหอคอยพ่อมด
ศพทั้งหมดที่เสียชีวิตอย่างผิดปกติในหอคอยพ่อมด จะถูกส่งมายังห้องเก็บศพเพื่อจัดการ เพื่อหลีกเลี่ยงการกำเนิดของภูติผี และทำให้เกิดความวุ่นวาย
ในทางกลับกัน เขายังสามารถรวบรวมวัสดุบางอย่างจากศพ เพื่อใช้ในการทดลองการเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมดได้อีกด้วย
ด้วยวิธีการหลอมกลั่นกระดูกเหลวที่เพิ่งถูกค้นพบจากโครงกระดูกของพ่อมดให้หน้าใหม่คนนั้น ซึ่งชื่อ กระดูกเหลว คือชื่อที่โซลตั้งให้ เขาจึงทำการหลอมกลั่นกระดูกของเหล่าแขกในทุกวันนี้
แต่วันนี้เขาต้องหยุด
เนื่องจากวัสดุที่ใช้สำหรับการหลอมกลั่นนั้นหมดแล้ว
เขาไม่มีคริสตัลหรือคะแนนเหลืออีกด้วย
"ข้าจะมัวทำงานอย่างนี้ไม่ได้"
โซลยืนอยู่หน้าโต๊ะทดลอง พลางแตะคางของเขา
"การทำงานรายเดือนมาถึงทางตันแล้ว ข้าต้องหาทางใหม่"
สิ่งที่โซลต้องการคือ การเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมด ซึ่งพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 ทุกคนไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน บางคนไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
ดังนั้น รายได้ของพ่อมดฝึกหัดระดับทั่วไป จึงไม่สามารถรองรับการทดลองเป็นระยะเวลานานได้
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการทดลอง ทำให้วัสดุที่โซลส่งออกไปนั้น ลดลงอย่างมาก โชคดีที่อาจาร์ยแคซ ไม่เคยตำหนิเขาเรื่องนี้แม้แต่น้อย
เป็นผลให้โซลเริ่มกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ถึงอย่างนั้น วัสดุที่เขามีอยู่ก็เกือบจะหมดลงแล้ว
"ตอนนี้ข้าไม่มีสิ่งมีค่าติดตัวเลยนอกจาก ดวงตาเสียงภูติผี ซึ่งเป็นอาวุธที่ช่วยในการต่อสู้จะขายมันไม่ได้ ส่วนสูตรหลอมกลั่นกระดูกเหลว จะกลายเป็นอาวุธลับของข้ามันไม่สามารถปล่อยให้ข้อมูลรั่วไหลออกไปได้เช่นกัน"
ในตอนนั้น โซลก็นึกถึงประสบการณ์ในการศึกษาอักษรรูนของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งแผนผังการผสานรูน
หากเขาขายมันให้กับพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 ที่ร่ำรวยเหล่านั้น เขาอาจจะสร้างรายได้ๆ อย่างมหาศาล แต่สุดท้ายแล้วนี้ยังเป็นความรู้ที่แม้แต่รุ่นพี่ไบรอนก็ยังสนใจ
มันอาจเป็นวิธีที่ดูแปลกใหม่ แต่หลักการที่แท้จริงมันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น
เพียงแต่เขาต้องพิจารณาคู่ค้าอย่างรอบครอบ โดยเลือกผู้ที่ไม่มีความขัดแย้งด้านผลประโยชน์กับเขา และเลือกคนที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสม
เคลี่ เป็นตัวเลือกที่ดี แต่ เคลี่ เคยนำทรัพย์สมบัติของนางออกมาทั้งหมดแล้วครั้งหนึ่ง เขาไม่รู้ว่านางยังมีคริสตัลเวทมนตร์หรือคะแนนอยู่หรือไม่?
สำหรับพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 คนอื่นๆ โซลไม่สื่อสารกับพวกเขามากนัก
อีกทั้งเขายังไม่ต้องการติดต่อกับคนอื่น
"เดี๋ยวก่อนน" ดวงตาของโซลเปล่งประกายออกมา "ทำไมข้าถึงได้โง่ขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่ารุ่นพี่ไบรอน ซึ่งเป็นพ่อมดฝึกหัดระดับ 2 มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด"
เขาร่ำรวย ทรงพลัง พูดคุยได้ และไม่มีความขัดแย้งกับเขา
หลังจากทักทายรุ่นพี่ เฮย์เดนผ่านช่องทางลำเลียง โซลก็รีบไปตามไบรอนอย่างมีความสุข
"นี่คือชั้นที่ 10" โซลเดินอยู่บนทางลาดของชั้น 10 ของหอคอยตะวันตก
เขามาที่นี่หลายครั้งแล้ว เขารู้สึกว่าห้องของรุ่นพี่ไบรอนไม่น่าสร้างปัญหาให้กับเขา
ทางเดินของพ่อมดฝึกหัดระดับ 2 มักเงียบอยู่เสมอ ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาทำการของห้องทดลองต่างๆ
โซลเข้ามายังอย่างเร่งรีบ จนเกือบถึงประตูเขาจำได้ว่าอาจจะไม่เจอไบรอนในเวลานี้
ขณะที่เขาโซลกำลังเข้าใกล้ห้องพักของ รุ่นพี่ไบรอน จู่ๆ ประตูห้องข้างๆ ก็เปิดออกมา เป็นรุ่นพี่มาร์คที่เดินออกมา
"หือ โซล? เจ้ามาหาข้างั้นเหรอ" มาร์คทักทายโซลด้วยความประหลาดใจ